ทำกันได้ลง คุณยายวัย 80 แจ้งจับหลานแท้ๆ ทำทีมาอยู่ดูแลช่วงไม่สบาย ก่อนฉกทอง 9 บาท พร้อมเงินสด 3 หมื่นบาท หายลอยนวล
วันที่ 11 มิถุนายน 2568 ร.ต.อ.ธีรพันธ์ แก้วโพนยอ รอง สว.สอบสวน สภ.เมืองอุดรธานี ปฏิบัติหน้าที่อยู่บนโรงพัก รับแจ้งจากนางชลอ ธนารักษ์ อายุ 80 ปี และนายชา ธนารักษ์ อายุ 35 ปี แม่และลูกชาย บ้านอยู่ ซ.ศรีพินิจ ชุมชนโนนยาง ถ.ทหาร ต.หมากแข้ง เขตเทศบาลนครอุดรธานี ปั่นสามล้อกระบะมาแจ้งความร้องทุกข์ว่า ถูกคนร้ายขโมยทองคำรูปพรรณน้ำหนักรวม 9 บาท มูลค่าประมาณ 453,798 บาท เป็นสร้อยข้อมือหนัก 5 บาท 1 เส้น สร้อยคอหนัก 3 บาท 1 เส้นของลูกชาย แหวนทองคำหนัก 1 บาท 1 วง พร้อมด้วยเงินสด 3 หมื่นบาท ที่พวกตนเก็บไว้ในกระป๋อง ซุกไว้ในถังพลาสติก ห่อด้วยเนคไทสีเขียว วางอยู่บนเตียงนอนของนางชลอ บริเวณใต้ถุนหน้าบ้านพัก
ทั้งนี้ สองแม่ลูกสงสัยหลานชายชื่อ เบียร์ อายุ 16 ปี ชาวบ้านโนนตูม ต.นาข่า อ.เมืองอุดรธานี เป็นคนขโมยเอาไป หลังทำทีมาเยี่ยมนางชลอ ซึ่งเป็นย่าแท้ๆ หลังล้มป่วยเป็นโรคหัวใจอยู่ที่บ้าน แล้วนายเบียร์หลานมาอยู่บ้านเพื่อดูแลย่า ตั้งแต่วันที่ 18 พ.ค. 2568 แล้วหายตัวไปวันที่ 8 มิ.ย. 2568 รวม 20 วัน พร้อมกับทรัพย์สินดังกล่าว วันนี้หลังจากนางชลอ เข้าผ่าตัดที่ รพ.ศูนย์อุดรธานี และหมอให้กลับบ้าน จึงพากันมาแจ้งความให้ช่วยตำรวจติดตามจับหลานชายพร้อมทรัพย์สินดังกล่าว กลับคืนมาให้พวกตนด้วย
...
ต่อมา ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองอุดรธานี ได้รับเรื่องจากพนักงานสอบสวน ได้สอบปากคำสองแม่ลูกเพิ่มเติม ซึ่งก็ยืนยันเช่นเดิมว่า คนที่ขโมยทรัพย์สินไปคือหลานชาย ชื่อนายเบียร์ ที่ไปอยู่กับแม่ของเขาที่ บ.โนนตูม ต.นาข่า อ.เมืองอุดรธานี หลังจากพ่อของเขาป่วยเสียชีวิตไปประมาณ 2-3 ปี หลังจากนั้นตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองอุดรธานี ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบบ้านที่เกิดเหตุ พบเป็นบ้านไม้เก่าๆ ยกพื้นสูง จำนวน 3 หลัง อยู่ในเนื้อที่ประมาณ 1 ไร่
