ผบ.ตร.เป็นประธานในพิธีพระราชทานน้ำหลวงอาบศพและสวดพระอภิธรรมศพ 2 นายตำรวจ ประสบอุบัติเหตุเฮลิคอปเตอร์ตกใน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เสียชีวิต ที่วัดนวลจันทร์ สั่งเร่งสอบสาเหตุ

จากกรณีวันที่ 24 พ.ค. 68 เฮลิคอปเตอร์ รุ่นเบลล์ 212 หมายเลขประจำเครื่อง 2215 ประจำหน่วยบินตำรวจกาญจนบุรี ประสบอุบัติเหตุตกในบริเวณพื้นที่บ้านหนองกก ต.อ่าวน้อย อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ เป็นเหตุให้ 3 เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้แก่ พ.ต.ต.ประเทือง ชูเลิศ (ตำแหน่งนักบิน สบ 2) อายุ 33 ปี ร.ต.อ.ทรงพล บุญชัย (ตำแหน่งนักบิน สบ 1) อายุ 34 ปี และ ร.ต.ท.ทินกฤต สุวรรณน้อย (ตำแหน่งช่างอากาศยาน สบ 1) อายุ 55 ปี เสียชีวิตในที่เกิดเหตุทั้งหมด ขณะกำลังบินจาก จ.สุราษฎร์ธานี จะแวะเติมน้ำมันที่กองบังคับการสนับสนุนทางอากาศ กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน ค่ายนเรศวร ต.ชะอำ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี เพื่อบินไปจอดที่กองบินตำรวจ ถนนรามอินทรา แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน กรุงเทพฯ

ล่าสุด วันนี้ (25 พ.ค. 68) พล.ต.อ. กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ก่อนอื่นต้องขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวของผู้เสียชีวิตทั้ง 3 ราย ถือเป็นความสูญเสียอย่างใหญ่หลวง โดยนับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมรับผู้เสียชีวิตทั้ง 3 ท่านไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์และพระราชทานพวงมาลาหลวงมาในวันนี้

สำหรับเรื่องสวัสดิการการดูแลผู้เสียชีวิตและครอบครัว ประเด็นนี้ตนได้เน้นย้ำไปยัง พล.ต.อ.กรไชย คล้ายคลึง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติที่ดูแลเรื่องดังกล่าว ให้กำชับเน้นย้ำดูแลเรื่องนี้ รวมทั้งการจัดพิธีศพให้สมเกียรติ ขณะเดียวกัน จะดำเนินการเรื่องของสิทธิประโยชน์แก่ผู้เสียชีวิตและครอบครัวอย่างเต็มที่ ส่วนเรื่องการพิจารณาปูนบำเหน็จชั้นยศ ได้สั่งการให้ผู้บังคับการกองบินตำรวจเร่งรัดดำเนินการเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด

...

ส่วนประเด็นเรื่องของสาเหตุการเกิดเฮลิคอปเตอร์ตกนั้น พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า การสรุปสาเหตุในเวลานี้นั้นเป็นการตอบที่เร็วเกินไป โดยตนได้สั่งการให้เร่งตรวจสอบสาเหตุของเหตุเฮลิคอปเตอร์ตกครั้งนี้แล้ว ซึ่งอาจจะต้องใช้ระยะเวลาสักระยะ เพราะต้องตรวจสอบทุกมิติและรอบคอบ ทั้งเรื่องการบริหารงาน ข้อขัดข้องทางเทคนิคเครื่องยนต์ หรือเป็นเหตุสุดวิสัย ดังนั้น หากใช้ระยะเวลาสั้น ๆ ในการตรวจสอบ ตนมองว่าเร็วเกินไป อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นยังไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริง แต่ตนเชื่อว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อาจเกิดจากเหตุสุดวิสัยและไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น

ผู้สื่อข่าวได้สอบถามประเด็นที่ว่า ทำไมถึงเกิดเหตุโศกนาฏกรรมซ้ำกับอากาศยานของตำรวจภายในห้วงระยะเวลา 1 เดือน หลังจากเพิ่งเกิดเหตุเครื่องบินของตำรวจตกทะเลที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ เมื่อ 25 เมษายนที่ผ่านมา พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า มีสิทธิ์ที่จะคิดเช่นนั้นได้ เพราะในระยะเวลาเพียง 1 เดือนเกิดอุบัติเหตุกับอากาศยานถึง 2 ลำ ซึ่งตนก็ได้สั่งการเช่นเดียวกันว่า ต้องแยกตรวจสอบคนละกรณีกัน โดยเหตุการณ์เครื่องบินตกที่เกิดขึ้นครั้งแรกนั้น ยังอยู่ในระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริง

