เมื่อเร็วๆ นี้ ที่สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพฯ เขตจตุจักร (หมอชิต 2) กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) ร่วมมือกับภาคีเครือข่าย ร่วมรณรงค์ "สงกรานต์นี้ กลับบ้าน พาลูกหลานกลับมาเรียน" เชิญชวนคนไทยบอกต่อข้อมูลโอกาสและทางเลือกการศึกษาฟรี ที่มีความยืดหยุ่น ตอบโจทย์ชีวิต ไปให้ถึงครอบครัวเด็กและเยาวชนที่หลุดจากระบบการศึกษา หรือกำลังตัดสินใจจะไม่เรียนต่อเพราะความยากจน ด้อยโอกาส ผ่านโครงการ "โรงเรียนเคลื่อนที่ Mobile School เข้าเรียนไม่ได้ให้โรงเรียนไปหา" โดยมีเครือข่ายสื่อมวลชน ศิลปิน และหน่วยงานต่างๆ ระดับประเทศ และระดับท้องถิ่น เช่น อิงฟ้า วราหะ เครือข่ายศิลปิน หมอลำไอดอล บขส. เข้าร่วมรณรงค์ในครั้งนี้
นายพัฒนะพงษ์ สุขมะดัน ผู้ช่วยผู้จัดการ กสศ. กล่าวว่า ข้อมูลล่าสุดในปี 2567 ของคณะกรรมการขับเคลื่อนการแก้ปัญหาเด็กและเยาวชนนอกระบบการศึกษาให้กลายเป็นศูนย์ (Thailand Zero Dropout) ระดับชาติ พบว่า ประเทศไทยมีเด็ก เยาวชนนอกระบบการศึกษา ตั้งแต่ช่วงอายุ 3-18 ปี (เกิดระหว่างวันที่ 1 มกราคม 2550 - 31 ธันวาคม 2564) จำนวนทั้งสิ้น 982,304 คน จากข้อค้นพบของกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) พบว่า การเข้าไม่ถึงข้อมูลที่พาไปถึงโอกาสการศึกษา และการไม่มีทางเลือกอื่นในการศึกษาเรียนรู้ที่ตอบโจทย์ชีวิต เป็นหนึ่งในเงื่อนไขสำคัญที่ทำให้ผู้ปกครองและนักเรียนตัดสินใจไม่ศึกษาต่อ
กสศ.และภาคีเครือข่าย ริเริ่มโครงการ "โรงเรียนเคลื่อนที่ Mobile School เข้าเรียนไม่ได้ ให้โรงเรียนไปหา" เพื่อนำทางเลือกการศึกษาฟรียืดหยุ่น ตอบโจทย์ชีวิตไปให้เด็กและเยาวชนที่หลุดจากระบบการศึกษา และเริ่มต้นรณรงค์ตั้งแต่ช่วงเทศกาลสงกรานต์ เพื่อเชิญชวนครอบครัว พี่น้องแรงงานที่กำลังกลับบ้าน รวมถึงประชาชนทุกคนในสังคม บอกต่อข้อมูลโอกาสและทางเลือกการศึกษาไปให้ถึงครอบครัว เด็ก เยาวชนที่หลุดจากระบบการศึกษา หรือกำลังตัดสินใจไม่เรียนต่อ โดยตั้งเป้าช่วยเหลือน้องๆ ให้กลับมาเรียนได้ทันเปิดเทอมใหม่ปีการศึกษา 2568 เดือนพฤษภาคมนี้ จำนวน 55,000 คน ทั่วประเทศ เนื่องจากมีการสำรวจไว้แล้ว รอนำเข้าระบบการศึกษาอย่างเป็นทางการต่อไป
