สองวันรู้เรื่อง หลังเจอไทยกดดันหนักปรับเวลาเปิดปิดด่านใน 7 จังหวัดติดชายแดนเขมร พร้อมเล็งตัดไฟ 9 จุดใน “สระแก้ว-สุรินทร์-จันทบุรี-ตราด” พื้นที่ติด “ปอยเปต-พระตะบอง-โอเสม็ด-เกาะกง” รวมถึงอาจตัดสัญญาณเน็ตพื้นที่ตั้งบ่อนพนัน-สแกมเมอร์ ล่าสุดมีรายงานทหารเขมรริมชายแดนช่องบก จุดพิพาทหนัก ดอดขอเจรจากับแม่ทัพภาค 2 ก่อนได้ข้อสรุป ยอมถอยไปยังจุดที่เคยอยู่เมื่อปี 2567 พร้อมปิดกลบคูเลต ปรับพื้นที่อยู่ในสภาพเดิม ด้านกระทรวงบัวแก้วย้ำชัดต้องสางปัญหาตามกลไกทวิภาคี เพื่อหาทางออกอย่างสันติ จริงใจ ให้ชายแดนกลับสู่ภาวะปกติ สงบสุขและปลอดภัย พร้อมสื่อสารทำความเข้าใจที่ถูกต้องถึงอาเซียนและนานาชาติ ยังไม่รับความช่วยเหลือจากประเทศที่ 3
วันที่สองของมาตรการตอบโต้การรุกล้ำอธิปไตยและเขตแดนไทยของทหารกัมพูชา ที่ยืดเยื้อมาหลายสัปดาห์ โดยให้ร่นเวลาเปิด-ปิดจุดผ่านแดนถาวรและจุดผ่อนปรนการค้า ใน 7 จังหวัดที่มีพรมแดนติดกับกัมพูชา ได้แก่ จ.อุบลราชธานี สุรินทร์ สระแก้ว บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ จันทบุรี และตราด ให้เปิดช้าลงและปิดเร็วขึ้น เริ่มเห็นผลแล้ว
ทบ.ย้ำเวลาเปิด-ปิดด่าน
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 8 มิ.ย. พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยกรณีกองทัพบกกำหนดมาตรการควบคุมการเปิด-ปิด จุดผ่านแดนทุกประเภทตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ตามมติ สมช. เพื่อรักษาอธิปไตยของชาติ ว่า ปัจจุบันกองกำลังป้องกันชายแดนกองทัพบก เริ่มใช้มาตรการดังกล่าวแล้วตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย.เวลา 19.00 น.ที่ผ่านมา ดังนี้ พื้นที่รับผิดชอบกองกำลังบูรพา ใน จ.สระแก้ว 5 แห่ง ได้แก่ 1.จุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ เวลาเปิด-ปิดใหม่ เป็นเวลา 08.00-16.00 น. อนุญาตเฉพาะการค้าขาย หรือการเดินทางเพื่อทำงาน ห้ามชาวไทยเดินทางออกนอกประเทศเพื่อเล่นการพนันหรือท่องเที่ยว และเอกสาร Border Pass /Passport ใช้ได้ไม่เกิน 7 วัน รวมทั้งห้ามรถบรรทุกตั้งแต่ 6 ล้อขึ้นไปผ่าน 2.จุดผ่านแดนถาวรสะพานมิตรภาพไทย-กัมพูชา (หนองเอี่ยน–สตึงบท) อ.อรัญประเทศ เวลาเปิด-ปิดใหม่ เป็น 08.00-16.00 น. กำหนดให้ใช้เป็นจุดผ่านแดนหลักสำหรับรถบรรทุกตั้งแต่ 6 ล้อขึ้นไป 3.จุดผ่านแดนถาวรบ้านเขาดิน อ.คลองหาด กำหนดเวลาเปิด-ปิดใหม่ เป็น 08.00-16.00 น.อนุญาตเฉพาะการค้าขายหรือการทำงาน ห้ามนักพนันและนักท่องเที่ยวเดินทางผ่าน และเอกสาร Border Pass/Passport ใช้ได้ไม่เกิน 7 วัน รวมทั้งห้ามรถบรรทุกตั้งแต่ 6 ล้อขึ้นไปผ่าน 4.จุดผ่อนปรนการค้าบ้านตาพระยา อ.ตาพระยา กำหนดเวลาเปิด-ปิดใหม่ เป็น 08.00-12.00 น. โดยทหารจะใช้ดุลพินิจในการคัดกรองบุคคลเข้า-ออกเป็นรายกรณี และห้ามรถบรรทุก 6 ล้อขึ้นไปผ่าน และ 5.จุดผ่อนปรนการค้าบ้านหนองปรือ อ.อรัญประเทศ กำหนดเวลาเปิด-ปิดใหม่ เป็น 08.00-12.00 น. ทหารจะใช้ดุลพินิจในการคัดกรองบุคคลเข้า-ออกเป็นรายกรณี และห้ามรถบรรทุก 6 ล้อขึ้นไปผ่าน
...