สำหรับเฮลิคอปเตอร์ลำดังกล่าวนั้น ได้รับมอบหมายให้เดินทางไปทำภารกิจที่ จ.สุราษฎร์ธานี และ จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งอยู่ในระหว่างการเสร็จสิ้นภารกิจและเดินทางกลับหน่วยกองบินที่ จ.กาญจนบุรี ก่อนมาเกิดเหตุสลดเสียก่อน ซึ่งเฮลิคอปเตอร์ลำเกิดเหตุนั้น ได้ตรวจสอบซ่อมบำรุงล่าสุดเมื่อวันที่ 13 เมษายนที่ผ่านมา โดยเป็นการตรวจสอบตามวงรอบมาตรฐานอากาศยานปกติ ไม่พบสิ่งผิดปกติแต่อย่างใด รวมทั้งที่ผ่านมาเฮลิคอปเตอร์ลำดังกล่าว ไม่เคยซ่อมบำรุงในกรณีพิเศษนอกจากซ่อมตามวงรอบ

ส่วนกรณีที่ถูกตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับอายุการใช้งานอากาศยานที่ค่อนข้างนาน พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า ถ้ามองเพียงแค่เรื่องปี พ.ศ. นั้น ก็ยอมรับว่านาน โดยเฉพาะรุ่นเบลล์ 212 ที่ใช้ในราชการกองบินตำรวจมานานมากกว่า 40 ปี กว่า 10 ลำ ซึ่งบางลำก็เข้าเกณฑ์ที่เตรียมจะจำหน่ายแล้ว บางลำยังอยู่ในวงรอบการซ่อมบำรุงตามปกติ

ดังนั้น เฮลิคอปเตอร์รุ่นเบลล์ 212 ในราชการกองบินตำรวจ จากเดิมใช้งานได้ 3 ลำ แต่ประสบอุบัติเหตุตกไปเมื่อวานนี้ จึงเหลือใช้งานได้เพียงแค่ 2 ลำ โดยยืนยันว่า ในต่างประเทศเฮลิคอปเตอร์รุ่นดังกล่าวก็ยังคงใช้งานตามปกติในอายุการใช้งานเดียวกันและเราก็ตรวจสอบซ่อมบำรุงซ่อมแซมอย่างสม่ำเสมอ นั่นจึงต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าสาเหตุของเฮลิคอปเตอร์ตกเกิดจากอะไรกันแน่

...

อย่างไรก็ตาม เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ตนได้มีคำสั่งให้อากาศยานกองบินตำรวจทุกลำยุติภารกิจการใช้งานชั่วคราว จนกว่าจะตรวจสอบและสร้างความมั่นใจในความปลอดภัยของอากาศยานทุกลำ รวมทั้งสั่งการให้กองบินตำรวจทบทวนและตรวจสอบอากาศยานทุกลำ ทั้งประสิทธิภาพเครื่องยนต์และอายุการใช้งาน ซึ่งมีทั้งอายุการใช้งานยาวนานและไม่นานมาก

โดยในวันพุธที่ 28 พ.ค. นี้ ตนจะเดินทางไปยังกองบินตำรวจท่าแร้ง เพื่อรับฟังรายงานดังกล่าวและมอบนโยบายกำชับเรื่องงานอากาศยานตำรวจใหม่ ซึ่งเน้นย้ำว่า อากาศยานลำใดที่มีอายุการใช้งานยาวนานและไม่จำเป็นต้องซ่อมบำรุงแล้ว ก็ให้เตรียมจำหน่ายได้เลย

นอกจากนี้ ตนจะเดินทางไปสร้างขวัญกำลังใจ และความเชื่อมั่นให้กับนักบินว่า อากาศยานตำรวจที่ผ่านการตรวจสอบและตนรับทราบข้อมูลความปลอดภัยแล้ว จะสามารถใช้ได้อย่างปลอดภัยในการปฏิบัติภารกิจ ซึ่งตนเองก็ยังเชื่อมั่นในฝีมือของนักบินที่มีชั่วโมงบินสูงและในวันเสาร์ที่จะถึงนี้ ตนก็มีภารกิจที่จะต้องบินกับอากาศยานตำรวจด้วย

