“ไม่มีอะไรยิ่งใหญ่กว่าการชนะใจตัวเอง” แม้จะไม่ใช่เรื่องง่าย แต่พลังของมันก็ส่งผลถึงตนเองและผู้อื่นได้อีกมากมาย ด้วยเหตุนี้ สสส. และเครือข่ายองค์กรงดเหล้า จึงดึงเอาแนวคิดนี้มาใช้เพื่อรณรงค์และส่งพลังถึงนักดื่มว่า หากสามารถใช้สติของตนเองเป็นที่ตั้งและเอาชนะใจตัวเองได้ การลด ละ เลิก ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ก็จะไม่ใช่เรื่องไกลเกินความเป็นจริง พร้อมกันนี้ยังมีภาคีความร่วมมือรณรงค์งดเหล้าอีกกว่า 6,050 แห่งอยู่เคียงข้าง กับกลไกการทำงานที่จะช่วยสนับสนุนให้การงดเหล้าเข้าพรรษาประสบความสำเร็จ ได้สติกลับคืนมา และสร้างจุดเปลี่ยนให้กับชีวิตเช่นกัน
ดื่มเหล้า เท่ากับความสุขเทียม

นพ.พงศ์เทพ วงศ์วัชรไพบูลย์ ผู้จัดการกองทุน สสส. กล่าวว่า สิ่งหนึ่งที่ สสส. และเครือข่ายองค์กรงดเหล้าตั้งใจสื่อสารมากขึ้นคือ การดื่มเหล้า หรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นความสุขชั่วคราว หรือความสุขเทียม ซึ่งความสุขเทียมเหล่านี้จะกลายเป็นปีศาจร้ายทำลายชีวิตมากขึ้นเรื่อยๆ เหตุนี้ สสส. และภาคี จึงได้ผนึกกำลังกันมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่มีการผ่อนคลายมาตรการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ทั้งนี้อาศัยเทศกาลเข้าพรรษาเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี โดยเข้าพรรษา ปี 2568 นี้ สสส. และภาคีเครือข่าย ดึงเอาสิ่งสำคัญที่สุดอย่างหนึ่งมาใช้เป็นเครื่องมือที่มีพลังยิ่งใหญ่ นั่นคือ “สติ” ภายใต้แนวคิด “มีสติ มีสุข ทุกโอกาส” เพื่อให้การลด ละ เลิก ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เริ่มต้นได้ที่ตัวเอง