ขณะที่บ้านหลังใหญ่อยู่ด้านหน้าประตูเข้าบ้าน บริเวณใต้ถุนบ้านมีรถสามล้อปั่น 2 คัน ที่ไว้ใช้ใส่ถังไอศกรีมเร่ขาย แต่ตอนนี้ไว้ใช้ปั่นหาเก็บขยะรีไซเคิลขาย หลังจากสามียายชลอเสียชีวิตไปเมื่อประมาณ 20 ปีที่ผ่านมา ใต้ถุนมีสุนัขพันธุ์ไซบีเรียน และพันธุ์ไทยผสมเยอรมันเชพเพิร์ดรวม 2 ตัว และมีขยะรีไซเคิลเต็มใต้ถุนบ้าน ที่เตียงไม้เป็นที่นอนของนางชลอ เนื่องจากป่วยโรคหัวใจ ตาฝ้าฟาง และหูหนวกอีกด้วย ขึ้นบ้านไม่สะดวก เลยมากางมุ้งนอนใต้ถุนบ้าน โดยมีสุนัข 2 ตัวอยู่เป็นเพื่อน ส่วนนายชาลูกชายนอนอยู่บนบ้าน
เมื่อสองแม่ลูกปั่นสามล้อมาถึงบ้านพัก ตำรวจบอกให้นายชาลูกชายเจ้าของบ้าน ไปผูกสุนัขไว้ข้างนอกบ้าน เพื่อความปลอดภัยในการทำงาน พร้อมกับถามยายชลอว่า เก็บทรัพย์สินที่ถูกขโมยเอาไปไว้ตรงไหน นางชลอก็เดินไปค้นหาถังพลาสติกออกมาให้ดู ข้างในถังพลาสติกมีกระป๋องที่ไว้สำหรับเก็บทรัพย์สินมีค่าไว้บนเตียงไม้ที่ไว้นอนพักผ่อน โดยทองรูปพรรณทั้งหมดยายชลอใช้เนคไทห่อเอาไว้ในกระป๋อง รวมกับเงินสด 3 หมื่นบาท ที่เบิกออกมาจากธนาคารไว้ใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน และเป็นค่ารักษาตัว
นางชลอ เผยว่า บ้านและที่แปลงนี้ตนและสามีซื้อมาด้วยราคา 8 หมื่นบาท เมื่อเกือบ 40 ปีที่ผ่านมา ทองและเงินที่ตนเก็บหอมรอมริบมาตั้งแต่เป็นสาวหายไป นึกถึงความลำบากทีไรก็น้ำตาไหล แม้แต่ตอนกินข้าว ไม่คิดว่าหลานชายในไส้จะมาทำกับย่าแบบนี้ ซึ่งเป็นทรัพย์สินที่ตนเก็บหอมรอมริบมาตั้งแต่เป็นสาว
ขณะที่ นายชา ลูกชายยายชลอ เล่าว่า ทีแรกก็ไม่รู้ว่าใครมาขโมยทองกับเงินไป จนมาทราบภายหลังว่าหลานชาย ชื่อนายเบียร์ อายุ 16 ปี เป็นผู้ขโมย เพราะว่ามีญาติทางแม่ของนายเบียร์ ที่อยู่บ้านโนนตูม ต.นาข่า ขี่รถจักรยานยนต์มาบอกตนว่า ได้ยินนายเบียร์ว่า เอาทองไปขายได้เงิน 2 แสนกว่าบาท คาดว่าจะไปขายร้านทองแถวตลาดบ้านห้วย แต่ก็ไม่แน่ใจ
สำหรับ นายเบียร์เป็นลูกของพี่ชายตนที่เสียชีวิตไปแล้ว ทำทีมาอยู่ดูแลย่าได้เพียง 20 วัน และเป็นคนติดเกม หลังจากแม่ตนรู้ว่าทรัพย์สินหายไป ก็ได้ไปหาหลานชายที่บ้านพี่สะใภ้ ทราบว่าเขาไม่เข้าบ้านมาหลายวัน ตั้งแต่วันที่ 8 มิ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งวันที่ 7 มิ.ย. 2568 แม่ตนก็ไปเบิกเงินที่ธนาคาร ธกส. 28,000 บาท และมารวมกับเงินเก่าเป็นเงิน 3 หมื่นบาท ที่เอาไว้ใช้จ่ายในชีวิตประจำวันและค่ารักษาตัว ถ้าหลานฟังอยู่ก็ให้นำทองและเงินมาคืนก็จะไม่เอาเรื่อง ถ้าไม่เอามาคืนก็จะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด เพื่อดัดนิสัยของหลานชาย จะได้ไม่ทำแบบนี้อีกต่อไป.