กกล.สุรนารีดู 4 จุด
พล.ต.วินธัย ชี้แจงอีกว่า พื้นที่รับผิดชอบของกองกำลังสุรนารี 4 แห่ง ได้แก่ 1.จุดผ่อนปรนการค้าช่องอานม้า ต.โซง อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี กำหนดเวลาเปิด-ปิดใหม่ เป็นเฉพาะวันพฤหัสบดี 09.00-12.00 น.ให้บุคคลผ่านเข้า-ออกไม่เกินเขตตลาดของทั้งสองประเทศ ผ่านการแลกบัตร ซึ่งอนุญาตเฉพาะการนำสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็น และไม่อนุญาตให้ยานพาหนะผ่าน ส่วนการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมต้องเป็นไปตามระเบียบและหลักสากล ทั้งนี้ พร้อมปิดจุดผ่านแดนเมื่อฝ่ายกัมพูชาเพิ่มกำลังจนกระทบต่อความปลอดภัย 2.จุดผ่อนปรนการค้าช่องสายตะกู ต.จันทบเพชร อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ เวลาเปิด-ปิดใหม่ เป็นวันอังคาร พุธ และพฤหัสบดี 09.00-12.00 น.ให้บุคคลผ่านเข้า-ออกไม่เกินเขตตลาดของทั้งสองประเทศ ผ่านการแลกบัตร ซึ่งอนุญาตเฉพาะการนำสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็น และไม่อนุญาตให้ยานพาหนะผ่าน ส่วนการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมต้องเป็นไปตามระเบียบและหลักสากล ทั้งนี้ พร้อมปิดจุดผ่านแดนเมื่อฝ่ายกัมพูชาเพิ่มกำลังหรือมีเหตุปะทะบริเวณชายแดน จนกระทบต่อความปลอดภัย
ตัดไฟทันทีที่เขมรเพิ่มทหาร
3.จุดผ่านแดนถาวรช่องสะงำ ต.ไพรพัฒนา อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ เวลาเปิด-ปิดใหม่ เป็นวันจันทร์ พุธ และศุกร์ 08.00-15.00 น. ใช้ Passport/Border Pass ซึ่งยานพาหนะสามารถผ่านได้ตามระเบียบ จำกัดการส่งออกสินค้ายุทธภัณฑ์ตามกฎหมาย และงดส่งออกวัสดุก่อสร้าง เช่น ปูนซีเมนต์ ส่วนการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมต้องเป็นไปตามระเบียบและหลักสากล ทั้งนี้ พร้อมปิดจุดผ่านแดนเมื่อมีเหตุปะทะบริเวณชายแดน 4.จุดผ่านแดนถาวรช่องจอม ต.ด่าน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ เวลาเปิด-ปิดใหม่ เป็นวันจันทร์ พุธ และศุกร์ 08.00-15.00 น. ใช้ Passport/Border Pass ซึ่งยานพาหนะสามารถผ่านได้ตามระเบียบ จำกัดการส่งออกสินค้ายุทธภัณฑ์ตามกฎหมาย และงดส่งออกวัสดุก่อสร้าง เช่น ปูน ซีเมนต์ ส่วนการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมต้องเป็นไปตามระเบียบและหลักสากล ทั้งนี้ จะดำเนินการงดจำหน่ายกระแสไฟฟ้า เมื่อฝ่ายกัมพูชาเพิ่มกำลังทหารในลักษณะที่ส่งผลต่อความปลอดภัย และพร้อมปิดจุดผ่านแดนเมื่อมีเหตุปะทะบริเวณชายแดน
ไม่ถึงขั้นปิดจุดผ่านแดน
โฆษกกองทัพบกกล่าวอีกว่า นอกจากนี้ในส่วนพื้นที่รับผิดชอบของกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด ของกองทัพเรือ มีการกำหนดให้จุดผ่านแดนถาวรและจุดผ่อนปรนการค้าทุกแห่ง ตามแนวชายแดน จ.จันทบุรี และ จ.ตราด เปิด-ปิดเวลา 08.00-16.00 น. ยึดหลักพิจารณาจากความจำเป็นในการค้าขาย การดำรงชีวิต และการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมระหว่างประเทศ สำหรับการใช้มาตรการตามแนวชายแดนดังกล่าวนั้น ปัจจุบันยังอยู่ในขั้นที่ 1 และขั้น 2 ยังไม่ได้มีการปิดจุดผ่านแดนใดๆ เว้นช่องทางธรรมชาติที่ได้ปิดไปแล้ว เป็นไปตามสภาพแวดล้อม ความรุนแรงและภัยคุกคามในแต่ละพื้นที่ที่ปัจจุบันพบว่ากัมพูชายังคงเพิ่มกำลังทหารในบริเวณแนวชายแดน ซึ่งมีความเสี่ยงที่จะส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยและความเป็นอยู่ของประชาชนทั้งไทยและกัมพูชา