“ทุกๆ ปีเมื่อถึงช่วงเข้าพรรษา เราก็จะรณรงค์ให้คนได้ลด ละ เลิก ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ แต่ปีนี้ได้เพิ่มเติมขึ้นด้วยการอยากให้ผู้คนได้ฝึกสติ เพราะสตินั้นเปรียบเสมือนเพื่อนที่ดีที่สุดของแต่ละคน เป็นทั้งเบรค และคันเร่งของชีวิต มีสติก็มีความยับยั้งชั่งใจ ขณะเดียวกันการงดดื่มเองก็เป็นส่วนหนึ่งของการทำให้คนคนนั้นได้สติกลับคืนมาอีกด้วย โดยข้อมูลจากการสำรวจในผู้ที่งดเหล้าเข้าพรรษาจำนวนกว่า 13 ล้านคน นอกจากจะพบว่ามีสุขภาพดีขึ้นอย่างชัดเจนแล้ว อีกส่วนหนึ่งยังประหยัดค่าใช้จ่าย คือมีสติในการใช้เงิน และสามารถนำเงินส่วนนี้ไปใช้จ่ายในสิ่งที่มีประโยชน์มากขึ้นได้ นอกจากนี้การได้สติกลับคืนมา ยังทำให้ความสัมพันธ์กับคนรอบข้างดีขึ้นด้วย สติ หรือการมีสติกับเรื่องการงดเหล้าเข้าพรรษานี้ จึงถือเป็นโจทย์ใหม่สำหรับ สสส. และภาคีเครือข่าย แต่ก็เป็นโจทย์ใหม่ที่ท้าทายอย่างมากสำหรับทุกภาคีเครือข่ายที่เราทำงานร่วมกันในประเด็นเรื่องแอลกอฮอล์ จริงๆ แล้วสิ่งที่เราหวังอยากให้เกิดขึ้นกับการงดเหล้าเข้าพรรษา คือ อยากให้เป็นจุดเริ่มต้น และจุดเปลี่ยนสำหรับใครอีกหลายคน”
นพ. พงศ์เทพ ยังได้ระบุถึงข้อมูลจากศูนย์วิจัย SAB ที่ประเมินโครงการงดเหล้าเข้าพรรษา ปี 2567 พบว่า มีคนไทยร่วมงดเหล้า จำนวนถึง 13,154,239 คน โดยเป็นผู้ที่งดตลอดพรรษา 7,646,408 คน (58.1%) งดเป็นบางช่วง 2,681,000 คน (20.4%) และผู้ที่ไม่งดแต่ลดการดื่มลง 2,826,831 คน (21.5%) ซึ่งมีกลุ่มตัวอย่าง 73% ระบุว่าได้รับผลดีอย่างน้อย 1 อย่างจากการลด ละ เลิกเหล้าในช่วงเข้าพรรษา ตัวอย่างของผลดีที่ได้รับระบุถึงผลดีด้านสุขภาพกาย 48.6% ประหยัดค่าใช้จ่าย 40.5% และสุขภาพจิตดีขึ้น 31.4% อีกทั้งกลุ่มตัวอย่างกว่าครึ่ง หรือ 58.4% มีความตั้งใจว่าในปี 2568 นี้จะลด ละ เลิกเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ต่ออีกปี โดยศูนย์วิจัย SAB ยังได้ประเมินด้วยว่า โครงการงดเหล้าเข้าพรรษาที่ผ่านมาช่วยให้เกิดการประหยัดเงินรวมถึงกว่า 1 หมื่นล้านบาท นอกจากนี้ ผู้จัดการ สสส. ได้กล่าวถึงงานวิจัยของ นพ.อุดมศักดิ์ แซ่โง้ว และคณะ ที่ได้ทำการวิเคราะห์ในระดับประชากร โดยเปรียบเทียบยอดขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในช่วงก่อนรณรงค์งดเหล้าเข้าพรรษาปี 2546 กับหลังจากมีการรณรงค์ในช่วง 3 เดือน พบว่า การรณรงค์ทำให้การดื่มของคนไทยลดลงในช่วง 3 เดือน ถึง 9.97% นั่นแปลว่าการรณรงค์และการสื่อสารส่งผลต่อการสร้างการตระหนักรู้ของผู้คนได้มากขึ้น

แรงหนุนจากภาคี เพื่อบรรลุเป้าหมาย

แม้ “สติแห่งตน” จะเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของการบรรลุเป้าหมาย แต่กลไกการทำงานของภาคีเครือข่ายก็เป็นแรงหนุนที่ดี ขณะเดียวกันยังเป็นเครื่องยืนยันอีกว่า เมื่อตัดสินใจเดินเส้นทางนี้ “คุณไม่ได้ก้าวไปเพียงลำพัง” ซึ่ง คุณธีระ วัชรปราณี ผู้อำนวยการ สคล. ให้ข้อมูลเรื่องนี้ว่า ปัจจุบันมีภาคีความร่วมมือรณรงค์งดเหล้าเข้าพรรษาจำนวนถึง 6,050 แห่งแล้ว โดยในจำนวนนั้นประกอบด้วย สถานศึกษา 2,500 แห่ง ที่ทำกิจกรรม “โพธิสัตว์น้อย ลูกขอพ่อแม่เลิกเหล้า” ที่นักเรียนเขียนจดหมายเชิญชวนพ่อแม่ลดละเลิกการดื่ม ซึ่งได้ส่งเสริมมาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงยังมีชุมชนอีก 1,178 แห่ง ดำเนินกลไกผ่านกระบวนการ “5 ช.” ได้แก่ ชวน ช่วย ชม เชียร์ เชิดชู พร้อมยกย่องผู้ที่สามารถงดเหล้าได้ตลอดพรรษา นำไปสู่การเป็น “คนหัวใจหิน หัวใจเหล็ก และหัวใจเพชร” รวมทั้งยังมีอำเภอ จำนวน 150 แห่ง ประกอบด้วยนายอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และ อสม. รณรงค์ชวนประชาชนร่วมปฏิญาณตนงดเหล้า พร้อมกับองค์กรต่างๆ อีกจำนวน 2,222 แห่ง ที่ร่วมโครงการผ่านระบบลงทะเบียนออนไลน์ โดยร่วมกิจกรรมและรับใบประกาศเกียรติคุณ ไม่ว่าจะเป็น ธ.ก.ส., กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม, เทศบาล, ที่ว่าการอำเภอ, โรงเรียน และหน่วยงานสาธารณสุขในพื้นที่ เป็นต้น ทั้งนี้ งดเหล้าเข้าพรรษา เป็นเพียงหมุดหมายหนึ่ง และการรณรงค์ต่างๆ จะยังคงทำต่อไปอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่มีการผ่อนคลายมาตรการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ลงในบางประเด็น

