ครอบครัวเศร้า รอรับศพ "น้องน้ำตาล" สาววัย 17 กลับมาทำพิธีที่บ้านเกิด หลังหายตัวไปจากหอพักกลางดึก ก่อนพบเสียชีวิตบริเวณสะพานพระราม 3 แม่ยังคาใจสาเหตุการตาย

วันที่ 10 พ.ค. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานจากบ้านนายม ในพื้นที่ ต.ดอนกลอย อ.พิบูลย์รักษ์ จ.อุดรธานี ถึงความคืบหน้ากรณี น.ส.นภัสสร เผลอภูเขียว อายุ 17 ปี หรือ น้องน้ำตาล นักศึกษาวิทยาลัยแห่งหนึ่งใน จ.อุดรธานี ที่ไปฝึกงานตามโครงการของวิทยาลัยฯ ที่ จ.ปทุมธานี แล้วหายตัวไป โดยมีภาพจากกล้องวงจรปิด พบว่าน้องได้ใช้บริการรถจากแอปพลิเคชัน ออกจากหอพักช่วงกลางดึกคืนวันที่ 30 เม.ย. จากนั้น ได้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ไม่สามารถติดต่อได้

โดยพ่อบุญเลิศ เผลอภูเขียว ได้วอนสื่อช่วยเหลือออกติดตามหา และขอความช่วยเหลือมูลนิธิปวีณา กระทั่งได้รับแจ้งว่า วันที่ 3 พ.ค. 68 พลเมืองดีพบศพขึ้นอืดที่สะพานพระราม 3 และนำศพไปเก็บรักษาเอาไว้ที่ รพ.ศิริราช เมื่อพ่อไปดูถึงกับทรุดตัวร้องไห้โฮ เพราะพบว่าเป็นศพน้องลูกสาวที่หายตัวไป

โดยนางเย็นฤดี ขุมทอง อายุ 45 ปี แม่ของน้องน้ำตาล ได้เล่าว่า ปกติน้องจะติดต่อกับพ่อแม่ตลอดเวลา พูดคุยกันตามปกติ น้องได้หายตัวไปหลังจากเงินเดือนออกวันที่ 30 เมษายน น้องหายไป วันที่ 1 พ.ค. ติดต่อน้องไม่ได้ พ่อจึงตัดสินใจเดินทางไป กทม. แต่ไม่สามารถแจ้งความได้ จนกระทั่งวันที่ 2 จึงสามารถแจ้งความได้ และแล้ววันที่ 3 พ.ค. เจ้าหน้าที่จึงพบศพของน้อง ที่พระราม 3 พ่อไปดูศพ ยืนยันว่านั่นคือลูกสาวที่ติดต่อไม่ได้ และโทรศัพท์ของน้องก็หายไป

...

ก่อนหน้านี้ น้องน้ำตาลเล่าให้เพื่อนๆ ฟังว่าถูกผู้จัดการด่าเรื่องทำน้ำหกใส่ลูกค้า ซึ่งน้องได้ขอโทษลูกค้าแล้วแต่อาจจะไม่ได้ยิน เพราะน้องเขาเสียงเบามาก ลูกค้าเลยเชื่อว่าน้องไม่ขอโทษ และทำให้นายจ้างไม่พอใจ เลยดุน้อง น้องอาจจะเสียใจ ไม่คาดคิด และไม่เชื่อว่าน้องจะฆ่าตัวตาย เพราะน้องไม่เคยเล่าเรื่องอะไรให้ฟังเลย วันที่ 30 ก็คุยกันทักทายกันตามปกติ ไลฟ์สดคุยกันกับพี่สาว กับแม่ ถ้าน้องบอกว่าไม่อยากอยู่ เราก็จะเดินทางไปรับกลับทันที สงสัยว่าทำไมน้องถึงออกจากห้องพักคนเดียวกลางดึก และทำไมไม่เอาเอกสารต่างๆ ประจำตัวไปด้วย เอาไปแค่โทรศัพท์ หลังเกิดเรื่องโทรศัพท์น้องหายไป และเมื่อวันที่ 8 มีการถอนเงินจากบัญชีที่ตู้ เอทีเอ็มที่พัทยา ซึ่งหมอแจ้งว่าน้องเสียชีวิตไปก่อนหน้านี้

