ไม่รู้จะเรียกว่าเป็น “ข่าวดี” หรือ “ข่าวร้าย” สำหรับ “องค์การคลังสินค้า” หรือ อคส.ดี
เมื่อวันที่ 20 พ.ค.68 “ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1” พิพากษา “ยกฟ้อง” “พ.ต.ท.รุ่งโรจน์ พุทธิยาวัฒน์” อดีตรักษาการ ผู้อำนวยการ อคส. จำเลยที่ 1 กับพวกรวม 21 คน (เจ้าหน้าที่ อคส.และบริษัทที่ขายและซื้อถุงมือยาง) กรณี อคส.จัดซื้อถุงมือยาง โดยจ่ายเงินล่วงหน้า 2,000 ล้านบาท เพราะจำเลยทั้งหมดให้การ “ปฏิเสธ”
คดีนี้โจทก์คือ พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีปราบปรามการทุจริต 1 ภาค 1 ได้ฟ้องจำเลยว่า พฤติการณ์จัดซื้อถุงมือยาง 500 ล้านกล่อง มูลค่ากว่า 1 แสนล้านบาทนั้น เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2501 มาตรา 4, 8 และ 11
ผิด พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 มาตรา 4, 11 และ 12 รวมถึงผิดตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2516 มาตรา 172 และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 และ 86
ทำเอาผู้ที่ร่วมกันสืบสวนสอบสวน จนนำมาซึ่งการฟ้องร้องดำเนินคดี สับสนว่า การฝ่าฝืนระเบียบ กฎหมาย และข้อบังคับจนเกิดความเสียหายร้ายแรงนั้น มีความผิดทางอาญาหรือไม่??
ทั้งๆที่ พ.ต.ท.รุ่งโรจน์ และเจ้าหน้าที่ อคส. รวม 7 คน (ผู้ที่ถูกฟ้องคดีอาญาด้วย) ถูก อคส.ฟ้องคดีแพ่ง เรียกค่าเสียหายรวมกัน 2,003 ล้านบาท ซึ่งเป็นเงินที่ได้เบิกออกจากบัญชีเงินฝาก อคส.เพื่อจ่ายเป็นค่ามัดจำผลิตถุงมือยางให้กับเอกชนที่ร่วมขบวนการครั้งนี้ รวมดอกเบี้ยอีกราว 3 ล้านบาท
และศาลพิพากษาให้รายที่ 3–4 ชดใช้คนละ 360 ล้านบาท รายที่ 5–7 รวมกัน 360 ล้านบาท เพราะ อคส.ได้เงินคืนแล้ว 200 ล้านบาท แต่รายที่ 1 ไม่ใช่เจ้าหน้าที่รัฐได้โอนคดีไปศาลปกครอง ส่วนรายที่ 2 พ.ต.ท.รุ่งโรจน์ เป็น “บุคคลล้มละลาย” ตั้งแต่ปลายปี 65
...
อย่างไรก็ตาม การยกฟ้องอาญาคดีทุจริต “อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตฯ” มีความเห็นแย้งคำพิพากษาดังกล่าว เพราะการจัดซื้อถุงมือยางก่อให้เกิดความเสียหายต่อ อคส. แม้ติดตามเงินกลับคืนได้ แต่ยังเหลืออีกกว่า 1,000 ล้านบาท ที่ยังไม่สามารถติดตามคืนมาได้
โดย พ.ต.ท.รุ่งโรจน์ เจ้าหน้าที่ อคส.และเอกชนที่ถูกฟ้อง มีบทบาทสำคัญที่ทำให้เกิดความเสียหายนี้ลดหลั่นกันลงมา และได้ประโยชน์ลดหลั่นกันไป จำเลยแต่ละคนต้องมีความรับผิด หรือโทษทางอาญาหนัก หรือเบาเพียงใด หรือรอลงอาญาหรือไม่ ก็เป็นอีกปัญหาหนึ่ง หรือขั้นตอนที่ต้องพิจารณาตามสัดส่วน
แต่ศาลคดีอาญาฯไม่ควรยกฟ้องจำเลยทุกคน เพราะเกิดความเสียหายต่อประโยชน์สาธารณะ ซึ่งเกิดจากพฤติการณ์ไม่สุจริต อันถือได้ว่าเป็นการกระทำผิดโดยทุจริตเพื่อแสวงหาประโยชน์มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมาย
ล่าสุด “นายธิรินทร์ ณ ถลาง” ผู้อำนวยการ อคส.คนปัจจุบันได้ประสานขอให้พนักงานอัยการยื่นอุทธรณ์แล้ว และจะต่อสู้ให้ถึงที่สุด!!
ฟันนี่เอส
คลิกอ่านคอลัมน์ “กระจก 8 หน้า” เพิ่มเติม