ฮุน เซนชี้ไทยต้องรับผลที่ปิดด่าน
อย่างไรก็ตาม มีรายงานจากสำนักข่าวแขมร์ไทม์สของกัมพูชาว่า หลังไทยปรับเวลาเปิดปิดด่าน ซึ่งมีผลทันทีตั้งแต่ค่ำวันที่ 7 มิ.ย.ปรากฏว่ากลางดึกคืนเดียวกัน สมเด็จฮุน เซน ประธานองคมนตรีกัมพูชา ได้โพสต์ผ่านสื่อโซเชียลส่วนตัวเรียกร้องให้ประชาชนชาวกัมพูชาอย่าจุดเชื้อไฟความเกลียดชังในเรื่องชนชาติ แต่อยากเตือนสติทั้งคนกัมพูชาและคนไทยว่าการที่สินค้าไทยหายไปจากตลาดกัมพูชาไม่ใช่เพราะกัมพูชาบอยคอต แต่เป็นผลจากการปิดด่านพรมแดน เมื่อคนข้ามไม่ได้สินค้าก็ไม่มาและหากสินค้าจากไทยเข้ากัมพูชาไม่ได้ คนไทยควรไปคลี่คลายเรื่องนี้กับรัฐบาลไทยเอง คนไทยเองที่จะได้รับความเสียหาย ส่วนชาวกัมพูชาก็อย่าโทษรัฐบาลกัมพูชาถ้าหาสินค้าไทยไม่ได้ เนื่องด้วยการที่สินค้าไทยขาดแคลนย่อมเป็นผลมาจากการตัดสินใจของฝ่ายไทย ขอให้พี่น้องชาวกัมพูชาสงวนท่าที แสดงความเป็นผู้ใหญ่ ความอดทน และความมีมารยาท แต่ภายใต้จุดยืนที่หนักแน่นขอให้ทุกคนหลีกเลี่ยงการกระทำที่จะเปิดช่องให้ชาวต่างชาติมาดูหมิ่นเกียรติและศักดิ์ศรีของกัมพูชา
...
กต.ยันแค่จำกัดการเข้าออก
ต่อมาที่กระทรวงการต่างประเทศ ในช่วงบ่าย นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา หลังมาตรการควบคุมเปิด-ปิดจุดผ่านแดนตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชามีผลบังคับใช้ว่า ปัจจุบันสถานการณ์ยังคงสงบเรียบร้อยดี ขอยืนยันมาตรการเหล่านี้ไม่ใช่การปิดด่านทั้งหมด แต่เป็นแนวปฏิบัติที่มีขั้นตอนเหมาะสมตามสถานการณ์แต่ละพื้นที่ แบ่งออกเป็น 4 ระดับ คือ 1.การจำกัดคนเข้า-ออกผ่านแดน โดยอนุญาตบุคคลเข้า-ออก ที่มีความจำเป็น อาทิ การค้าขาย ขนส่ง และแรงงาน โดยการตรวจสอบผู้ที่มีพฤติกรรมเสี่ยงที่อาจเกี่ยวข้องกับกิจกรรมผิดกฎหมาย 2.ปรับลดช่วงเวลาในการเปิดปิดจุดผ่านแดน โดยกำหนดวันเวลาเข้าออกอย่างชัดเจน 3.ปิดจุดผ่านแดนบางจุด และ 4.การปิดจุดผ่านแดนตลอดแนวชายแดนในกรณีที่เกิดสถานการณ์วิกฤติเพื่อควบคุมสถานการณ์ในระดับสูงสุด โดยกองกำลังบูรพากำหนดมาตรการสำหรับจุดผ่านแดนถาวรและจุดผ่อนปรนการค้าที่จังหวัดสระแก้ว กองกำลังสุรนารีกำหนดมาตรการสำหรับจุดผ่านแดนถาวรและจุดผ่านแดนการค้าใน จ.อุบลราชธานี บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ และสุรินทร์ ส่วนกองบัญชาการ ป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด กองทัพเรือเป็นผู้กำหนดมาตรการสำหรับจุดผ่านแดนถาวรและจุดผ่อนปรนทางการค้าในจังหวัดดังกล่าว
ย้ำไทยไม่มีปัญหาปิดด่าน
ส่วนกรณีสมเด็จฮุน เซน โพสต์ผ่านสื่อโซเชียลถึงผลกระทบในการเปิด-ปิดด่านชายแดนไทยกัมพูชาว่าสินค้าไทยที่เข้าไปในกัมพูชาจะได้รับผลกระทบนั้น นายนิกรเดช กล่าวว่า การเปิด-ปิดด่าน ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการค้า แต่การเปิด-ปิดด่านเป็นไปเพื่อความมั่นคงและความปลอดภัยของคน อาจมีผลกระทบที่อาจเกิดกับการค้า ซึ่งเราคำนึงถึงไว้แล้ว จึงมอบอำนาจให้แต่ละจุดภายใต้ทหารควบคุมและดูความเหมาะสม ยืนยันว่าไม่ได้ปิดด่าน แต่ปรับเวลาการเปิด-ปิดด่าน จำกัดการเข้าออกของคน และไม่ใช่ทุกด่านเปิด-ปิดเวลาเดียวกันและจำกัดคนประเภทเดียวกัน แต่ดูตามความเหมาะสม ส่วนเรื่องใครได้รับผลกระทบมากน้อยกว่ากันนั้น ขอตอบในส่วนของประเทศไทยเท่านั้นว่าเราไม่มีปัญหา และใช้มาตรการทางทหารควบคู่ไปกับมาตรการทางการทูตพร้อมๆกัน
...
จะสางปัญหาตามกลไกทวิภาคี
นายนิกรเดชยังย้ำด้วยว่า แม้จะมีมาตรการเรื่องการปิดด่านเกิดขึ้น แต่ยืนยันมาตลอดตั้งแต่ต้น และทุกระดับว่า เราปฏิบัติตามและใช้กลไกทวิภาคี โดยเฉพาะอย่างยิ่งการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยเขตแดนไทย-กัมพูชา (JBC) ที่จะมีขึ้นในวันที่ 14 มิ.ย.นี้ และยังคงปฏิบัติตาม MOU43 ที่เป็นเอกสาร ทางกฎหมาย เป็นกติกาที่ทั้งสองฝ่ายได้ตกลงร่วมกัน และย่อมต้องยึดถือ รัฐบาลไทยขอยืนยันถึงความเชื่อมั่นในการใช้กลไกที่ไทยและกัมพูชามีอยู่ เช่น JBC ที่จะมาถึงนี้มีประโยชน์อย่างยิ่ง เพื่อลดความ ตึงเครียดในภาวะที่เปราะบาง เพื่อหาทางออกอย่างสันติ เคารพกันและกัน และด้วยความจริงใจต่อกัน เพื่อให้ ชายแดนกลับสู่ภาวะปกติ มีความสงบสุขและปลอดภัย ดังนั้น ไทยขอเรียกร้องอีกครั้งให้ฝ่ายกัมพูชาลดระดับ ความตึงเครียดตลอดแนวชายแดน หันมาใช้กลไก ทวิภาคีให้เป็นประโยชน์สูงสุดเพื่อมิให้สถานการณ์ลุกลามออกไป ส่วนการสื่อสารถึงสมาชิกอาเซียน ไทยได้สื่อสารไปถึงอาเซียนและมิตรประเทศอื่นๆ เช่นกัน เพื่อทำความเข้าใจที่ถูกต้องบนพื้นฐานความเป็นจริง สิ่งที่สื่อสารคือเราจัดการปัญหาเองได้ จะจัด การปัญหาด้วยกลไกทวิภาคี ถึงจุดนี้ยังไม่ได้ต้องการความช่วยเหลือจากประเทศที่ 3
“อนุทิน” ให้กำลังใจชาวน้ำยืน
วันเดียวกัน นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายก รัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมว่าที่พันตรีอดิศักดิ์ น้อยสุวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี เดินทางไปที่ศูนย์พัฒนาเขต พื้นที่ชายแดนบ้านทุ่งสมเด็จ หมู่ 17 ต.โดมประดิษฐ์ อ.น้ำยืน เพื่อดูสภาพชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้านที่อยู่ติดกับแนวชายแดนด่านช่องบก ซึ่งมีการปะทะกัน ของทหารไทยและทหารกัมพูชาเมื่อปลายเดือนที่ผ่านมา เพื่อดูการเตรียมความพร้อมอพยพราษฎร หากทหารทั้งสองฝ่ายมีการปะทะกันขึ้นมาอีก และมอบสิ่งของให้หน่วยกองกำลังทั้งทหาร ตำรวจ และฝ่าย ปกครอง นอกจากนี้ยังได้เข้าตรวจความมั่นคงแข็งแรง ของหลุมหลบภัยโรงเรียนบ้านแปดอุ้ม ต.โดมประดิษฐ์ ตั้งอยู่วัดบ้านค้อ หากมีการปะทะเกิดขึ้นเด็กนักเรียนและชาวบ้านจะสามารถเข้าไปหลบในหลุมหลบภัยที่ทำไว้ได้อย่างปลอดภัย โดยนายอนุทินกล่าวกับชาวบ้านว่า เชื่อมั่นว่าทุกคนยังมีจิตใจที่เข้มแข็ง มีกำลังใจที่ดี เพราะมีความเชื่อมั่นว่าทหารหาญของเรา จะปกป้องดูแลอธิปไตยประเทศของเราอย่างเต็มที่ จะไม่ให้ใครรุกรานเข้ามามิลเดียวก็เข้ามาไม่ได้
...
