โดย ชาญกิจ แสงกิตติไพบูลย์ ผู้อำนวยการ บริษัท เวอร์ทิฟ ประเทศไทย

ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกกำลังก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำระดับโลกด้านการขยายตัวของดาต้าเซ็นเตอร์อย่างรวดเร็ว ซึ่งขับเคลื่อนโดยการนำปัญญาประดิษฐ์ (AI) คลาวด์คอมพิวติ้ง และการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลมาใช้มากขึ้น ความโดดเด่นของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกกับการเติบโตของดาต้าเซ็นเตอร์สืบเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลอย่างรวดเร็ว ฐานผู้ใช้อินเทอร์เน็ตที่ขยายตัว และนโยบายการสนับสนุนของภาครัฐ จากข้อมูลของ IDC¹ (Datacenter IT Power Capacity in Asia/Pacific) คาดการณ์ว่ากำลังไฟฟ้าติดตั้งของดาต้าเซ็นเตอร์ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกจะเติบโตด้วยอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) ที่ 14.2% ไปจนถึง 94.9 กิกะวัตต์ภายในปี 2571 การเติบโตอย่างรวดเร็วนี้ตอกย้ำถึงบทบาทสำคัญของภูมิภาคในเศรษฐกิจดิจิทัล

อย่างไรก็ตาม การเติบโตอย่างรวดเร็วนี้แสดงให้เห็นถึงความท้าทายที่สำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องความรับผิดชอบด้านสิ่งแวดล้อม เนื่องจากดาต้าเซ็นเตอร์ใช้พลังงานจำนวนมาก และการขยายตัวของดาต้าเซ็นเตอร์ยิ่งเพิ่มความกังวลเกี่ยวกับปริมาณการใช้พลังงานและการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ความต้องการที่เพิ่มขึ้นสำหรับระบบการประมวลผลสมรรถนะสูง (HPC) ทำให้ดาต้าเซ็นเตอร์จำเป็นต้องขยายขนาดอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมดำเนินการด้านกลยุทธ์มาใช้ควบคู่กันไปเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

ความขัดแย้งด้านความยั่งยืน: การเติบโต vs ผลกระทบ

เมื่อทั่วโลกกำลังให้ความสนใจไปยังอุตสาหกรรมที่มีการใช้พลังงานในปริมาณมาก ความเร่งด่วนในการเติบโตอย่างยั่งยืนก็ยิ่งทวีความเข้มข้นขึ้น และในขณะที่ตลาดต่าง ๆ ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกรวมถึงประเทศไทย² ต่างมุ่งสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ หรือ Net-Zero อุตสาหกรรมดาต้าเซ็นเตอร์จำเป็นต้องพิจารณากลยุทธ์การระบายความร้อนและประสิทธิภาพการใช้พลังงาน เพื่อให้สามารถเติบโตได้โดยไม่ทำให้ความท้าทายด้านสภาพภูมิอากาศที่มีอยู่รุนแรงขึ้น

ในขณะที่การใช้พลังงานเป็นข้อกังวลที่มีอยู่มาอย่างยาวนาน การใช้น้ำกำลังกลายเป็นประเด็นสำคัญไม่แพ้กัน ดาต้าเซ็นเตอร์ที่เติบโตเร็วที่สุดหลายแห่งในภูมิภาคต่างกำลังเผชิญกับปัญหาการขาดแคลนน้ำ ซึ่งส่งผลกระทบให้การระบายความร้อนแบบเดิม ๆ ไม่เหมาะสมกับการใช้ในระยะยาวมากขึ้นเรื่อย ๆ การระบายความร้อนด้วยของเหลวกำลังกลายเป็นวิธีที่จำเป็นสำหรับดาต้าเซ็นเตอร์

วิธีการจ่ายพลังงานและระบายความร้อนของดาต้าเซ็นเตอร์ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าจะเป็นตัวกำหนดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมของอุตสาหกรรมนี้ ในขณะที่ความคาดหวังด้านความรับผิดชอบขององค์กรเพิ่มสูงขึ้น บริษัทต่าง ๆ จำเป็นต้องนำนวัตกรรมโซลูชันระบายความร้อนที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นมาใช้ เพื่อลดการใช้พลังงานโดยไม่กระทบต่อประสิทธิภาพการทำงาน

การคิดใหม่เรื่องการระบายความร้อน: กุญแจสำคัญสู่ดาต้าเซ็นเตอร์ที่มีความรับผิดชอบมากขึ้น

