แม่ฮ่องสอน นายอำเภอขุนยวม พร้อมหน่วยงานเกี่ยวข้อง ลงพื้นที่บ้านแม่สุริน ตรวจสอบหลุมยุบขนาดใหญ่ จากเหตุแผ่นดินไหว ขณะที่ชาวบ้านต่างพากันหวาดกลัว ไม่กล้าเข้าใกล้ ไปให้น้ำแก่ต้นพืชที่ปลูกไว้ในสวน
เมื่อวันที่ 3 เมษายน 2568 ที่ จ.แม่ฮ่องสอน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายณรงค์พัชญ์ นาคทรัพย์ นายอำเภอขุนยวม จ.แม่ฮ่องสอน พร้อมด้วย ดร.น้ำฝน คำพิลัง นักวิชาการชำนาญการ กรมธรณีวิทยา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เดินทางไปสำรวจหลุมยุบ ที่เกิดขึ้นจากเหตุแผ่นดินไหว บริเวณกลางไร่ถั่วเหลืองของราษฎรบ้านแม่สุริน หมู่ 3 ต.ขุนยวม
จากการสำรวจพบเป็นหลุมขนาดใหญ่ 1 หลุม เป็นรูปวงรี ขนาดกว้าง 22 เมตร ยาว 27 เมตร และหลุมย่อยอื่นๆ ในพื้นที่ใกล้เคียงรวมทั้งหมด 6 หลุม สำหรับหลุมขนาดใหญ่ ใต้หลุมมีน้ำขัง ไม่สามารถวัดความลึกก้นหลุมได้ โดยหลุมยุบที่เกิดขึ้นในไร่ถั่วเหลืองกระจายในเนื้อที่ประมาณ 2 งาน ซึ่งมีเจ้าของที่ดินที่ประสบเหตุหลุมยุบในไร่ของตนรวม 3 ราย

หลังการสำรวจ ดร.น้ำฝน คำพิลัง นักวิชาการชำนาญการ กรมธรณีวิทยา กล่าวว่า สาเหตุดินยุบ เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวเป็นหินปูน ซึ่งหินปูนมีลักษณะพิเศษ สามารถละลายน้ำที่เป็นกรดอ่อนๆ ได้ ซึ่งน้ำที่เป็นกรดอ่อนๆ เมื่อไหลลงไปตามพื้นรอยแตกรอยแยกใต้ดิน และไปกัดเซาะหินปูนที่อยู่ด้านล่าง ทำให้ข้างล่างเป็นโพรง และอาจจะมีน้ำเป็นตัวพยุงไว้ แต่เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงของระดับน้ำใต้ดิน ซึ่งอาจจะมาจากสาเหตุของแผ่นดินไหว ก็จะทำให้ระบบน้ำใต้ดินเปลี่ยนแปลง ทำให้ลดระดับลง ตัวโพรงก็จะมีช่องว่าง ตะกอนที่อยู่ด้านบนก็จะทรุดตัวลง ทำให้เกิดหลุมยุบอย่างที่เห็น
...
อย่างไรก็ตามทราบมาว่า ทางอำเภอขุนยวม จะทำหนังสือร้องขอไปยังกรมธรณีวิทยา เพื่อส่งเจ้าหน้าที่นักธรณีวิทยาฟิสิกส์ นำเครื่องมือที่ทันสมัยมาตรวจหาโพรงใต้ดินในพื้นที่ดังกล่าว

ขณะที่นายศรีมูล ฟูเฟื่อง อายุ 63 ราษฎรบ้านแม่สุริน เป็นหนึ่งในผู้ได้รับผลกระทบกับเหตุการณ์แผ่นดินไหวหลุมยุบ กล่าวว่าเหตุการณ์ประหลาดดังกล่าว ส่งผลให้ราษฎรในหมู่บ้านพากันหวาดกลัว เนื่องจากยังคงมีแผ่นดินไหวและดินทรุดอย่างต่อเนื่อง ชาวบ้านส่วนใหญ่ไม่กล้าเข้าใกล้หลุมที่ยุบลงไป โดยตนได้สังเกตหลุมยุบ พบว่าน้ำก้นหลุมยังมีการกระเพื่อมเป็นระยะ และมีรอยแตกของดินขอบหลุมขยายออกไปเรื่อยๆ ซึ่งตอนนี้ราษฎรเจ้าของสวนถั่วเหลืองทุกคน ไม่กล้าที่จะให้น้ำแก่ต้นพืชที่ปลูกไว้เนื่องจากเกรงว่าน้ำที่เพิ่มลงไปจะทำให้หลุมขยายใหญ่มากกว่าเดิม ซึ่งหากไม่ได้ให้น้ำแก่ถั่วเหลือง ซึ่งใกล้จะถึงเวลาเก็บเกี่ยวในปลายเดือนนี้ ก็ต้องตายลง ส่งผลกระทบต่อเกษตรกรโดยตรง