การค้าชายแดนไทย–เขมรซบ
สำหรับบรรยากาศใน 7 จังหวัดที่มีพรมแดนติดกับกัมพูชา ตลอดวันที่ 8 มิ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ยังคงมีแต่ความเงียบเหงา เมื่อจำนวนนักท่องเที่ยวลดลง คนทำมาค้าขายต้องเริ่มปรับตัว โดยที่ อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี แม้มีการค้าขายตามปกติ แต่พ่อค้า แม่ค้าต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าตั้งแต่มีเหตุการณ์ความไม่สงบ การค้าขายซบเซาหายไปประมาณร้อยละ 70 หากสถานการณ์ยังคงยืดเยื้อแบบนี้ อาจจะต้อง ปรับแผนในการค้าขายใหม่ ตอนนี้แม่ค้าหลายคน ยังไม่กล้าที่จะลงทุนอะไรเพิ่ม
ช่องจอมเงียบไร้รถสัญจร
เช่นเดียวกับที่ จ.สุรินทร์ หลังจากที่ กกล. สุรนารี มีคำสั่งลงวันที่ 7 มิ.ย.2568 เรื่องมาตรการควบคุมจุดผ่านแดนถาวร, จุดผ่อนปรนการค้าในพื้นที่ชายแดน โดยปรับเวลาเปิด-ปิดจุดผ่านแดนถาวร ช่องจอม ต.ด่าน อ.กาบเชิง จากเปิดทุกวันเป็น 3 วัน ต่อสัปดาห์ ได้แก่ วันจันทร์ วันพุธ และวันศุกร์ ตั้งแต่เวลา 08.00-15.00 น. ปรากฏว่าตลอดวันที่ 8 มิ.ย. บรรยากาศที่จุดผ่านแดนฯเงียบเหงา เส้นทางเข้า-ออกด่านไม่พบรถรถยนต์สัญจรไปมาแม้แต่คันเดียว โดยที่ฐานกลาง ทหารได้ปิดกั้นไม่อนุญาตให้ประชาชน ผ่าน ขณะที่ด้านหน้าประตูด่าน มีการปิดประตูหลักพร้อมทั้งคล้องล็อกกุญแจจากฝั่งไทยอย่างมิดชิด ส่วนฝั่งกัมพูชา เจ้าหน้าที่หน้าด่านพากันมายืนถ่ายภาพหมู่ โดยพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ไทยและชวนให้ถ่ายภาพ ร่วมกัน แต่เจ้าหน้าที่ไทยปฏิเสธ เนื่องจากผู้บังคับบัญชาสั่งการไม่ให้ถ่ายภาพร่วมแต่อย่างใด ขณะที่ทหารกัมพูชานำแผงเหล็กมาปิดประตูทางฝั่งของกัมพูชาเช่นกัน รวมถึงในช่วงสาย เจ้าหน้าที่หน้าด่านของกัมพูชา ได้นำโครงเหล็กลวดหนามขนาดใหญ่ มาวางปิดกั้น หน้าประตูด่านฝั่งของตัวเองด้วย ทำให้บรรยากาศชายแดนเงียบเหงาเป็นอย่างมาก
ด่านปิดคนอดข้ามเข้าบ่อน
ขณะที่บรรยากาศที่ช่องสายตะกู ต.จันทบเพชร อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับช่องจุ๊บโกกี อ.บันเตียอัมปึล จ.อุดรมีชัย ราชอาณาจักรกัมพูชา ที่มีการปรับเวลาเปิดปิดด่านตามคำสั่งแม่ทัพภาคที่ 2 จากเดิมที่เคยเปิดทุกวัน ได้ปรับเป็นให้เปิดวันอังคาร พุธ พฤหัสบดี เวลา 09.00-12.00 น.พร้อมข้อกำหนดจำกัดคนผ่านเข้าออก พบว่าตลอดช่วงเช้าวันที่ 8 มิ.ย. บรรดาพ่อค้าแม่ค้าบริเวณด่าน ได้ขนสินค้าออกจากชายแดนทั้งหมดแล้ว เพราะมีเวลาน้อยในการขายสินค้า ประกอบกับชาวกัมพูชาเข้ามาซื้อสินค้าน้อยลงหลังมีข้อพิพาท โดยทหารได้ปิดประตูห้ามประชาชนทั่วไปเข้าในเขตชายแดนระยะทางประมาณ 500 เมตร และมีทหารตรึงกำลังอยู่ทั่วบริเวณ ทั้งนี้ นายสาคร ฤทธิ์ยุง อายุ 59 ปี ชาว ต.จันทบเพชร อ.บ้านกรวด วินจักรยานยนต์รับจ้าง ระบุว่าปกติเสาร์ อาทิตย์ จะมีชาวบ้านข้ามฝั่ง ไปเล่นที่บ่อนกาสิโนเป็นจำนวนมาก แต่วันนี้เงียบ ไม่มีใครกล้าเข้ามา ยอมรับว่าการปิดด่านได้รับผลกระทบเพียงเล็กน้อย
ชาวบ้านสองฝั่งวอนเร่งจบปัญหา
ส่วนที่จุดผ่านแดนถาวรช่องสะงำ ต.ไพรพัฒนา อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ ฝั่งไทยเงียบเหงา มีเพียงทหาร และเจ้าหน้าที่ประจำด่านค่อยเฝ้าสังเกตการณ์ ส่วนประตูที่เคยเปิดให้ชาวกัมพูชาและชาวไทย เข้าออกเพื่อไปซื้อหาสินค้าถูกปิดลง โดยที่ฝั่งกัมพูชา มีชาวกัมพูชามายืนคอยที่หน้าด่านพอสมควร และยังขับรถยนต์ รถจักรยานยนต์ ไปมาอยู่ตลอดเวลาภายในด่านฝั่งกัมพูชา โดยคนค้าขายทั้งคนไทยและเขมร รวมถึงชาวบ้านที่เคยไปมาหาสู่กันได้ ต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า อยากให้สถานการณ์คลี่คลายโดยเร็ว รวมถึงฝากถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อยากให้ค่อยพูด ค่อยจากัน ถ้ามาทะเลาะกันก็ไม่มีประโยชน์อะไร