เนื่องจากปริมาณงาน AI กำลังผลักดันให้ความหนาแน่นของพลังงานสูงขึ้นอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ทำให้วิธีการระบายความร้อนด้วยอากาศแบบดั้งเดิมเข้าสู่ขีดจำกัด ภาคอุตสาหกรรมจึงจำเป็นต้องเปิดรับโซลูชันระบายความร้อนรูปแบบใหม่ที่ปรับปรุงประสิทธิภาพไปพร้อมกับการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม การที่ระบบระบายความร้อนด้วยของเหลวกำลังก้าวขึ้นมาเป็นโซลูชันชั้นนำ เป็นสัญญาณถึงความสำคัญที่เพิ่มขึ้นของเทคโนโลยีโซลูชันระบายความร้อนใหม่ ๆ เนื่องจากปริมาณงานของ AI มีจำนวนมากเกินขีดความสามารถของระบบระบายความร้อนด้วยอากาศแบบดั้งเดิม

การนำเทคโนโลยีระบายความร้อนด้วยของเหลวได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ซึ่งเป็นตัวเร่งในการนำไปสู่การมีประสิทธิภาพด้านพลังงานและความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่มีภูมิอากาศแบบร้อนชื้นนับเป็นความท้าทายอย่างมากและเป็นอุปสรรคสำคัญที่ผู้ใช้บริการโซลูชันด้านพลังงานจำเป็นต้องมีนวัตกรรมใหม่ ๆ เพื่อพัฒนาระบบที่สามารถดำเนินการได้อย่างเสถียรและมีประสิทธิภาพภายใต้สภาวะเหล่านี้ การประมวลผลที่ขับเคลื่อนด้วย AI ควบคู่กับเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพด้านพลังงานเป็นหนึ่งในแนวทางที่สามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิผลแม้ในสภาพแวดล้อมที่ท้าทาย และยังสะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพของทางเลือกที่รักษาสมดุลระหว่างการจัดการความร้อนและความยั่งยืน

ประเทศไทย³ ที่กำลังอยู่ในช่วงการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลอย่างรวดเร็วซึ่งมีการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญในตลาดดาต้าเซ็นเตอร์ ซึ่งคาดว่าจะขยายตัวเพิ่มขึ้น 8% ภายในปีนี้ หรือมีมูลค่ารวมกว่า 12.7 พันล้านบาท การขยายตัวนี้มาจากการเติบโตของ AI ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งต้องการระบบคอมพิวเตอร์ประสิทธิภาพสูงส่งผลให้ประเทศไทยนำเทคโนโลยีการประมวลผลที่มีประสิทธิภาพมาใช้มากขึ้น เพื่อรองรับความต้องการทางเทคโนโลยี และเพื่อตอบโจทย์สำหรับเป้าหมายด้านความยั่งยืนที่ประเทศไทยมีเจตนารมณ์จะเป็นประเทศ Net-Zero ภายในปี 2608 และความต้องการทางเทคโนโลยี การนำโซลูชันระบายความร้อนที่ประหยัดพลังงานมาใช้งานจึงกลายเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับตลาดดาต้าเซ็นเตอร์ในประเทศไทย

หนึ่งในโซลูชันที่กำลังได้รับความสนใจคือการระบายความร้อนแบบแช่โดยตรงที่ตัวชิป (Immersion Cooling) วิธีการดังกล่าวจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการระบายความร้อนอย่างมาก ช่วยลดพลังงานที่จำเป็นในการรักษาอุณหภูมิของโปรเซสเซอร์ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม พร้อมทั้งปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงาน ผู้นำในอุตสาหกรรมอย่าง Oxigen⁴ ได้เริ่มติดตั้งดาต้าเซ็นเตอร์ที่มีระบบระบายความร้อนด้วยของเหลวแล้ว ซึ่งการดำเนินการนี้ได้สร้างมาตรฐานใหม่ทางด้านประสิทธิภาพสำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมดาต้าเซ็นเตอร์

นอกเหนือจากการระบายความร้อนด้วยของเหลวแล้ว เทคโนโลยีอื่น ๆ ก็กำลังปรับเปลี่ยนแนวทางที่อุตสาหกรรมใช้ในการจัดการความร้อนอย่างมีความรับผิดชอบ ระบบน้ำเย็นที่ใช้สารทำความเย็นที่มีค่า GWP ต่ำ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม การนำความร้อนกลับมาใช้ใหม่และการรีไซเคิลพลังงานกำลังได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น โดยมีการนำความร้อนส่วนเกินไปใช้ประโยชน์ในด้านต่าง ๆ เช่น กระบวนการอุตสาหกรรม และการทำน้ำร้อนใช้ในครัวเรือน⁵ ในขณะที่ระบบระบายความร้อนแบบไฮบริดที่ผสานการใช้พลังงานหมุนเวียนร่วมกับพลังงานแบบดั้งเดิม ก็มอบทางเลือกที่ยืดหยุ่นและทนทานมากขึ้นให้อุตสาหกรรมในการปรับปรุงประสิทธิภาพการระบายความร้อน