“ถึงแม้ปัจจุบันจะมีการผ่อนคลายมาตรการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในบางเรื่องบางจุด แต่ตัว พรบ. หลักยังคงอยู่ รวมถึงยังมีอีกหลายจุดที่ไม่ได้ผ่อนปรน ยกตัวอย่างการห้ามทำโปรโมชั่น การห้ามจำหน่ายแก่เด็ก จนถึงช่วงเวลาต่างๆ ที่ยังคงห้ามจำหน่าย ซึ่งในแง่การทำงาน ก็จะเป็นหน้าที่ของเราที่จะประสานการทำงานกับหน่วยงานภาครัฐมากขึ้นเพื่อให้ข้อกฎหมายต่างๆ ที่มีความแข็งแรงอยู่แล้วยังคงแข็งแรงต่อไป เหนืออื่นใดสิ่งที่เรากำลังทำคือ การทบทวนการทำงานที่จะย้อนกลับมาที่การพยายามสร้างความรอบรู้ด้านสุขภาพให้กับประชาชนตามแนวทางของ สสส. เราเชื่อว่าคนไทยควรมีทักษะในการหาและเข้าถึงข้อมูลสำหรับการเลือกที่จะใช้ หรือเลือกที่จะไม่ใช้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดก็ตาม ฉะนั้นแล้วโจทย์การทำงานของเราคือ การทำยังไงจะสร้างการรับรู้ หรือชุดข้อมูลสำหรับเด็กและเยาวชนให้เขาได้คิดและตัดสินใจได้ด้วยตนเองว่า เขาเลือกที่จะไม่ดื่ม สำหรับเราการสร้างความรอบรู้จึงเป็นเรื่องสำคัญ ขณะเดียวกันก็ต้องทำให้ประชาชนรู้เท่าทันการตลาดด้วยเช่นกัน แต่ทั้งหมดทั้งมวลปัญหาสุขภาพที่มาจากปัจจัยเสี่ยงต่างๆ เหล่านี้ก็มีความซับซ้อนมากขึ้น การทำงานจึงต้องทำแบบบูรณาการ และผสานความร่วมมือกับภาคส่วนอื่น และหน่วยงานอื่นมากยิ่งขึ้น”

แน่นอนว่า หากผนึกกำลังกับภาคส่วนอื่น ทั้งภาคประชาชน ภาคประชาสังคม ไปจนถึงภาครัฐได้มากขึ้น พลังของการขับเคลื่อนก็จะมีมากขึ้นตามไปเช่นกัน ดังตัวอย่างจาก 9 โมเดลพื้นที่ต้นแบบ ที่เป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนสังคมผ่านเครือข่ายต่างๆ ที่สร้างผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในงานแถลงข่าวโครงการงดเหล้าเข้าพรรษา ปี 2568 เมื่อเร็วๆ นี้ มีตัวแทนจากเครือข่ายต่างๆ ร่วมแสดงทรรศนะและบอกเล่าแนวทางการทำงาน อันได้แก่ เครือข่ายสังฆเพื่อสังคม นำโดย พระครู สุมณฑ์ธรรมธาดา เจ้าคณะตำบลและเจ้าอาวาสคลองกระจง อ.สวรรคโลก จ.สุโขทัย, ภาคีรัฐวิสาหกิจ จาก ธ.ก.ส. นำโดย คุณมานพ จินาไหม ผู้ช่วยผู้จัดการ สายงานทรัพยากรมนุษย์และพัฒนาองค์กร ธ.ก.ส., ภาคีนายอำเภอ นำโดย คุณทศพล จักรบุญมา นายอำเภอวังเหนือ จ.ลำปาง, ภาคีปกครองท้องถิ่น นำโดย คุณยุทธ บุญเกษ รองนายกฯ เทศบาล เมืองวังสะพุง จ.เลย, ภาคีตำรวจ นำโดย พ.ต.ท.ประเสริฐ ฟุ้งพิมาย รองผู้กำกับการป้องกันปราบปราม สถานีตำรวจภูธรพิมาย จ.นครราชสีมา, เครือข่ายโรงเรียนคำพ่อสอน นำโดย คุณวนิดา บุญมั่น ผู้อำนวยการ รร.วัดสระแก้ว จ.นครศรีธรรมราช, ภาคีสถานประกอบการ นำโดย คุณวินัยศักดิ์ เหมืองทอง ผู้จัดการโครงการ SHAP กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม, ภาคีผู้ใหญ่บ้าน นำโดย คุณอภิสิทธิ์ ภูชัยแสง ผู้ใหญ่บ้านโคกเครือ ต.อุ่มเม่า อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ และเครือข่ายชุมชน นำโดย คุณปิยะนาฎ ใหม่นา ชมรมคนหัวใจเพชร ชุมชนบ้านตุ่นใต้ อ.เมือง จ.พะเยา