นายพัฒนะพงษ์ กล่าวเสริมว่า โครงการ "โรงเรียนเคลื่อนที่ Mobile School เข้าเรียนไม่ได้ ให้โรงเรียนไปหา" กสศ.ร่วมมือกับเครือข่ายศูนย์การเรียนโดยสถาบันทางสังคม ตามมาตรา 12 แห่ง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 ในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เครือข่ายสถานศึกษาที่จัดการศึกษายืดหยุ่น 1 โรงเรียน 3 รูปแบบ รวมถึงสถานประกอบการ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม นักวิชาชีพ และชุมชน ซึ่งมีประสบการณ์ความเชี่ยวชาญร่วมจัดการเรียนรู้ฟรีและได้วุฒิการศึกษาตามกฎหมาย ตั้งแต่ชั้นประถมศึกษา ม.ต้น และม.ปลาย (ป.6, ม.3, ม.6) โดยเน้นรูปแบบความยืดหยุ่นของการเรียน สามารถเรียนที่ไหนก็ได้ทั้ง Online และ Onsite มีครูพี่เลี้ยง ช่วยแนะแนว ให้คำปรึกษา และร่วมออกแบบแผนการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับผู้เรียนที่มีความพร้อม ความถนัด ความสนใจที่แตกต่างกันเป็นรายคน
โดยเน้นการศึกษากินได้ การเรียนรู้เพื่อปากท้องเพื่อสร้างอาชีพ สร้างรายได้ ต่อยอดสู่การมีคุณภาพชีวิตที่ดี โดยจะทำงานร่วมกับลุง ป้า น้า อา ในชุมชน ทำหน้าที่เป็นผู้ดูแลเด็กและเยาวชนอย่างต่อเนื่อง หรือที่เรียกกันว่า ผู้จัดการรายกรณี หรือ (Case Manager : CM) ของเด็กและเยาวชนที่หลุดจากระบบการศึกษา ที่กระจายอยู่ในทุกหมู่บ้านทั้ง 77 จังหวัด ร่วมขับเคลื่อนโครงการ Thailand Zero Dropout ของรัฐบาล
โครงการโรงเรียนเคลื่อนที่ Mobile School เข้าเรียนไม่ได้ให้โรงเรียนไปหาของ กสศ. จะเริ่มตั้งแต่ตลอดเดือนเมษายน - พฤษภาคม 2568 นี้ โดยร่วมมือกับจังหวัด องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ที่ดำเนินโครงการ Thailand Zero Dropout เคลื่อนขบวนคาราวาน จัดกิจกรรมแนะแนวการศึกษาและเปิดรับสมัครเด็กเยาวชนที่หลุดจากระบบการศึกษาให้กลับมาเรียน โดยเชิญชวนผู้สนใจทุกท่าน พบกันตามวันเวลาและสถานที่ ดังต่อไปนี้ วันที่ 22 เม.ย. 2568 เริ่มต้นกันที่ อบต.หนองสนิท อ.จอมพระ จ.สุรินทร์ วันที่ 24 เม.ย. 2568 พบกันที่ริมรางรถไฟเมืองขอนแก่น วันที่ 28 เม.ย. 2568 ที่เทศบาลตำบลลำปางหลวง อ.เกาะคา จ.ลำปาง วันที่ 30 เม.ย. 2568 พบกัน ณ อบต.ถ้ำเจริญ อ.โซ่พิสัย จ.บึงกาฬ
ทั้งนี้ โครงการดังกล่าว จะทำการเปิดรับสมัครเด็กและเยาวชนที่มีอายุระหว่าง 7-24 ปี จากทั่วประเทศ ที่ไม่สามารถเรียนในโรงเรียนหรือสถานศึกษารูปแบบอื่นได้ ตั้งแต่ช่วงชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มัธยมศึกษาปีที่ 3 และมัธยมศึกษาปีที่ 6 หรือหากจังหวัดและท้องถิ่นใดต้องการทำงานร่วมกัน เพื่อสร้างโอกาสการศึกษาให้กับเด็กๆ ต่อไป สำหรับผู้ที่สนใจ สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดต่อได้ที่ กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา หรือ กสศ. โทร. 02-079 5475 ต่อ 0 หรือ www.eef.or.th และเฟซบุ๊กแฟนเพจ กสศ. กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา