ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา โลกได้เผชิญกับการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศอย่างรุนแรง หนึ่งในต้นเหตุสำคัญเป็นผลจากการปล่อยก๊าซเรือนกระจก พลังงานหมุนเวียนจึงกลายเป็นคำตอบของการพัฒนาอย่างยั่งยืน การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ได้ยืนหยัดเดินหน้าพัฒนาการผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานหมุนเวียนจากแหล่งพลังงานหลายชนิด ซึ่งล้วนแต่มีความโดดเด่นเฉพาะตัวที่ช่วยเสริมศักยภาพและความมั่นคงด้านพลังงาน พร้อมตอบโจทย์ด้านสิ่งแวดล้อม
‘พลังงานแสงอาทิตย์’ จากแสงแดดสู่แสงไฟ
หนึ่งในพลังงานหมุนเวียนที่มีศักยภาพสูง ด้วยทำเลที่ตั้งของประเทศไทยซึ่งอยู่ใกล้เส้นศูนย์สูตร ทำให้แสงอาทิตย์หรือแสงแดดเป็นพลังงานที่หาได้ง่ายและมีตลอดทั้งปี กฟผ. จึงได้พัฒนาโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ ในพื้นที่ศักยภาพที่มีความเข้มของแสงเหมาะสม รวมไปถึงพื้นที่ห่างไกลที่ไม่สามารถขยายระบบสายส่งไฟฟ้าแรงสูงเข้าไปได้

โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ทุ่นลอยน้ำที่ติดตั้งบนผิวน้ำของอ่างเก็บน้ำในเขื่อน ช่วยลดการใช้พื้นที่บนบก เป็นการใช้พื้นที่ผิวน้ำและสินทรัพย์ระบบส่งไฟฟ้าของเขื่อนที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ปัจจุบันมีโครงการที่เดินเครื่องจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบแล้ว 2 แห่ง คือ โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ทุ่นลอยน้ำร่วมกับโรงไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนสิรินธร จ.อุบลราชธานี และโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ทุ่นลอยน้ำฯ เขื่อนอุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น พร้อมเตรียมพัฒนาโครงการเพิ่มเติมในพื้นที่เขื่อนศรีนครินทร์ และเขื่อนวชิราลงกรณ จ.กาญจนบุรี รวมถึงเขื่อนภูมิพล จ.ตาก ตามร่างแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทยฉบับใหม่ ที่กำหนดให้พัฒนาโครงการฯในพื้นที่เขื่อนของ กฟผ. ทั่วประเทศ กำลังผลิตรวม 2,725 เมกะวัตต์

‘พลังงานน้ำ’ สายน้ำแห่งชีวิต เสริมพลังงานมั่นคง
อีกหนึ่งแหล่งพลังงานหมุนเวียนที่สำคัญ ด้วยคุณสมบัติที่สามารถจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบได้อย่างรวดเร็ว มีความเสถียรสามารถผลิตไฟฟ้าได้อย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่อง อีกทั้งยังมาช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นในระบบไฟฟ้าอีกด้วย โดย กฟผ. ติดตั้งเครื่องกำเนิดไฟฟ้าทั้งในพื้นที่เขื่อนของ กฟผ. และบริเวณท้ายเขื่อนของกรมชลประทานที่มีอยู่แล้วทั่วประเทศ ผลิตไฟฟ้าเมื่อมีการระบายน้ำเพื่อการเกษตรและการอุปโภคบริโภค ตามแผนการปล่อยน้ำของกรมชลประทาน เป็นการใช้ทรัพยากรน้ำที่มีอยู่แล้วให้เกิดประโยชน์สูงสุด ปัจจุบันมีโครงการที่อยู่ในระหว่างพัฒนา 4 พื้นที่ คือ เขื่อนลำตะคอง จ.นครราชสีมา เขื่อนลำปาว จ.กาฬสินธุ์ เขื่อนห้วยแม่ท้อ จ.ตาก และเขื่อนกระเสียว จ.สุพรรณบุรี