โดยการทำงานผ่านกลไกเล็ก ๆ ต่าง ๆ เหล่านี้ล้วนเป็นแรงหนุนสำคัญที่ทำให้ผู้ที่อยากเริ่มต้นงดเหล้าเข้าพรรษาสามารถทำภารกิจได้สำเร็จเช่นกัน ขณะเดียวกันก็ส่งผลลัพธ์ที่ดีและช่วยแก้ไขปัญหาอื่น ๆ ได้อีก เช่น ปัญหาเรื่องความเป็นอยู่ จนถึงปัญหาหนี้สิน เนื่องจากเป็นการทำงานผ่านการขับเคลื่อนที่มีทิศทาง ยกตัวอย่างชมรมคนหัวใจเพชร ชุมชนบ้านตุ่นใต้ ที่ใช้พลังจากชุมชนเข้มแข็งมาเป็นฐานสำคัญ คุณปิยะนาฎ ใหม่นา จากชุมชนบ้านตุ่นใต้ เล่าว่า การทำงานเริ่มต้นจากการรวมพลังของแกนนำ ทั้งกลุ่มพลังหญิง และกลุ่มคนหัวใจเพชร โดยจะชักชวนคนที่สนใจเลิกเหล้าเริ่มจากหมู่บ้านละ 3 คน และใช้เครื่องมืออย่างความรู้ด้านสุขภาพ จนถึงความรู้ทางเศรษฐศาสตร์ในครัวเรือน อย่างการออม และการจัดการ เข้าไปมีส่วนร่วมขับเคลื่อน เพื่อให้การงดเหล้ามีเป้าหมายและนำไปสู่ผลลัพธ์ที่จับต้องได้ เช่นเดียวกันกับการรณรงค์จากฐานรากของผู้นำชุมชนอย่างชุมชนบ้านโคกเครือ ต.อุ่มเม่า อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่บทบาทจากผู้นำชุมชนมีผลต่อชุมชนอย่างมาก ชุมชนบ้านโคกเครือประสบความสำเร็จจากการมีผู้นำชุมชนเป็นต้นแบบ ขณะเดียวกันก็เป็นชุมชนที่มีการสื่อสารผ่านกลไกเวทีประชาคมหมู่บ้าน นำไปสู่การสร้างมติร่วมกันเพื่อให้เกิดงานบุญประเพณีปลอดเหล้า งานศพปลอดเหล้าขึ้น นอกจากนี้ยังมีผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมจากกิจกรรมงดเหล้า-เงินออม ที่ทำให้ผู้เข้าร่วมโครงการมีความเป็นอยู่ดีขึ้น ส่งผลให้จำนวนนักดื่มที่สนใจเข้าร่วมโครงการมีมากขึ้นอีกด้วย


แม้จะเป็นเวลาเพียง 3 เดือน แต่งดเหล้าเข้าพรรษาก็สามารถเป็นจุดเริ่มต้นและจุดเปลี่ยนในชีวิตของใครอีกหลายคนได้เช่นกัน สำหรับผู้ที่ต้องการคำปรึกษาการดื่มสุรา หรือบุคคลรอบข้างที่ได้รับผลกระทบจากคนดื่ม สามารถโทรปรึกษาฟรีได้ที่ โทร 1413 หรือปรึกษาออนไลน์ได้ทางเว็บไซต์ www.1413.in.th หรือทาง Chatbot น้องตั้งใจ Line@1413 สายด่วนเลิกเหล้า นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมเพื่อการส่งเสริมการงดเหล้าเข้าพรรษาที่เข้าถึงคนทุกกลุ่มได้มากขึ้นอีก โดยเปิดให้ร่วมลงนามงดเหล้าเข้าพรรษาปฏิญาณตนออนไลน์ ผ่าน https://noalcohol.ddc.moph.go.th/ เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งของจุดเริ่มต้นที่ดี รวมถึงฝึกสติสู่การงดเหล้าเข้าพรรษาไปพร้อมกัน