เขมรเล่นแง่ชะลอเปิดด่าน
ขณะที่หน้าด่านถาวรบ้านผักกาด ต.คลองใหญ่ อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี หลังไทยได้มีมาตรการเปิดปิดด่านชายแดนตลอดแนวชายแดนไทยกัมพูชา ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อถึงเวลา 08.00 น. ตามเวลาเปิดด่านที่ปรับใหม่ แต่ทุกอย่างต้องหยุดชะงักเมื่อตัวแทนฝั่งด่านกัมพูชา แจ้งฝ่ายไทยว่าทางด่านกัมพูชา จะเปิดให้เข้าออกในเวลา 09.00 น. ทำให้รถบรรทุกจากไทยที่จะเข้าไปขนพืชไร่ฝั่งกัมพูชา ต้องหยุดรอ กลายเป็นการเพิ่มปัญหาในการเดินทางไปกลับของผู้ขับรถที่ไม่สามารถเดินทางกลับทันภายในเวลา 16.00 น. เช่นเดียวกับที่ จ.สระแก้ว ที่ประตูด่านพรมแดน บริเวณสะพานมิตรภาพไทย-กัมพูชา พบปัญหาเดียวกัน เมื่อทางไทยเปิดประตูด่านเวลา 08.00 น. แต่ฝั่งกัมพูชาไม่มีทีท่าว่าจะเปิดด่านแต่อย่างใด ทำให้ชาวกัมพูชาจำนวนมากจากฝั่งไทยที่จะเดินทางกลับประเทศ รวมถึงพนักงานกาสิโนชาวไทยและนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติต้องมายืนออรอกัมพูชาเปิดด่าน อยู่บริเวณอาคารด่านพรมแดนคลองลึกเป็นจำนวนมาก ซึ่งต่อมาฝั่งไทยได้รับแจ้งจากฝั่งกัมพูชาว่าจะเปิดประตูด่านเวลา 09.00 น.ซึ่งช้ากว่าไทย 1 ชั่วโมง ทำให้ชาวกัมพูชาและนักท่องเที่ยวต่างบ่นกันขรม รวมถึงที่จุดผ่านแดนถาวรบ้านหาดเล็ก อ.คลองใหญ่ จ.ตราด ที่ฝั่งกัมพูชาเลื่อนเวลาเปิดด่านเช่นกัน สร้างความมึนงงให้กับพ่อค้าแม่ค้าที่มารออยู่หน้าด่านอย่างมาก
มทภ.2 เล็งจัดหนักตัดไฟ 9 จุด
ต่อมาผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังจาก พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงนามในคำสั่ง เรื่องการควบคุมการเปิด-ปิดจุดผ่านแดนทุกประเภทตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา พื้นที่รับผิดชอบของกองกำลังสุรนารี ซึ่งมีความเข้มงวดมากขึ้นในวันที่ 8 มิ.ย.นั้น มีรายงานว่าชาวกัมพูชาได้แจ้งมายังฝ่ายไทยว่าไม่อยากให้ไทยใช้มาตรการเข้มงวดลักษณะนี้ เพราะส่งผลการค้าขายชายแดนต้องดำเนินการเร่งรีบ ด้วยข้อจำกัดเรื่องเวลา ต้องรีบเข้ารีบออก ทำให้การค้าขายชายแดนของกัมพูชาสะดุด ขณะเดียวกัน แหล่งข่าวกองทัพภาคที่ 2 ระบุว่าขณะนี้รอประเมินสถานการณ์ หากทหารกัมพูชามีการเติมกำลังเข้ามาอีก แม่ทัพภาคที่ 2 จะสั่งการให้ใช้มาตรการเพิ่มเติม ในเรื่องการตัดไฟฟ้า จำนวน 9 จุด อยู่ในพื้นที่รับผิดชอบของศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก จำนวน 5 จุด และศูนย์ปฏิบัติการกองทัพเรือ จำนวน 4 จุด
จ่อตัดไฟริมแดนเขมร 4 จังหวัด