อนาคตแห่งดาต้าเซ็นเตอร์ที่ต้องมีความรับผิดชอบมากขึ้น

เมื่อ AI เพิ่มการขยายตัวของดาต้าเซ็นเตอร์อย่างต่อเนื่อง อุตสาหกรรมจำเป็นต้องจัดลำดับความสำคัญเรื่องผลกระทบในระยะยาวและพิจารณาถึงแนวทางการออกแบบและดำเนินงานของโรงงาน ระบบระบายความร้อนที่ถูกขับเคลื่อนโดย AI ถูกพัฒนาให้มีความชาญฉลาดและมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วยการจัดการภาระงานที่เปลี่ยนแปลงเสมอแบบทันท่วงที ซึ่งจะช่วยลดการใช้พลังงานและพัฒนาประสิทธิภาพโดยภาพรวม

ในขณะเดียวกัน โครงสร้างพื้นฐานดาต้าเซ็นเตอร์ก็กำลังได้รับการปรับปรุงใหม่เพื่อประสิทธิภาพที่สูงขึ้น รายงาน⁶ ระบุว่าผู้ให้บริการหันมาใช้การออกแบบแบบโมดูลาร์หรือแบบแยกส่วน และแบบสำเร็จรูปมาใช้มากขึ้น ซึ่งช่วยให้ติดตั้งได้รวดเร็วขึ้น มีประสิทธิภาพด้านพลังงานที่ดีขึ้นและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ศูนย์ดาต้าเซ็นเตอร์ยุคใหม่เหล่านี้กำลังบูรณาการระบบแลกเปลี่ยนความร้อน (Heat Recovery System) เทคโนโลยีระบายความร้อนที่ปล่อยมลพิษต่ำ และการจัดการทรัพยากร เข้ามาช่วยและรับประกันว่าจะสามารถขยายการเติบโตของดิจิทัลได้อย่างมีความรับผิดชอบ

นอกจากนี้ การตระหนักถึงบทบาทสำคัญของประเทศไทยในการขับเคลื่อนการเติบโตของดาต้าเซ็นเตอร์ ท่ามกลางเป้าหมายด้านความยั่งยืนของประเทศ ขั้นตอนสำคัญคือการสร้างการตระหนักรู้ในกลุ่มผู้กำหนดนโยบายประเทศเกี่ยวกับประโยชน์ในระยะยาวของเทคโนโลยีที่ขับเคลื่อนด้วย AI ซึ่งช่วยส่งเสริมประสิทธิภาพด้านพลังงานและความแข็งแกร่งของโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานของประเทศ

ขับเคลื่อนอนาคตแห่งดิจิทัลที่รับผิดชอบมากยิ่งขึ้น

ทางเลือกที่ตัดสินใจในวันนี้จะเป็นตัวกำหนดผลกระทบระยะยาวของดาต้าเซ็นเตอร์ ในขณะที่โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลเติบโตอย่างต่อเนื่อง ธุรกิจต่าง ๆ ต้องดำเนินการอย่างเข้มงวดเพื่อลดผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมควบคู่ไปกับการตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นของ AI และการประมวลผลประสิทธิภาพสูง การนำโซลูชันการระบายความร้อนแบบใหม่ บูรณาการกับประสิทธิภาพที่ขับเคลื่อนด้วย AI และเปิดรับพลังงานทางเลือกมาใช้ จะช่วยให้ดาต้าเซ็นเตอร์จะสามารถเติบโตต่อไปได้โดยไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม อย่างไรก็ตาม ความท้าทายนี้ยิ่งใหญ่ แต่ก็นำมาสู่โอกาสในการเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงด้านพลังงานระดับโลกด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตามต้องมั่นใจว่าการเติบโตนี้จะไม่แลกมาด้วยราคาที่โลกต้องจ่าย

¹IDC: Datacenter IT Power Capacity in Asia/Pacific* to Reach 94.4 Gigawatts in 2028

²Thailand reaffirms green pledges

³Thailand Data centre service market to expand 8%

Vertiv and Oxigen: Building Data Centres for the Future

Redefining efficiency: How and why data centers are embracing heat reuse

Prefabricated Modular Data Center Report - 2023