เชียงใหม่ – วันที่ 27 มี.ค. 2568 เจ้าหน้าที่สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 1 (เชียงใหม่) สำนักจัดการที่ดินป่าไม้ กรมป่าไม้ร่วมกับฝ่ายปกครองอำเภอดอยสะเก็ด และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ดอยสะเก็ด ลงพื้นที่ตรวจสอบที่ดินในพื้นที่ดำเนินการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนในเขตป่าสงวนแห่งชาติ อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าขุนแม่กวง ถูกโพสต์ประกาศขายผ่านโซเชียล โดยระบุว่าอยู่ใกล้ศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยฮ่องไคร้และน้ำพุร้อนดอยสะเก็ด ซึ่งมีผู้รับซื้อและปิดการขายเรียบร้อยแล้ว
นายสุรชัย อจลบุญ อธิบดีกรมป่าไม้ กล่าวว่า กรมป่าไม้กำลังเร่งตรวจสอบที่ดินทำกินที่ทางรัฐบาลได้มอบให้กับผู้ยากไร้ตามโครงการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) ซึ่งในขณะนี้พบว่ามีการนำพื้นที่ดังกล่าวประกาศขายผ่านสื่อโซเชียล โดยเบื้องต้นได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 1 (เชียงใหม่) สำนักจัดการที่ดินป่าไม้ กรมป่าไม้ ร่วมกับฝ่ายปกครองอำเภอดอยสะเก็ด และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ดอยสะเก็ด ลงพื้นที่ตรวจสอบ โดยผลการตรวจสอบพบว่าที่ดินดังกล่าวตั้งอยู่ในพื้นที่หมู่ 4 บ้านโป่งกุ่ม ตำบลป่าเมี่ยง อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าขุนแม่กวง ตามกฎกระทรวง ฉบับที่ 455 (พ.ศ. 2515) ออกตามพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวมีการล้อมรั้วลวดหนาม ภายในมีการก่อสร้างบ้านพัก ศาลาที่พัก และโรงเก็บของ นอกจากนี้ ได้เปรียบเทียบภาพถ่ายที่โพสต์ประกาศขายผ่านสื่อโซเชียลปรากฏว่าตรงกับสภาพพื้นที่จริงที่เข้าตรวจสอบ จากการตรวจสอบข้อมูลพื้นที่ดังกล่าวอยู่ในขอบเขตของโครงการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชน (คทช.) มีข้อกำหนดชัดเจนว่าที่ดินที่ได้รับการจัดสรรนั้นสามารถตกทอดเป็นมรดกแก่ทายาทแต่ห้ามซื้อขายหรือเปลี่ยนมือ หากมีการซื้อขายถือเป็นการกระทำผิดกฎหมายว่าด้วยการป่าไม้ ซึ่งเข้าข่ายความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 54 และ 55 รวมถึงพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 มาตรา 14 ประกอบมาตรา 31 ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันตรวจยึดดำเนินคดีตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป
อธิบดีกรมป่าไม้ เปิดเผยว่า กรมป่าไม้ดำเนินการตรวจสอบและบังคับใช้กฎหมายตามนโยบายของ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อป้องกันการซื้อขายเปลี่ยนมือที่ดินป่าสงวนแห่งชาติโดยผิดกฎหมาย และเพื่อให้พื้นที่ดังกล่าวเกิดประโยชน์สามารถแก้ไขปัญหาให้กับราษฎรผู้ยากไร้ที่ทำกินอยู่เดิมอย่างแท้จริง สามารถตกทอดให้กับรุ่นลูกรุ่นหลานมีความมั่นคงในชีวิต ไม่ตกไปอยู่ในมือของนายทุนหรือผู้ที่ไม่มีสิทธิ์และไม่มีคุณสมบัติครอบครองตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2561 โดยเฉพาะในพื้นที่ที่อยู่ระหว่างการสำรวจและพื้นที่ที่ได้รับอนุญาตให้จัดที่ดินทำกินให้ชุมชนแล้ว ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่กรมป่าไม้จะเดินหน้าตรวจสอบและดำเนินการตามกฎหมายอย่างเข้มงวด เพื่อปกป้องทรัพยากรป่าไม้และรักษาสิทธิ์ของประชาชนผู้ได้รับการจัดสรรที่ดินอย่างถูกต้องต่อไป
“กรมป่าไม้ขอเตือนประชาชนที่ได้รับสิทธิ์ในที่ดิน คทช. ขอให้ปฏิบัติตามเงื่อนไขการใช้ประโยชน์ตามกฎหมาย ห้ามขายหรือเปลี่ยนมือโดยเด็ดขาด มิฉะนั้นจะถูกตัดสิทธิ์และถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย นอกจากนี้ ขอให้ประชาชนระมัดระวังการซื้อที่ดินที่อ้างว่าเป็น คทช., ภบท.5 หรืออยู่ระหว่างการรับรองสิทธิ์ เพราะที่ดินเหล่านี้ไม่สามารถซื้อขายได้ หากฝ่าฝืนจะเสียเงินเปล่าและต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายอีกด้วย” นายสุรชัยกล่าว