ชุดสืบสวน กก.2 บก.ปอท.บุกทลายแก๊งหลอกประมูลนาฬิกา วินเทจ แต่ไม่ได้นาฬิกาจริง ตามลากคอ 7 ผู้ต้องหาจาก จ.ระยอง จ.จันทบุรี และ จ.เชียงราย ดำเนินคดี 5 ข้อหา หลังสร้างเพจ “Vintage Watch” ล่อเหยื่อมาประมูลนาฬิกายี่ห้อดัง หลังประมูลได้ยื้อไม่ส่งของ เรียกเก็บเงินเพิ่มด้วยสารพัดข้ออ้าง ทั้งค่าประกันสินค้า ค่าธรรมเนียมการโอนเงินประกันคืน ฯลฯ ตรวจสอบพบเงินหมุนเวียนเดือนเดียวถึง 5 ล้านบาท
ตำรวจบุกทลายแก๊งมิจฉาชีพลวงเหยื่อประมูลนาฬิกาหรูทางออนไลน์ เปิดเผยขึ้นที่ห้องประชุมอาคารประชาอารักษ์ กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 19 มิ.ย. พล.ต.ต.อธิป พงษ์ศิวาภัย ผบก.ปอท. และ พ.ต.อ.สุพจน์ พุ่มแหยม ผกก.2 บก.ปอท. แถลงจับกุมขบวนการสร้างเพจหลอกประมูลนาฬิกายี่ห้อ “Vintage Watch” ผู้ต้องหารวม 7 คน ประกอบด้วย นายนิธิภัทร์ ผลเจริญ อายุ 41 ปี น.ส.แอน พันธุ์โต อายุ 39 ปี นายภานุมาส จันตาระ อายุ 27 ปี น.ส.ธัญชนก แซ่แซว อายุ 52 ปี น.ส.ฝ้าย คำแสง อายุ 37 ปี นายลิน วิน ตัน (LIN WIN TUN) อายุ 34 ปี ชาวเมียนมา และนายคำแก้ว คำเปา อายุ 47 ปี เป็นบุคคลไม่มีสถานะทางทะเบียนตามหมายจับศาลอาญา
ดำเนินคดีผู้ต้องหาทั้ง 7 คน 5 ข้อกล่าวหา ประกอบด้วย ข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ข้อหาร่วมกันโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน ข้อหาสมคบกันเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน ข้อหาร่วมกันฟอกเงิน และข้อหาร่วมกันเป็นอั้งยี่ จับกุมทั้งหมดในพื้นที่ จ.ระยอง จ.จันทบุรี และ จ.เชียงราย
พล.ต.ต.อธิป พงษ์ศิวาภัย กล่าวว่า เมื่อปลายเดือน พ.ค. มีผู้เสียหายพบโพสต์โฆษณาบนเพจเฟซบุ๊กชื่อ “Vintage watch” เปิดประมูลนาฬิกาข้อมือวินเทจมียอดไลค์มากกว่า 2 พันครั้ง อีกทั้งยังมีบุคคลอื่นเข้าร่วมประมูลอีกเป็นจำนวนมาก แต่มาทราบภายหลังว่าเป็นกลุ่มหน้าม้า ตอนแรกผู้เสียหายสนใจร่วมประมูลใส่ราคาไว้ใต้คอมเมนต์ของโพสต์ ต่อมามีแอดมินเพจทักเข้ามาในกล่องข้อความแจ้งว่า ผู้เสียหายชนะการประมูลนาฬิการาคา 5,500 บาท แต่มีค่าจัดส่งอีก 100 บาท รวมเป็นเงิน 5,600 บาท
...
“หลังจากนั้นคนร้ายยังให้ผู้เสียหายโอนเงินค่าประกันสินค้าอีก 2,000 บาท อ้างว่าจะได้รับเงินคืนหลังจากทำประกันเสร็จแล้ว ผู้เสียหายโอนเงินไปให้เพิ่มอีก ต่อมายังแจ้งให้โอนเงินเพิ่มอีก 1,000 บาท อ้างเป็นค่าธรรมเนียมการโอนเงินประกันคืนทั้งๆที่สินค้ายังไม่ได้ส่งมา ผู้เสียหายเชื่อว่าถูกหลอกลวง เข้าแจ้งความพนักงานสอบสวน กก.2 บก.ปอท.” ผบก.ปอท.กล่าว
ด้าน พ.ต.อ.สุพจน์ พุ่มแหยม กล่าวว่า จากการสืบสวนทราบว่าแก๊งดังกล่าวแบ่งหน้าที่กันทำในลักษณะขบวนการคอลเซ็นเตอร์ รวบรวมพยานหลักฐานขอศาลออกหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 7 คน แบ่งเป็นกลุ่มบัญชีม้า 2 คน กลุ่มจัดหาบัญชีม้า 2 คน และกลุ่มพนักงานคอลเซ็นเตอร์และฟอกเงิน 3 คน ก่อนกระจายกำลังเข้าจับกุมได้ทั้งหมด พร้อมตรวจยึดของกลางและทรัพย์สินต่างๆประกอบด้วย สมุดบัญชีธนาคาร บัตรอิเล็กทรอนิกส์ 13 รายการ โทรศัพท์มือถือ 9 เครื่อง ซิมการ์ด 18 อัน พระเครื่อง 6 องค์ เงินสด 600,000 บาท เครื่องนับเงิน 1 เครื่อง และโฉนดที่ดิน 2 ฉบับ มูลค่ารวมกว่า 5 ล้านบาท
“จากการสืบสวนขยายผลผู้ต้องหาที่จับกุมได้ทราบว่า กลุ่มผู้ต้องหาทำเป็นขบวนการ บางคนมีหน้าที่จัดหาบัญชีม้าโดยว่าจ้างบุคคลทั่วไปให้เปิดบัญชีธนาคาร พร้อมลงแอปพลิเคชันของธนาคารในโทรศัพท์มือถือ แล้วส่งต่อไปยังบ้านเช่าในพื้นที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย จากนั้นส่งโทรศัพท์ที่เปิดแอปพลิเคชันธนาคารไว้แล้ว ข้ามแดนไปยังออฟฟิศแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในพื้นที่ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา เพื่อให้กลุ่มผู้ต้องหาพนักงานแก๊งคอลเซ็นเตอร์รับโอนเงินจากเหยื่อที่ถูกหลอก และใช้ฟอกเงินตามคำสั่งนายทุนชาวจีนเจ้าของแก๊งคอลเซ็นเตอร์รายนี้” ผกก.2 บก.ปอท.กล่าว
พ.ต.อ.สุพจน์กล่าวด้วยว่า จากการตรวจสอบจากระบบแจ้งความออนไลน์พบว่า มีคดีที่เกี่ยวข้องกับขบวนการนี้เพิ่มอีก 16 คดี มีพฤติการณ์หลอกลวงขายสินค้าหลายประเภทผ่านช่องทางออนไลน์ เช่น เพจขายทุเรียน ยางรถยนต์ โทรศัพท์ เครื่องตัดหญ้า และปลาอินทรีย์ พบยอดเงินหมุนเวียนคดีนี้ระยะเวลา 1 เดือน มากกว่า 2 ล้านบาท สอบสวนผู้ต้องหาทั้งหมดให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ควบคุมตัวพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน กก.2 บก.ปอท.ดำเนินคดีและขยายผลต่อไป
อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่