แม่ทัพภาค 2 เผยสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ดีขึ้น พร้อมประชุมเจรจา RBC เสมอ ขอรัฐบาลทั้ง 2 ประเทศแก้ปัญหาให้ลุล่วง และมั่นใจทุกอย่างจะจบก่อนตนเกษียณ


วันที่ 9 ก.ค. 68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ตั้งแต่จังหวัดสุรินทร์ ศรีสะเกษ - อุบลราชธานี นำสิ่งของพระราชทานมามอบให้ทหารที่มาปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดน พร้อมฝากให้กำลังพลปฏิบัติหน้าที่ด้วยความปลอดภัยดูแลสุขภาพตามที่ผู้บัญชาการทหารบกย้ำ เนื่องจากอยู่ในช่วงหน้าฝน ขอให้ผู้บังคับบัญชาดูแลความเป็นอยู่ของกำลังพล 

โดยแม่ทัพภาคที่ 2 ระบุถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา และประเด็นการสร้างรั้วแนวปราสาทตาเมือนธมว่า ต้องทำความเข้าใจร่วมกันทั้งสองฝ่ายในเรื่องของเขตแดนให้ตรงกัน เพราะถ้าสร้างอาจจะเกิดความขัดแย้งขึ้นได้ ถ้ายังไม่ได้ทำความเข้าใจกัน จึงต้องให้ระดับสูงพูดคุยกันก่อน จนเกิดความเข้าใจกัน หากจะสร้างโดยทันทีนั้นอาจเกิดความขัดแย้งได้

 ขณะนี้ทั้งฝ่ายไทยและกัมพูชาได้พูดคุยกันมาตลอด โดยเฉพาะปัญหาที่เกิดความไม่เข้าใจกันก็ต้องพูดคุยกัน เพื่อไม่ให้นำไปสู่ความรุนแรง ซึ่งบางครั้งเกิดความไม่เข้าใจกันเรื่องเส้นทางลาดตระเวน หรือทหารเปลี่ยนผลัดใหม่ก็ต้องทำความเข้าใจจนทุกวันนี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น 

ทั้งนี้ ผู้บังคับหน่วยระดับกองพันกองร้อยของทั้งสองฝ่าย ก็ประสานพูดคุยกันจนทำให้สถานการณ์ดีขึ้นแล้ว ขณะนี้รอสัญญาณความพร้อมในการประชุมคณะกรรมการชายแดนระดับภูมิภาค หรือ RBC ไทย-กัมพูชา จากผู้นำทางฝ่ายกัมพูชา เพราะในส่วนของไทยโดยเฉพาะ โดยส่วนตัวในฐานะประธาน RBC มีความพร้อมทุกวัน หากจะประชุมวันพรุ่งนี้ก็พร้อมเสมอ "เรารอแค่ทางกัมพูชาเป็นหลัก หากแจ้งกลับมาพรุ่งนี้ก็พร้อม หรือวันนี้ก็พร้อม เพราะเป็นประธานเอง ไม่ยากอะไร"

...

แม่ทัพภาคที่ 2 ยังกล่าวถึงกรณีที่กัมพูชาลาดตระเวน และมีการประชาสัมพันธ์เรื่องกระแสรักชาติของกัมพูชา ว่า ถือเป็นเรื่องปกติ และทางไทยเองก็เชิญชวนให้ประชาชนมาเที่ยวชมปราสาทตลอดแนวชายแดน ไทย-กัมพูชา มีหลายปราสาท ตั้งแต่ผามออีแดง จังหวัดศรีสะเกษ โดยยืนยันว่า 3 ปราสาท 1 พื้นที่ที่เป็นประเด็น คนไทยสามารถมาได้ทั้งหมด เพราะเป็นเขตของไทยอยู่แล้ว

 ขณะเดียวกันขอขอบคุณประชาชนที่ได้ร่วมกันมาท่องเที่ยวปราสาท ซึ่งกรมศิลปากรได้ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานไว้นานแล้ว โดยเฉพาะปราสาทตาเมือนธม รวมถึงปราสาทที่อยู่ใกล้เคียง ก็สามารถมาเที่ยวชมกันได้