นอกจากพลังน้ำในรูปแบบดั้งเดิมแล้ว กฟผ. ยังมีโรงไฟฟ้าพลังน้ำแบบสูบกลับที่ผลิตกระแสไฟฟ้าโดยระบายน้ำจากอ่างเก็บน้ำตอนบนผ่านเครื่องกำเนิดไฟฟ้าในช่วงที่มีความต้องการใช้ไฟฟ้าสูง และสูบน้ำจากอ่างเก็บน้ำตอนล่างกลับขึ้นไปเก็บไว้ในช่วงที่มีการใช้ไฟฟ้าต่ำ ระบบนี้จึงเปรียบเสมือนแบตเตอรี่กักเก็บพลังงานขนาดใหญ่ที่สามารถหมุนเวียนผลิตพลังงานไฟฟ้าได้อย่างยืดหยุ่น เป็นกลไกสำคัญในการรักษาเสถียรภาพระบบไฟฟ้าของประเทศในระยะยาว โดย กฟผ. มีแผนเดินหน้าพัฒนาโครงการฯอย่างต่อเนื่องที่เขื่อนจุฬาภรณ์ จ.ชัยภูมิ, เขื่อนวชิราลงกรณ จ.กาญจนบุรี และเขื่อนกะทูน จ.นครศรีธรรมราช

‘พลังงานลม’ สายลมสู่นวัตกรรมพลังงานแห่งอนาคต
กฟผ. ได้ใช้ประโยชน์จากกระแสลมที่แรงและสม่ำเสมอในพื้นที่ที่มีศักยภาพของประเทศ มาพัฒนาเป็นแหล่งพลังงานด้วยการติดตั้งกังหันลมผลิตไฟฟ้า เพื่อเสริมกำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดในระบบไฟฟ้าของประเทศ เช่น ที่แหลมพรหมเทพ จ.ภูเก็ต และโรงไฟฟ้ากังหันลมลำตะคองชลภาวัฒนา จ.นครราชสีมา ยิ่งไปกว่านั้น โรงไฟฟ้ากังหันลมลำตะคองฯ ยังได้เป็นพื้นที่นำร่องพัฒนานวัตกรรมพลังงาน ที่นำพลังงานลมไปผลิตเป็นไฮโดรเจนเพื่อเก็บไว้ใช้ในศูนย์การเรียนรู้ กฟผ.ลำตะคอง นับเป็นก้าวสำคัญของประเทศไทยในการก้าวสู่การกักเก็บพลังงานสะอาดแบบผสมผสานแห่งแรกของเอเชีย

‘พลังงานความร้อนใต้พิภพ’ พลังจากใต้ผืนโลกที่ไม่เคยหลับไหล
ใต้พื้นผิวโลกยังมีพลังงานที่แฝงเร้นอยู่อย่างมหาศาลในรูปของน้ำร้อนหรือไอน้ำร้อน ซึ่งสามารถนำมาใช้ผลิตไฟฟ้าได้โดยไม่ปล่อยของเสียหรือมลพิษ กฟผ. ได้พัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนใต้พิภพฝาง จ.เชียงใหม่ โดยใช้เทคโนโลยีการถ่ายเทความร้อนจากน้ำร้อนให้กับของเหลวที่มีจุดเดือดต่ำ จนกลายเป็นไอน้ำสำหรับหมุนกังหันผลิตกระแสไฟฟ้า ถือเป็นพลังงานทางเลือกที่สามารถผลิตไฟฟ้าได้ตลอด 24 ชั่วโมง โดยไม่ขึ้นกับสภาพภูมิอากาศ และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง

พลังงานหมุนเวียนของ กฟผ. ไม่ได้เป็นเพียงแค่การเปลี่ยนผ่านทางเทคโนโลยี แต่คือการเดินหน้าบนเส้นทางของความรับผิดชอบต่อสังคม และสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ตอบโจทย์พลังงานสะอาด และยังช่วยเสริมความมั่นคงด้านพลังงานให้กับประเทศ ลดการพึ่งพาพลังงานจากเชื้อเพลิงฟอสซิล โดยเปลี่ยนพลังงานที่ได้จากแสงแดด สายลม สายน้ำ และพลังงานใต้พื้นพิภพ ให้กลายเป็นพลังสำคัญขับเคลื่อนประเทศสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน และสร้างอนาคตที่ยั่งยืนให้กับโลกใบนี้