ทั้งนี้มีรายงานข่าวว่า พ.ต.ต.ประเทือง ชูเลิศ และ ร.ต.อ.ทรงพล บุญชัย 2 นักบินผู้เสียชีวิตนั้น ถือว่าเป็นระดับหัวกะทิของกองบินตำรวจ มีชั่วโมงบินที่สูงและเคยปฏิบัติภารกิจในหลายโอกาส ทั้งภารกิจถวายความปลอดภัย ภารกิจกู้ภัย ภารกิจช่วยเหลืองานตำรวจตระเวนชายแดน รวมทั้งภารกิจทั้งด้านการแพทย์

...

หลังเสร็จสิ้นพิธีสวดพระอภิธรรมศพ กลุ่มนักเรียนเตรียมทหารรุ่น 52 และนักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 68 ซึ่งเป็นรุ่นเดียวนักบินผู้เสียชีวิตทั้งสอง ก็ได้มอบเงินช่วยเหลือแก่ครอบครัวของนักบินผู้เสียชีวิต เป็นเงินจำนวน 200,000 บาท

โดยล่าสุด ให้ผู้การกองบินตรวจสอบและระงับจนกว่าจะมีการมั่นใจในเอกสารทั้งหมดเพื่อสร้างขวัญกำลังใจให้กับนักบิน

ขณะที่ วัดนวลจันทร์ กทม. เวลา 17.00 น. เจ้าหน้าที่สำนักพระราชวังอัญเชิญน้ำหลวงพระราชทานอาบศพ ร.ต.อ.ทรงพล บุญชัย และ ร.ต.ท.ทินกฤต สุวรรณน้อย พร้อมทั้งอัญเชิญพวงมาลาหลวงพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี และพระบรมวงศานุวงศ์ วางหน้าหีบศพ

โอกาสนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานหีบก้านแย่งและหีบเชิงชายเป็นเครื่องประกอบเกียรติยศศพแก่นายตำรวจทั้งสอง จึงนับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้แก่ครอบครัวนายตำรวจผู้วายชนม์ทั้งสอง

โดยในพิธีพระราชทานน้ำหลวงอาบศพและสวดพระอภิธรรมศพในครั้งนี้ มี พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นประธานในพิธี มีบรรดานายตำรวจระดับสูง เพื่อนข้าราชการตำรวจ คนสนิท และเครือญาติผู้วายชนม์ เข้าร่วมพิธีที่ศาลา 3 วัดนวลจันทร์ เป็นจำนวนมาก ซึ่งพิธีสวดพระอภิธรรมศพได้เริ่มขึ้นทันทีหลังรดน้ำศพเสร็จสิ้น

...

สำหรับบุคคลสำคัญที่ได้เดินทางมาร่วมพิธีสวดพระอภิธรรมศพ อาทิ พล.ต.อ.กรไชย คล้ายคลึง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือตำรวจไซเบอร์ และ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นต้น

นอกจากนี้ บุคคลสำคัญทางการเมืองได้ร่วมส่งพวงพรีดมาวางหน้าหีบศพ เพื่อไว้อาลัยแก่นายตำรวจผู้วายชนม์ เช่น นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นต้น

ทั้งนี้ในวันพรุ่งนี้ ร่างของ ร.ต.อ.ทรงพล บุญชัย จะเคลื่อนออกจากวัดเพื่อขึ้นเฮลิคอปเตอร์นำกลับไปบำเพ็ญกุศลที่วัดคลองน้ำเจ็ด ต.ทับเที่ยง อ.เมือง จ.ตรัง ซึ่งเป็นภูมิลำเนาบ้านเกิด โดยจะสวดพระอภิธรรมศพตั้งแต่วันที่ 30 พฤษภาคม ถึงวันที่ 4 มิถุนายน และกำหนดการพระราชทานเพลิงศพวันที่ 5 มิถุนายน

ส่วนร่างของ ร.ต.ท.ทินกฤต สุวรรณน้อย จะตั้งบำเพ็ญกุศลสวดพระอภิธรรมศพที่ศาลา 3 วัดนวลจันทร์ จนถึงวันที่ 29 พฤษภาคม และก่อนกำหนดพระราชทานเพลิงศพวันที่ 31 พฤษภาคม