กว่า 83% ของคนไทยได้รับการวินิจฉัยว่า เป็นโรคกรดไหลย้อน ซึ่งมีอาการแสบร้อนกลางอก เรอเปรี้ยว และท้องอืดร่วมด้วย ซึ่งเป็นโรคที่คุณไม่ควรมองข้าม เพราะหากปล่อยทิ้งไว้ ไม่ดูแลหรือไม่รับการรักษา อาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพที่อันตรายกว่าที่คิด วันนี้เราจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับโรคกรดไหลย้อน พร้อมวิธีบรรเทา และรักษา เพื่อป้องกันปัญหาแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้
โรคกรดไหลย้อนคืออะไร?
โรคกรดไหลย้อนเป็นภาวะที่กรดหรือน้ำย่อยในกระเพาะอาหารไหลย้อนขึ้นไปในหลอดอาหาร ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา โดยเฉพาะหลังรับประทานอาหาร สามารถเกิดจากทั้งการทำงานผิดปกติของกล้ามเนื้อหูรูดส่วนปลายหลอดอาหารหรือเกิดจากพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็น
● ทานอาหารไม่เป็นเวลาหรือนอนหลังรับประทานอาหารเสร็จทันที
● ทานอาหารปริมาณมากในมื้อเดียวหรือทานอาหารเร็วเกินไป
● ทานอาหารมัน ๆ เช่น ของทอด และดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน แอลกอฮอล์ น้ำอัดลม
● การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน หรืออยู่ในระหว่างตั้งครรภ์
● ผลข้างเคียงจากการใช้ยาบางชนิด เช่น ยาคุมกำเนิด
● มีความเครียดสะสม
ทำไมคนไทยเสี่ยงเป็นโรคกรดไหลย้อน?
เหตุผลว่า ทำไมคนไทยถึงเสี่ยงเป็นโรคกรดไหลย้อนกันมากขึ้น นั่นก็คือ พฤติกรรม และไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไป ไม่ว่าจะเป็นวิถีชีวิตที่เร่งรีบ ต้องทานอาหารฟาสต์ฟู้ดที่มัน และย่อยยาก เพราะสามารถหาซื้อได้ง่าย และรวดเร็ว หรือการเลิกงานดึก ทำให้ต้องทานอาหาร และเข้านอนทันที รวมถึงการอยู่ในสังคมที่มีความกดดัน และการแข่งขัน ทำให้สะสมความเครียด ปัจจัยเหล่านี้ล้วนเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคกรดไหลย้อนทั้งสิ้น
ลักษณะอาการที่บ่งชี้ถึงโรคกรดไหลย้อน
เรารวบรวมลักษณะอาการที่บ่งชี้ถึงโรคกรดไหลย้อน ลองสังเกตว่า คุณมีอาการเหล่านี้หรือไม่
● ความรู้สึกแสบร้อนกลางอกหรือลำคอภายหลังรับประทานอาหาร
● มีของเหลวรสเปรี้ยว เค็ม หรือขมไหลขึ้นมาที่ลำคอร่วมกับมีอาการกลืนยาก
● แน่นหน้าอก
● ท้องอืด ท้องเฟ้อ
● เรอเปรี้ยว
● รู้สึกวิงเวียนศีรษะ
● คลื่นไส้อาเจียน
ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น หากไม่รักษาโรคกรดไหลย้อน
เมื่อเป็นโรคกรดไหลย้อนหรือเป็นกรดไหลย้อนเรื้อรัง และปล่อยทิ้งไว้ ไม่บรรเทาอาการหรือรับการรักษา สามารถก่อให้เกิดอันตรายต่อระบบทางเดินอาหารของคุณได้ ไม่ว่าจะเป็น
● หลอดอาหารอักเสบ เนื่องจากกรดหรือน้ำย่อยในกระเพาะไหลย้อนกลับขึ้นสู่หลอดอาหาร
● หลอดอาหารตีบ ส่งผลให้กลืนอาหารลำบาก เป็นอุปสรรคต่อการใช้ชีวิต
● เพิ่มความเสี่ยงเป็นมะเร็งหลอดอาหาร
วิธีการบรรเทาและรักษาโรคกรดไหลย้อน
การบรรเทา และรักษาโรคกรดไหลย้อน คุณสามารถทำได้ไม่ยากด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมหรือการใช้ยา เพื่อบรรเทาอาการ แต่ในกรณีที่มีอาการกรดไหลย้อนรุนแรง แพทย์อาจพิจารณาการรักษาด้วยวิธีผ่าตัด โดยขึ้นอยู่กับสาเหตุของโรค
● การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม โดยการเปลี่ยนการทานอาหารมื้อหนัก 3 มื้อเป็นทานหลายมื้อในปริมาณที่น้อยลง หลีกเลี่ยงการทานอาหารแล้วเข้านอนทันที หลีกเลี่ยงอาหารย่อยยาก และเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน งดพฤติกรรมการสูบบุหรี่
● การใช้ยา โดยบรรเทาอาการแสบร้อนกลางอก เรอเปรี้ยว อาหารไม่ย่อยจากกรดเกินด้วยยาลดกรดและป้องกันกรดไหลย้อนที่ออกฤทธิ์เร็ว และยาวนาน สามารถยับยั้งการไหลย้อนของกรดในกระเพาะ
● การผ่าตัด สำหรับใครที่มีอาการกรดไหลย้อนเรื้อรังจากสาเหตุหูรูดเสื่อม ทั้งนี้ต้องได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์ เพื่อการรักษาที่เหมาะสม
ยาลดกรดและป้องกันกรดไหลย้อน ตัวช่วยสำคัญในการบรรเทาอาการกรดไหลย้อน
เมื่อมีอาการกรดไหลย้อน สามารถบรรเทาอาการแสบร้อนกลางอก และอาหารไม่ย่อยที่เกิดจากกรดไหลย้อน ด้วยยาลดกรดและป้องกันกรดไหลย้อนที่จะช่วยสร้างแพเจลลอยตัวด้านบนสุดเหนือของเหลวในกระเพาะอาหาร เพื่อยับยั้งการไหลย้อนกลับของกรดและน้ำย่อยขึ้นสู่หลอดอาหาร โดยยาลดกรดและป้องกันกรดไหลย้อนจากประเทศอังกฤษจะสร้างแพเจลที่แข็งแรงเป็นพิเศษ สามารถออกฤทธิ์บรรเทาอาการได้ยาวนานพิเศษถึง 4 ชั่วโมง และปลอดภัยต่อคุณแม่ที่อยู่ระหว่างตั้งครรภ์ และให้นมบุตร
จากข้อมูลที่พบว่า 83% ของคนไทยได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคกรดไหลย้อน ชี้ให้เห็นถึงความจำเป็นของการหันมาใส่ใจดูแลระบบย่อยอาหาร ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน และการใช้ชีวิต เพื่อสุขภาพที่ดี เพราะโรคกรดไหลย้อนเป็นอีกหนึ่งโรคทางเดินอาหารที่ทุกคนไม่ควรมองข้าม เนื่องจากอาจเป็นอันตรายหากปล่อยทิ้งไว้ และหากคุณกำลังเผชิญกับโรคกรดไหลย้อนหรืออาการแสบร้อนกลางอก แน่นท้องทำไง วางใจให้ยาลดกรดและป้องกันกรดไหลย้อนที่ออกฤทธิ์รวดเร็ว บรรเทาอาการได้ยาวนานกว่า 4 ชั่วโมง ช่วยดูแลปัญหาของคุณ
แหล่งอ้างอิง: