ลำปาง ตรวจพบเรือต้นแบบเก็บผักตบชวาเขื่อนกิ่วลม ราคาเกือบ 77 ล้านบาท อยู่ในสภาพเปรอะเปื้อนเต็มไปด้วยคราบโคลน แทบจะกลายเป็นซาก หลังสร้างเสร็จ-ฝึกอบรมการใช้งานปี 66 ชาวบ้านเผยตั้งแต่นำมาทดลองไม่ได้ใช้งานจริงเลย ล่าสุดเจ้าหน้าที่ชี้แจงแล้ว บอกรอหน่วยงานเกี่ยวข้องลงมาตรวจสอบร่วมกัน แต่ดันมากลายเป็นข่าวเสียก่อน ประเมินด้วยสายตา คาดว่าน่าจะสามารถซ่อมแซมให้กลับมาใช้งานได้

จากกรณีที่มีเพจดังออกมาแฉว่า เรือต้นแบบเก็บผักตบชวาในเขื่อนกิ่วลม ราคาเกือบ 77 ล้าน สร้างเสร็จฝึกอบรมการใช้งานเมื่อปี 66 จนถึงปัจจุบันยังจมในโคลนไม่ได้ใช้งาน ชาวบ้านเผยตั้งแต่นำมาทดลองไม่ได้ใช้งานจริงเลย เพราะเรือจมหลังนำเรือผูกกับแพพายุซัดแพคว่ำดึงเรือจมสภาพแทบจำไม่ได้ และได้นำภาพเรือต้นแบบ เรือเก็บวัชพืช ที่ถ่ายไว้เมื่อปี 2566 มาเปรียบเทียบรูปเมื่อปี 2568

โดยจากข้อมูลโครงการพบว่า ปีงบประมาณ 2566 กรมชลประทานได้ทำการประกวดราคาจ้างจัดทำเรือต้นแบบเพื่อเก็บวัชพืชลอยน้ำแบบอัดก้อน โครงการเรือต้นแบบเพื่อเก็บวัชพืชลอยน้ำแบบอัดก้อนด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ วงเงินสัญญารวม 76,840,000 บาท ผู้รับจ้างที่ชนะการประมูล คือ บริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง

และในวันที่ 19 ธันวาคม 2566 โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษากิ่วลม-กิ่วคอหมา เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้เข้าอบรมการใช้งานระบบของเรือและมีการประชาสัมพันธ์กิจกรรมในเว็บไซต์ของหน่วยงานด้วย

...

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (28 เม.ย. 68) นายนิพลน์ ศรีวิลัย หัวหน้าฝ่ายวิศวกรรมโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษากิ่วลม-กิ่วคอหมา นำผู้สื่อข่าวไปดูจุดที่เรือจมอยู่ ซึ่งจุดดังกล่าวอยู่ใกล้กับหมู่บ้านสำเภาทอง ต.บ้านสา อ.แจ้ห่ม จ.ลำปาง ซึ่งสภาพเรือเปื้อนไปด้วยคราบโคลน เนื่องจากแช่อยู่ใต้น้ำเป็นเวลานาน และปัจจุบันระดับน้ำในเขื่อนได้ลดลงมากจนมองเห็นสภาพของเรือได้อย่างชัดเจน

โดยนายนิพลน์ เปิดเผยว่า เนื่องจากในเขื่อนกิ่วลมและเขื่อนกิ่วคอหมา ประสบปัญหามีวัชพืชที่หนาแน่น สำนักวิจัยและพัฒนากรมชลประทานจึงได้คิดค้นเรือนวัตกรรมขึ้นมา ก็คือเรือเก็บย่อยและบดอัดวัชพืชให้เป็นก้อน ซึ่งได้มีการว่าจ้างบริษัทเอกชนมาทำการก่อสร้างด้วยงบประมาณรวมทั้งหมดกว่า 76 ล้านบาท หลังจากนั้น บริษัทเอกชนก็ได้มีการส่งมอบเรือให้กับสำนักวิจัยและพัฒนาและนำเรือดังกล่าวมาทดลองจัดเก็บวัชพืชในเขื่อนกิ่วลมตั้งแต่ในช่วงของเดือนธันวาคมปี 2566 ในช่วงระหว่างนำเรือมาลงทดสอบระบบในการทำงานของเรือระหว่างนั้นก็มีการยื่นจดทะเบียนของเรือ และยื่นขออนุญาตต่างๆ และหลังจากนั้น สำนักวิจัยและพัฒนาก็จะเตรียมส่งมอบในระบบให้กับเขื่อนกิ่วลม ซึ่งทาง ผอ.เขื่อนก็จะให้มีการตรวจสอบสภาพเรือก่อนรับมอบ

แต่ปรากฏว่าในวันที่ 21 กันยายนปี 2567 ในพื้นที่เกิดมีลมฝนแรงมากและมีลมพัดสอบ และต่อมาก็ได้รับแจ้งจากคนที่เฝ้าเรือว่า เรือหายไปจากจุดที่จอด เมื่อเข้ามาตรวจสอบ ก็พบว่าเรือจมอยู่ใต้น้ำในเขื่อน จึงมีการแจ้งไปยังสำนักวิจัยและพัฒนา และบริษัทเอกชนดังกล่าวให้ทราบ และลงมาดู ตอนแรกว่าจะมีการทำการกู้เรือขึ้นมา แต่ในขณะนั้นสภาพน้ำมันแดง มองไม่เห็นใต้น้ำ จึงมีการคุยกันว่ารอน้ำลดจะดีกว่า

ซึ่งหลังน้ำในเขื่อนลดลง ก็มีการแจ้งไปยังส่วนงานที่เกี่ยวข้องและรอมาลงมาตรวจสอบร่วมกัน แต่มากลายเป็นข่าวเสียก่อน ส่วนสาเหตุที่เรือจมลงไปใต้น้ำนั้น ต้องรอการตรวจสอบจากหน้าที่เกี่ยวข้องก่อน เพราะในวันที่เรือจมนั้น ในพื้นที่มีลมฝนแรงมากด้วย และช่วงนั้นกำลังของเจ้าหน้าที่ก็มีการเฝ้าระวังเรื่องการระบายน้ำในเขื่อน เพราะจังหวัดลำปางตอนนั้น เกิดน้ำท่วมใหญ่ และหากประเมินด้วยสายตาคาดว่าน่าจะสามารถซ่อมแซมให้กลับมาใช้งานได้.