แม่ทัพภาคที่ 2 ยังย้ำถึงกรณีที่จะครบวาระเกษียณในเดือนตุลาคมนี้ว่า ไม่มีปัญหา เพราะเชื่อมั่นผู้บังคับบัญชาที่จะคัดเลือกผู้มีความรู้ ความสามารถ มาเป็นแม่ทัพภาคที่ 2 คนต่อไป จึงไม่เป็นห่วง

สำหรับนโยบายปราบปรามคอลเซ็นเตอร์-สแกมเมอร์ จะส่งผลเพิ่มความตึงเครียดในพื้นที่ชายแดนหรือไม่ แม่ทัพภาคที่ 2 ย้ำว่า เรื่องนี้เป็นนโยบายรัฐบาล และความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา แต่ปัจจุบันปัญหานี้ลดไปได้มาก หมายเลขโทรศัพท์แปลกปลอมลดลง มีความเข้มงวดในมาตรการเข้า-ออกด่าน และขอย้ำว่า กำลังตามแนวชายแดนก็ตอบสนองนโยบายรัฐบาล โดย ผบ.ทบ. รับนโยบายจากกระทรวงกลาโหม และหน่วยในพื้นที่พร้อมปฏิบัติตาม หากเป็นคำสั่งที่ถูกต้องตามกฎหมาย

พร้อมย้ำว่า ไม่กังวลประเด็นเสถียรภาพของรัฐบาล เพราะทหารทำหน้าที่อยู่แล้ว และต้องดูแลความมั่นคงของประเทศ ส่วนการเมืองก็เป็นระบบต้องแก้ไขตามระบอบประชาธิปไตย และในส่วนของทหาร พร้อมทำงานแม้ว่าจะเปลี่ยนนายกรัฐมนตรีเป็นใคร และขอให้เป็นนายกรัฐมนตรีที่มีนโยบายชัดเจน และทำเพื่อประเทศชาติ ซึ่งทหารก็พร้อมจะตอบสนองอยู่แล้ว

แม่ทัพภาคที่ 2 ย้ำว่า จากสถานการณ์ช่องบก 28 พฤษภาคม 2568 จนถึงวันนี้ สถานการณ์ดีขึ้นโดยมีการปรับกำลังที่ช่องบก รวมถึงมีมาตรการด่าน เป็นการเสริมการทำงาน ทำให้สถานการณ์ดีขึ้นเป็นลำดับ สถานการณ์จะดีขึ้นอีกหรือไม่ ยังขึ้นอยู่กับนโยบายของผู้นำกัมพูชา ว่าจะทำให้สถานการณ์ในพื้นที่ดีขึ้นได้หรือไม่ เพราะฝ่ายไทยไม่มีปัญหาใดๆ โดยเฉพาะในประเด็น 3 ปราสาทกับหนึ่งพื้นที่ ที่ทางกัมพูชาได้ยื่นเรื่องต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศว่าจะเป็นไปในทิศทางใด ซึ่งเป็นหน้าที่ของรัฐบาล หากไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ทหารก็จะควบคุมพื้นที่อยู่เช่นเดิม

ส่วนจะมีประเด็นอะไรฝากถึงสมเด็จฮุนเซนและฮุนมาเนตหรือไม่ แม่ทัพภาคที่ 2 ย้ำว่า อยากให้ดูแลสุขภาพ และยังต้องการให้รัฐบาลทั้ง 2 ประเทศแก้ปัญหาให้ลุล่วงไปด้วยดี เพื่อความอยู่เย็นเป็นสุขของพี่น้องประชาชนทั้งไทยและกัมพูชา

ส่วนกรณีที่กองทัพไทยขอการสนับสนุนกระสุนจาก "จัสแมก" จนมีการวิเคราะห์กันว่า ไทยมีกระสุนไม่เพียงพอ พล.ท.บุญสิน กล่าวว่า ไม่น่าจะใช่เรื่องจริง แต่มีการให้ข่าวที่ค่อนข้างคลาดเคลื่อน โดยยืนยันว่า ทุกวันนี้มีเพียงพออยู่แล้ว พร้อมที่จะปกป้องประเทศชาติ พร้อมย้ำว่า ไทยมีกระสุนเต็มแม็ก