ด้าน นายมนตรี พุทธจันทร์ น้าชายได้บอกว่า น้ำตาลไปฝึกงานกับร้านเดียวกันที่พี่สาวเคยไปอยู่มาก่อน ได้แนะนำให้น้องน้ำตาลให้ไปฝึกงานที่นี่ น้องน้ำตาลจึงไปฝึกงานที่เดียวกันกับพี่สาว เมื่อไปถึงแล้วช่วงไปทำงานอาจจะทำน้ำหกใส่ลูกค้า แล้วขอโทษ แต่ด้วยน้องเสียงเบา ลูกค้าไม่ได้ยิน จึงเป็นเหตุให้น้องโดนตำหนิ และเสียใจ

ส่วนแม่คูณ โพยนอก ได้พูดทั้งน้ำตาว่า ครอบครัวนี้มีความลำบากมาก แต่ไม่เคยย่อท้อต่อชีวิตมาตลอด พ่อกับแม่ทำงานรับจ้าง ส่งเสียลูกให้ได้รับการศึกษา ถ้าไม่มีคนจ้างก็ไม่มีเงินใช้จ่ายในครอบครัว จึงต้องหาเงินด้วยการรับจ้างทุกอย่างที่สามารถทำได้ แล้วแต่ใครจะเมตตาสงสารว่าจ้าง ยายน่ะสงสารมาก เห็นน้ำตาลเสียชีวิตแบบนี้แล้วยายยิ่งสงสารและเห็นใจ ครอบครัวนี้มาก น้ำตาลเป็นเด็กว่านอนสอนง่ายไม่เที่ยวเตร่ ไม่เกเร ไม่สุงสิงกับใคร อยู่แต่ในครอบครัว

ในขณะที่ นางยุวดี วงษ์ใหญ่ น้าสาวของน้องน้ำตาลได้เล่าว่า มีกลุ่มมิจฉาชีพโทรมาหา หลอกลวงเพื่อให้โอนเงินสดไปให้ พร้อมกับบอกว่า ตอนนี้น้องน้ำตาลมาเที่ยวด้วยกันกับเขา และตอนนี้เงินหมด ไปเที่ยวต่อไม่ได้ ขอให้โอนเงินมาให้ด้วย พ่อบอกขอคุยกับน้องน้ำตาล พอฟังแล้วเสียงกุกๆ กักๆ ไม่ชัดเจน และเงียบหายไป จากนั้นสักพักก็โทรมาอีก เรื่อยๆ เป็นแบบนี้ ตลอดทั้งวัน กระทั่งได้ปิดเครื่องเอาไว้ ไม่สงสารกันบ้างเลย

ในเวลาต่อมา นายนรเศรษฐ์ กุดแถลง นักสังคมสงเคราะห์ สนง.พมจ โดย ศูนย์เร่งรัดจัดการสวัสดิภาพประชาชน ศรส. จังหวัดอุดรธานี ได้เดินทางไปที่บ้านหลังดังกล่าว เพื่อไปทราบข้อมูลและปลอบขวัญเพื่อให้กำลังใจ แม่ของน้องน้ำตาล พร้อมครอบครัว และจะได้หาทางช่วยเหลือ พร้อมกับพูดว่า วันนี้ พมจ.อุดรธานี ได้เดินทางมาเยี่ยม เพื่อให้กำลังใจแก่ครอบครัวของน้อง ซึ่งทางครอบครัวได้คาใจเรื่องสาเหตุการตาย ต้องการความกระจ่างทางด้านคดี ต้องการความเยียวยาจากภาครัฐ ต้องการเรียกร้องกระบวนการความยุติธรรมให้กับน้องที่เสียชีวิตและต้องการทราบคำวินิจฉัยเกี่ยวกับคดี ทางด้าน พมจ. ได้ให้กำลังใจ และได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับสิทธิ์อันพึงได้

สำหรับศพน้องน้ำตาล คุณพ่อบุญเลิศ เผลอภูเขียว พ่อน้องน้ำตาล กำลังนำศพของน้องกลับบ้าน ที่บ้านนายม ต.ดอนกลอย อ.พิบูลย์รักษ์ จ.อุดรธานี คาดว่าศพน้องน้ำตาล น่าจะถึงหมู่บ้านนายม ช่วงเวลาเที่ยงคืนวันนี้ และจะตั้งสวดศพ 1 คืน เนื่องจากพรุ่งนี้ เป็นวันพระใหญ่ ซึ่งตามประเพณีของหมู่บ้าน จะไม่ประกอบพิธีในวันพระใหญ่ ซึ่งถือเป็นวันแข็ง