ทุกคนต้องการสันติ เสียงจาก "ชาวบ้านชายแดน" วิตกกังวล หวั่นเกิดสงคราม พร้อมวอน 2 ฝ่ายเจรจากันอย่างสันติ
วันที่ 4 มิ.ย. 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานถึงบรรยากาศในพื้นที่บ้านหนองคันนา ต.ตาเมียง อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ หลังเกิดสถานการณ์ข้อพิพาทชายแดนไทยกับกัมพูชา พบว่าชาวบ้านยังคงดำเนินชีวิตออกไปทำไร่ทำนา กรีดยางกันตามปกติ แม้จะรู้สึกวิตกกังวลกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นก็ตาม แต่ก็จำเป็นต้องดำเนินชีวิตเพื่อหารายได้มาเลี้ยงจุนเจือครอบครัว และต่างก็ไม่อยากให้เกิดสงครามเหมือนในอดีต อยากให้กองทัพและรัฐบาลทั้งสองฝ่ายเจรจากันอย่างสันติวิธี

ขณะที่ โรงเรียนบ้านหนองคันนา พบว่ามีหลุมหลบภัยอยู่ภายในโรงเรียน 1 แห่ง มีการปรับปรุงตัดหญ้าทำความสะอาด เพื่อเตรียมรับมือสถานการณ์ไว้ก่อนแล้ว
นายคมเพชร ศิริสุข เจ้าของร้านขายของภายใน ม.8 ต.ตาเมียง อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ กล่าวว่า ชาวบ้านอยู่ใกล้ชายแดน ก็ต้องรู้สึกกังวลและหวาดผวาอยู่แล้ว เพราะอยู่ศูนย์อพยพก็ลำบาก คนเป็นพัน ทำมาหากินก็ไม่ได้ ชาวบ้านในพื้นที่ก็ไม่ได้อยากให้มีปัญหากัน แต่ถ้าจำเป็นต้องรบก็ต้องรบ ในใจก็ไม่อยากให้รบ เพราะเราเดือดร้อน ต้องทำมาหากิน หารายได้มาเลี้ยงครอบครัว
...

ทั้งนี้ ชาวบ้านก็อยากให้ทั้งสองฝ่ายคุยกัน จะได้ไม่ต้องสู้รบ แต่ถ้าเจรจากันไม่ได้รบก็ต้องรบ เขาจะว่าเราไม่รักชาติอีก คนในพื้นที่ทำใจยาก ถ้าเราไม่อยากให้รบ เรากลัวเดือดร้อน ก็จะหาว่าเราไม่รักชาติ แต่ถ้าปล่อยให้รบ เราต้องเดือดร้อน เราก็ต้องยอมรับกับสถานการณ์เพราะเราอยู่ชายแดน
สุดท้ายแล้วทุกคนก็ต้องการสันติ ชาวบ้านก็มีอาชีพ ปลูกอ้อย กรีดยาง ทำนาปลูกมัน ถ้ามีสงครามก็ต้องหยุดทำ เรามีรายได้ทางเดียว ต้องทำมาหากินทุกวัน ถ้าต้องมีสงคราม ก็ต้องหยุดขาดรายได้ และก็ต้องเสี่ยงกับชีวิตอีก
ขณะที่ ปราสาทตาเมือนธม ต.ตาเมียง ซึ่งอยู่ห่างจากหมู่บ้านหนองคันนาออกไปประมาณ 4 กิโลเมตร พบว่ามีประชาชนชาวไทยทยอยเดินทางไปเที่ยวชมตัวปราสาทและให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ทหารตลอดทั้งวันอย่างไม่ขาดสาย ในระยะนี้ ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกของเจ้าหน้าที่ทหารไทยอย่างใกล้ชิด

ขณะเดียวกันกลับพบว่า มีนักท่องเที่ยวชาวกัมพูชา ไม่เว้นแต่พระสงฆ์พากันเดินทางขึ้นมาเที่ยวชมตัวปราสาทอย่างคึกคักเป็นพิเศษเช่นกัน โดยมีทหารกัมพูชาที่ขึ้นมาสังเกตการณ์และอำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยวชาวกัมพูชาบนตัวปราสาทตาเมือนธมเช่นเดียวกัน.