โยธาธิการและผังเมืองแพร่ ยืนยันโครงการก่อสร้างศูนย์ราชการจังหวัดแพร่ คอนกรีตและเหล็กเป็นไปตามหลักวิศวกรรมและมาตรฐานที่กำหนด หลังปรากฏชื่อ “ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10” เป็นคู่สัญญาสร้างตึก พร้อมชี้แจงสาเหตุความล่าช้า ตั้งเป้ามกราคม - กุมภาพันธ์ 2569 แล้วเสร็จ

จากกรณีเพจดัง CSI LA ซึ่งมีผู้ติดตาม 1.3 ล้านคน ได้โพสต์รูปภาพและข้อความ ระบุว่า แฉ: ศูนย์ราชการแพร่ งบ 540 ล้าน ผ่านมา 4 ปี สร้างได้แค่ 19%

CREC10 โผล่อีกแล้ว! คราวนี้มาในชื่อ “กิจการร่วมค้า AKC”
ร่วมมือกับ “บริษัท อัครกร ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด”
สัญญาเริ่มปี 2564 วันนี้ยังไม่ถึงหนึ่งในห้าของงาน
ล่าช้ากว่าแผนถึง 58.79%
ผู้ว่าฯ ต้องลงพื้นที่กดดันเอง
พร้อมสั่งปรับวันละเกือบ 540,000 บาท
แต่งานก็ยัง “ไม่เดิน” เหมือนเดิม
ไม่ใช่ครั้งแรกที่ชื่อ “ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10” หรือ CREC10
โผล่มาในโครงการก่อสร้างรัฐแล้ว “ลากยาว–ลากไม่เสร็จ”
จากตึก สตง. ถล่ม ถึงสนามบินนราธิวาส และวันนี้… “ศูนย์ราชการแพร่”
คำถามคือ… ใครอนุมัติให้บริษัทนี้รับงานซ้ำแล้วซ้ำเล่า?
แล้วมาตรฐานการตรวจสอบวัสดุ วางระบบเหล็ก ใช้อะไรอ้างอิง?
หรือเราต้องรอให้ “ตึกถล่มอีกหลัง” ก่อนจะกล้าพูดคำว่า “ตรวจสอบย้อนหลัง”?

...

เกี่ยวกับเรื่องนี้เมื่อวันที่ 3 เมษายน 2568 ที่ จ.แพร่ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสิทธิภัทร ปาละนันทน์ โยธาธิการและผังเมืองจังหวัดแพร่ นำคณะสื่อมวลชนเข้าตรวจสอบโครงการก่อสร้างศูนย์ราชการจังหวัดแพร่ หลังเกิดแผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 28 มีนาคมที่ผ่านมา เพื่อยืนยันมาตรฐานวัสดุก่อสร้าง อาทิ คอนกรีตและเหล็ก ว่าเป็นไปตามหลักวิศวกรรมและมาตรฐานที่กำหนด โดยการตรวจสอบของสำนักงานโยธาธิการจังหวัดระบุว่า วัสดุที่ใช้ทั้งหมดผ่านเกณฑ์มาตรฐาน และไม่มีความน่ากังวลด้านคุณภาพ รวมถึงไม่พบรอยร้าวหรือความเสียหายใดๆ ต่อโครงสร้างอาคาร

สำหรับโครงการก่อสร้างศูนย์ราชการจังหวัดแพร่ ตั้งอยู่ที่ตำบลน้ำชำ อำเภอเมืองแพร่ ดำเนินการโดยห้างหุ้นส่วนกิจการร่วมค้า AKC ซึ่งประกอบด้วย บริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด และ บริษัท อัครกรณ์ จำกัด ครอบคลุมพื้นที่ 86 ไร่ 2 งาน 17 ตารางวา ประกอบด้วยอาคารศูนย์ราชการ 4 ชั้น, อาคารหอประชุมขนาด 1,000 คน, อาคารโรงอาหาร, อาคารสโมสรและร้านค้า รวมถึงระบบสาธารณูปโภคต่าง ๆ โครงการเริ่มต้นจากการเซ็นสัญญาปลายปี 2563 แต่เกิดความล่าช้าตั้งแต่ต้น เนื่องจากแบบแปลนก่อสร้างไม่ตรงกับสภาพพื้นที่จริง ทำให้ต้องมีการปรับแก้ก่อนเริ่มดำเนินการ

รวมถึงปัญหาโครงสร้างเสาเข็มที่ต้องเปลี่ยนจากเสาเข็มตอก 15 เมตร เป็นเสาเข็มเจาะ 6 เมตร เพื่อให้เหมาะสมกับสภาพดิน

นอกจากนี้ สถานการณ์โควิด-19 ยังส่งผลให้ไซต์งานต้องปิดชั่วคราว ทำให้โครงการต้องขยายเวลาการก่อสร้างออกไป โดยสัญญาเดิมกำหนดให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 15 มีนาคม 2567 แต่เนื่องจากสถานการณ์โควิดและปัญหาด้านโครงสร้าง จึงมีการขยายเวลาการก่อสร้างออกไป โดยมีกำหนดแล้วเสร็จใหม่เป็นวันที่ 19 กันยายน 2568 ขณะที่ความคืบหน้าล่าสุดอยู่ที่ประมาณ 21% ซึ่งล่าช้ากว่าแผนงาน ซึ่งหากล่าช้าเกินกำหนดผู้รับจ้างจะถูกปรับวันละ 540,000 บาท

นายสิทธิภัทร ยืนยันว่าโครงการอยู่ภายใต้การควบคุมของวิศวกรผู้เชี่ยวชาญจากสำนักงานโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดแพร่ ซึ่งทำงานตามหลักวิศวกรรมและระเบียบพัสดุภาครัฐอย่างเคร่งครัด การตรวจสอบวัสดุทั้งหมด เช่น คอนกรีตและเหล็ก ได้รับการทดสอบแล้วว่าผ่านมาตรฐาน นอกจากนี้ หลังเกิดแผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 28 มีนาคมที่ผ่านมา ได้มีการตรวจสอบโครงสร้างและไม่พบความเสียหายใดๆ อย่างไรก็ตามแนวโน้มโครงการและแผนดำเนินการ ปัจจุบันมีแรงงานก่อสร้างประมาณ 100 คน ดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง

...

โดยล่าสุดมีการส่งงานมูลค่า 28 ล้านบาท ซึ่งเป็นสัญญาณว่าผู้รับจ้างยังคงเดินหน้าก่อสร้างตามแผน และตั้งเป้าให้แล้วเสร็จภายในช่วง มกราคม - กุมภาพันธ์ 2569