อย่างไรก็ตาม เมื่อถามถึงนโยบายของ พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ที่ระบุว่ามีความห่วงใยประชาชน พล.ท.บุญสิน กล่าวว่า ซึ่งที่ทำอยู่ในขณะนี้ก็ทำตามนโยบายของ ผบ.ทบ. ซึ่งตนก็ดำเนินการตามนโยบายทุกอย่าง รวมถึงการให้กำลังใจลูกน้องหน้าแนว ความเป็นอยู่หรือทุกอย่าง ก็ต้องขออนุมัติจาก ผบ.ทบ. รวมถึงนโยบายการเปิดปิดด่าน และการเข้าถึงจุดต่าง ๆ 

เมื่อถามถึงในฐานะเพื่อนทำให้การประสานงานไร้รอยต่อใช่หรือไม่ พล.ท.บุญสิน กล่าวว่า แน่นอน ตนคุยกับ ผบ.ทบ. ตลอด ส่วนกรณีพื้นที่แนวต้นพญาสัตบรรณ มีการดูแลอยู่ใช่หรือไม่ พล.ท.บุญสิน กล่าวว่า ใช่ ยังมีการดูแลอยู่ และเป็นจุดที่นัดเจอกันละแวกนั้น และมรดกปักปันเขตแดนเสร็จแล้ว แต่มีการอ้างอิงแผนที่คนละฉบับ ซึ่งอาจมีเหลื่อมกันบ้าง โดยภูมิประเทศกับแผนที่อาจจะเพี้ยนกันนิดนึง แต่ก็เอาโซนนั้นมาคุยกันเพื่อให้เกิดความเรียบร้อย

...

เมื่อถามว่าจะมีการริเริ่มสร้างศาลาตรีมุขเวอร์ชั่นสองเลยใช่หรือไม่ พล.ท.บุญสิน กล่าวว่า คงต้องรอสถานการณ์ดีขึ้น ความสัมพันธ์ดีขึ้น ก็จะมีการพัฒนาแต่ก็ขึ้นอยู่กับรัฐบาลทั้งสองประเทศ ซึ่งอาจมีการปรับปรุงเป็นแหล่งท่องเที่ยวก็ขึ้นอยู่กับรัฐบาล 

เมื่อถามย้ำว่าทหารไม่อยากให้มีการสู้รบในพื้นที่เกิดขึ้นใช่หรือไม่ พล.ท.บุญสิน กล่าวว่า ใช่ ทหารไทยเราไม่ต้องการอยู่แล้ว แต่ในฐานะหน้าที่ทหารก็ต้องปกป้องอธิปไตยอยู่แล้ว และมีความพร้อม 100 เปอร์เซ็นต์ มองว่าการประทะกันไม่ทำให้เกิดประโยชน์อะไร แต่หากจำเป็นก็ต้องปกป้องตนเองและแผ่นดินไทย พร้อมระบุว่า ไม่อยากให้มีการเปรียบเทียบศักยภาพทหารของทั้งสองฝ่าย 

พล.ท.บุญสิน กล่าวอีกว่า ยืนยันว่าหากเกิดสถานการณ์เกิดขึ้นจะจบภายในสามวันหรืออาจจะเร็วกว่านั้น ซึ่งหลาย ๆ อย่าง ขึ้นอยู่กับปัจจัยบอกเหตุหลายอย่าง และความเตรียมพร้อมจากทุกส่วนที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเราไม่อยากพูดถึงส่วนนั้น เพราะไม่อยากให้ใช้ความรุนแรงซึ่งกันและกัน มองว่าช่วงนี้เริ่มมีทิศทางที่ดีขึ้น ย้ำว่ามั่นใจทุกอย่างจะจบก่อนตนเกษียณภายใน 2 เดือน