ปัจจุบันสินค้า “สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์” หรือ “GI” ของไทยมีชื่อเสียงไปทั่วโลก สร้างรายได้ให้กับผู้ผลิตและเกษตรกรอย่างเป็นกอบเป็นกำ ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตท้องถิ่นได้เป็นอย่างดี

แม้ที่ผ่านมาทั้ง 77 จังหวัดของไทยมีการนำสินค้าท้องถิ่นที่มีอัตลักษณ์เฉพาะถิ่น ซึ่งเชื่อมโยงกับภูมิประเทศ ภูมิอากาศ และภูมิปัญญาท้องถิ่น มาขึ้นทะเบียนเป็นสินค้า GI จำนวนมาก ล่าสุด ณ วันที่ 13 พ.ค.68 มีสินค้า GI ไทยถึง 232 รายการ สร้างรายได้ให้ชุมชนท้องถิ่นกว่า 77,000 ล้านบาทแล้ว

แต่ “กรมทรัพย์สินทางปัญญา” กระทรวงพาณิชย์ ยังคงเดินหน้าส่งเสริม และผลักดันให้ชุมชนท้องถิ่นทั่วประเทศนำสินค้าอัตลักษณ์เฉพาะถิ่นมาขึ้นทะเบียน GI อย่างต่อเนื่อง

เพื่อให้ได้รับความคุ้มครอง ไม่ให้คนนอกชุมชน หรือนอกท้องถิ่นที่ผลิตสินค้า GI อ้างชื่อ GI ไปใช้โปรโมตสินค้านอกถิ่น หลอกขายให้ผู้บริโภค อีกทั้งยังสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้า เพราะสินค้า GI เป็นของดี ของหายาก ที่มีเฉพาะท้องถิ่นใดท้องถิ่นหนึ่งเท่านั้น รวมทั้งยังเป็นการควบคุมคุณภาพของสินค้าให้มีคุณภาพและมาตรฐานสม่ำเสมอ สร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภค

โดยปี 68 มีเป้าหมายผลักดันการขึ้นทะเบียน GI ให้ได้อย่างน้อย 22 สินค้า คาดว่า จะสร้างรายได้ให้ชุมชนเพิ่มขึ้นได้อีกกว่า 6,000 ล้านบาท

และล่าสุด กรมทรัพย์สินทางปัญญาเพิ่งประกาศขึ้นทะเบียน GI “มังคุดในสายหมอกเบตง” จ.ยะลา ถือเป็นสินค้า GI ลำดับ 4 ของจังหวัด ต่อจาก “กล้วยหินบันนังสตา-ทุเรียนสะเด็ดน้ำยะลา-ส้มโชกุนเบตง” สำหรับลักษณะเด่นของ “มังคุดในสายหมอกเบตง” เป็นมังคุดพันธุ์พื้นเมือง ผลกลมโต เปลือกค่อนข้างหนา ผิวมัน สีม่วงอมแดง เมื่อผลสุกเต็มที่จะมีสีดำ ขั้วและกลีบเลี้ยงสีเขียว เนื้อมีสีขาวนวลปุยฝ้าย และไม่เป็นเนื้อแก้วยางไหล ไม่ฉ่ำน้ำ รสชาติหวานนำเปรี้ยว

...

จากการปลูกในพื้นที่ อ.เบตง และ อ.ธารโต จ.ยะลา ซึ่งเป็นที่ราบสูงเชิงเขาสลับช่องน้ำ มีแม่น้ำปัตตานีไหลผ่าน เหมาะสมต่อการทำการเกษตร ประกอบกับสภาพภูมิอากาศแบบร้อนชื้น มีสภาพอากาศเปลี่ยนแปลง 3 ครั้งต่อวัน คือ ช่วงเช้ามีหมอก ช่วงเที่ยงมีแดด และช่วงเย็นมีฝนตกบ่อยครั้ง ทำให้บริเวณที่ปลูกมังคุดในสายหมอกเบตงมีหมอกหนาปกคลุมเกือบทั้งปี

จึงส่งผลต่อการสร้างชั้นเนื้อของมังคุดแบบเคลือบทีละชั้น เนื้อจึงมีสีขาวนวลปุยฝ้าย มีกลิ่นหอมเฉพาะ รสชาติดี มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว อีกทั้งการที่เกษตรกรผู้ปลูก ได้ประกวดแปลงใหญ่ดีเด่นระดับจังหวัด และได้รับรางวัลชนะเลิศในปี 64 ทำให้สามารถควบคุมกระบวนการผลิตให้มีคุณภาพ และตรวจสอบย้อนกลับได้ ผู้บริโภคจึงให้การยอมรับเป็นอย่างมาก

ปัจจุบันมีการส่งออกจำนวนมาก สร้างมูลค่ากว่า 62 ล้านบาท และเมื่อขึ้นทะเบียนเป็นสินค้า GI แล้ว จะช่วยสร้างมูลค่าเพิ่ม และรายได้ให้เกษตรกรผู้ผลิตได้อีกมาก!!

ฟันนี่เอส

คลิกอ่านคอลัมน์ “กระจก 8 หน้า” เพิ่มเติม