สำหรับ 9 จุดที่อาจมีการตัดไฟ ประกอบด้วย 1.บ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว-อ.ปอยเปต จ.บันเตียเมียนเจย ที่มีสำนักงานอุตสาหกรรมแร่และพลังงาน จ.บันเตียเมียนเจย เป็นผู้ซื้อไฟฟ้า 2.บ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว-อ.ปอยเปต จ.บันเตียเมียนเจย มีสำนักงานอุตสาหกรรมแร่และพลังงาน จ.บันเตียเมียนเจย เป็นผู้ซื้อไฟฟ้า 3.บ้านหนองปรือ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว-อ.มาลัย จ.บันเตียเมียนเจย มีสำนักงานอุตสาหกรรมแร่และพลังงาน จ.บันเตียเมียนเจย เป็นผู้ซื้อไฟฟ้า 4.บ้านเขาดิน อ.คลองหาด จ.สระแก้ว-อ.สำเภาลูน จ.พระตะบอง มีสำนักงานอุตสาหกรรมแร่และพลังงาน จ.พระตะบอง เป็นผู้ซื้อไฟฟ้า 5.บ้านสวนส้ม อ.สอยดาว จ.จันทบุรี-บ.โอลั๊ว อ.ก๊อมเรียง จ.พระตะบอง มีสำนักงานอุตสาหกรรมแร่และพลังงาน จ.พระตะบอง เป็นผู้ซื้อไฟฟ้า 6.บ.ซับตารี อ.สอยดาว จ.จันทบุรี-อ.พนมปรึก จ.พระตะบอง มีสำนักงานอุตสาหกรรมแร่และพลังงาน จ.พระตะบอง เป็นผู้ซื้อไฟฟ้า 7.บ้านแหลม อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี-อ.ก็อมเรียง จ.พระตะบอง มีสำนักงานอุตสาหกรรมแร่และพลังงาน จ.พระตะบอง เป็นผู้ซื้อไฟฟ้า 8.บ้านหาดเล็ก อ.คลองใหญ่ จ.ตราด-บ.หาดทรายยาว จ.เกาะกง มีสำนักงานอุตสาหกรรมแร่และพลังงาน จ.เกาะกง เป็นผู้ซื้อไฟฟ้า และ 9.อ.กาบเชิง (ช่องจอม) จ.สุรินทร์-บ.โอเสม็ด จ.อุดรมีชัย มีสำนักงานอุตสาหกรรมแร่และพลังงาน จ.อุดรมีชัย เป็นผู้ซื้อไฟฟ้า
ศอ.ปชด.เตรียมเสนอตัดเน็ตด้วย
ทั้งนี้ สอดคล้องกับที่กองประชาสัมพันธ์ของ กองทัพไทย ออกเอกสารข่าว เรื่อง ศูนย์อำนวยการขับเคลื่อนการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยคุกคามที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงในพื้นที่ชายแดนกับประเทศเพื่อนบ้าน หรือ ศอ.ปชด. ที่มี พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นผู้อำนวยการ ศอ.ปชด. เตรียมเสนอให้สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ตัดกระแสไฟฟ้า การระงับสัญญาณอินเตอร์เน็ต ที่ส่งเข้าไปในพื้นที่กัมพูชา ที่เป็นบ่อนการพนันและสแกมเมอร์ การควบคุมสินค้าและยุทโธปกรณ์ที่อาจจะนำไปใช้ในการก่ออาชญากรรมทางเทคโนโลยีและอาชญากรรมข้ามชาติอื่นๆ โดยจะได้นำเสนอมาตรการดังกล่าวต่อสภาความมั่นคงแห่งชาติต่อไป
ทหารเขมรขอคุยหลังถูกกดดันหนัก
จากนั้นช่วงเย็น ผู้สื่อข่าวสายทหารรายงานว่า เมื่อเวลา 10.00 น. ที่บริเวณชายแดนช่องบก จ.อุบลราชธานี ทหารฝ่ายกัมพูชาได้ติดต่อมายังกองกำลังสุรนารี เพื่อขอเจรจาโดยกองกำลังสุรนารีได้รายงานไปยัง พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 จากนั้นแม่ทัพภาคที่ 2 ได้รายงานไปยัง พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหาร (ผบ.ทบ.) เพื่อขออนุมัติในการเข้าไปพูดคุยโดยทางผู้การทหารบกได้อนุมัติให้กองกำลังสุรนารีจัดทหารเข้าไปพูดคุย โดยได้ข้อยุติว่ากำลังทหารทั้งสองฝ่ายจะถอยกลับไปยังจุดที่เคยอยู่เมื่อปี 2567 พร้อมทั้งให้ฝ่ายกัมพูชาปิดกลบคูเลต (สนามเพลาะ) ปรับพื้นที่อยู่ในสภาพเดิม ทำให้ปัจจุบันกองกำลังทั้งสองฝ่าย ได้ถอยกำลังกลับไปยังจุดเดิมแล้ว นอกจากนี้ ยังได้ให้จัดเจ้าหน้าที่ทหารทั้งสองฝ่ายเข้ามาพูดคุย ณ บริเวณจุดดังกล่าวสัปดาห์ละ 1 ครั้ง
โฆษก ทบ.แจงการหารือจุดพิพาท
ช่วงค่ำ พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงการหารือเพื่อคลี่คลายสถานการณ์ในพื้นที่พิพาทบริเวณช่องบก วันนี้ (8 มิ.ย.2568) ฝ่ายกัมพูชา นำโดย พลโท สรัย ดึก รองผู้บัญชาการทหารบก และผู้บัญชาการกองพลสนับสนุนที่ 3 ได้เชิญฝ่ายทหารไทย โดย พลตรี สมภพ ภาระเวช ผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี เข้าร่วมหารือ เพื่อเจรจาเกี่ยวกับกรณีปัญหาการรุกล้ำดินแดนในพื้นที่พิพาทบริเวณช่องบก จากการหารือเบื้องต้น ทั้งสองฝ่ายได้บรรลุข้อตกลงในประเด็นสำคัญ คือ ฝ่ายทหารกัมพูชาได้ยินยอมถอนกำลังกลับไปยังจุดที่เคยประจำการอยู่เดิม ซึ่งอยู่ห่างจากบริเวณที่เกิดเหตุปะทะ หรือแนวต้นพระยาสัตบรรณ ลึกเข้าไปในเขตแดนของประเทศกัมพูชา จุดดังกล่าวเป็นพื้นที่ที่ฝ่ายกัมพูชาเคยใช้เป็นแนววางกำลังฐานมาโดยตลอดในอดีต นอกจากนี้ฝ่ายกัมพูชายังแสดงความยินยอมที่จะดำเนินการกลบคูเลต ให้กลับคืนสู่สภาพธรรมชาติตามเดิม ตามข้อเสนอของฝ่ายไทย เพื่อเป็นการลดความตึงเครียดและสร้างบรรยากาศแห่งความร่วมมือ หลังจากนี้ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องร่วมกันที่จะใช้กลไกระดับคณะกรรมการชายแดนส่วนท้องถิ่น เป็นช่องทางในการหารือแนวทางบริหารจัดการพื้นที่อย่างเหมาะสมและยั่งยืนต่อไป
นายกฯย้ำปรับกำลังทหาร 2 ฝ่าย
จากนั้นในเวลา 19.10 น. น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ทวีตข้อความผ่านแพลตฟอร์มเอ็กซ์ว่า “ความพยายามคลี่คลายสถานการณ์ความขัดแย้งตามแนวชายแดน โดยการปฏิบัติงานของทั้งระดับนโยบาย โดยรัฐบาลฝ่ายความมั่นคง กองทัพ กระทรวงการต่างประเทศ และทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มีพัฒนาการในทางที่ดีขึ้นเป็นลำดับ ดิฉันได้หารือกับรัฐบาลกัมพูชา มีข้อสรุปที่ส่งผลดีต่อสถานการณ์ โดยทั้ง 2 ฝ่ายตกลงจะร่วมกันปรับกำลังทหาร ณ จุดที่มีการกระทบกระทั่ง เพื่อลดบรรยากาศการเผชิญหน้า และจะพัฒนาความร่วมมือโดยใช้กลไก JBC ในวันที่ 14 มิ.ย.นี้ และจะมีการพูดคุยกันในทุกระดับ เพื่อนำพาความสัมพันธ์ของทั้ง 2 ประเทศเข้าสู่ภาวะปกติโดยเร็วขอให้พี่น้องประชาชนติดตามสถานการณ์และข้อเท็จจริงจากรัฐบาล พร้อมทั้งเป็นกำลังใจให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานจนประสบผลสำเร็จต่อไป สุดท้ายนี้ ขอให้พี่น้องประชาชนได้โปรดคลายกังวล และมีความมั่นใจในการแก้ไขปัญหาของรัฐบาลว่า จะไม่มีเหตุกระทบกระทั่งที่รุนแรงเกิดขึ้นแน่นอน”
“บิ๊กอ้วน” ขอบคุณสองฝ่ายกลับที่ตั้ง
ต่อมา เวลา 18.30 น. นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม เปิดเผยว่า ได้รับรายงาน ข่าวจากการเจรจากันทั้งสองฝ่ายในทุกระดับ สรุปตรงกัน ว่าขณะนี้กองกำลังของทั้ง 2 ฝ่าย ออกตรวจแนวพื้นที่ ร่วมกัน ทั้งสองฝ่ายพยายามหาวิธีการในการลดความ ขัดแย้งและการเผชิญหน้า ทำให้สถานการณ์ในพื้นที่ เป็นไปในทางที่ดีมากขึ้น ในนามของกระทรวงกลาโหม และกองทัพไทย ขอขอบคุณรัฐบาลกัมพูชา โดยเฉพาะอย่างยิ่งกองกำลังส่วนหน้าของกองทัพกัมพูชาที่ร่วมกัน เจรจาและช่วยคลี่คลายสถานการณ์ไปในทางที่ดี ความคืบหน้าขณะนี้ กองกำลังสองฝ่ายได้ออกสำรวจพื้นที่และแนวคูเลตร่วมกัน และมีการกลบฝังพื้นที่ ตามข้อตกลงร่วมกัน พร้อมกับมีการปรับกำลังของทั้งสองฝ่ายไปอยู่ในแนวพื้นที่ที่ได้ตกลงกันไว้ในช่วง สถานการณ์ปกติเมื่อปี 2567 แล้ว ทั้ง 2 ฝ่ายคาดหวัง จะให้การแก้ปัญหาผ่านกลไก JBC ที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 14 มิ.ย.นี้ เป็นการคลี่คลายปัญหาของทั้งสองประเทศอย่างสันติ กระทรวงกลาโหมขอขอบคุณกองกำลังฝ่ายไทย แม่ทัพภาค 2 และกองทัพบกที่อดทนอดกลั้น ต่อสถานการณ์และยึดสันติวิธีเป็นที่ตั้ง จากนี้ไปขอความร่วมมือประชาชนทุกฝ่ายระมัดระวังการให้ข้อมูล ข่าวสาร เพื่อไม่นำไปสู่สถานการณ์ที่ทำให้เกิดความขัดแย้งใหม่มากยิ่งขึ้น
อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่