เดือดร้อนหนักมาก ชาวบ้านผวา "นกปากห่าง" นับหมื่นตัว บุกยึดวัดป่ามัชฉิมวงศ์รัตนาราม จ.อุดรธานี ทำพระทิ้งกุฏิเพราะกลัวติดโรคระบาด วอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าช่วยเหลือ
เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2568 ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่ วัดป่ามัชฉิมวงศ์รัตนาราม บ้านเหล่าใหญ่ ต.แชแล อ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี หลังจากได้รับการร้องทุกข์ว่ามี นกปากห่าง จำนวนหลายหมื่นตัว บุกเข้ามาอาศัยอยู่บนต้นไม้ใหญ่ในวัด ทำรังออกลูกขยายพันธุ์ ส่งเสียงดังรบกวนพระเณรและผู้มาปฏิบัติธรรมในวัด จนต้องทิ้งกุฏิหนีไปจำพรรษาที่วัดอื่น ที่สำคัญมูลนกหรือขี้นกที่ขับถ่ายออกมาทำให้ต้นไม้ยืนต้นตาย อีกทั้งชาวบ้านไม่กล้ามาวัดเพราะเกรงจะติดโรค แม้ว่ามัคนายกวัดจะขับไล่นกหลายวิธีแต่ไม่เป็นผลสำเร็จ เคยทำหนังสือถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แต่ก็ทำได้เพียงมาฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อโรคปีละครั้งเท่านั้น
ขณะที่ นายกิตติศักดิ์ กิตติราช อายุ 62 ปี, นายสุพงษ์ บุษดี อายุ 66 ปี และนายสาธร ถำวาปี อายุ 72 ปี มัคนายกวัดป่ามัชฉิมวงศ์รัตนาราม พาเดินดูต้นไม้ใหญ่ภายในวัด ซึ่งมีเนื้อที่ประมาณ 70 ไร่ ซึ่งจะมีต้นไม้ใหญ่ ต้นยางนา ต้นสัก ต้นมะค่า และต้นพะยูง พบว่านกปากห่างมีการทำรังไว้บนกิ่งไม้สูงๆ ต้นไม้มีขี้นกที่ขับถ่ายออกมาติดตามใบไม้และกิ่งไม้จนเป็นสีขาว ทำให้ไม่สามารถสังเคราะห์แสงได้ และต้นไม้จะยืนต้นตาย ที่พื้นดินก็มีแต่ขี้นกขาวเต็มพื้น ซึ่งบริเวณด้านหน้าวัดจะเป็นที่โล่ง เพราะต้นไม้ใหญ่ยืนต้นตาย เจ้าอาวาสและกรรมการวัด จึงได้ตัดต้นไม้ออกและปลูกต้นไม้อื่นทดแทน และแม้แต่ศาลาก็ต้องติดมุ้งลวดกันนกเอาไว้
...
นายกิตติศักดิ์ เล่าว่า วัดป่ามัชฉิมวงศ์รัตนาราม ตั้งอยู่ห่างจากหนองหานกุมภวาปี หรือทะเลบัวแดงประมาณ 2-3 กม. ซึ่งเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำจะมีนกนานาชนิดมาอาศัยอยู่ รวมทั้งนกกระสาปากห่างด้วย เริ่มต้นจาก 10 ปีก่อน ช่วงค่ำจะมีนกกระสาปากห่างซึ่งหากินที่ทะเลบัวแดง บินมาเกาะนอนที่ต้นไม้ใหญ่ในวัด ตอนเช้าก็จะบินไปหากินมีจำนวนไม่มาก เจ้าอาวาสและชาวบ้านก็ไม่รู้สึกอะไร เพราะจะอยู่ห่างจากโบสถ์ ศาลา และกุฏิ
แต่ปรากฏว่านกจะเพิ่มขึ้นทุกปีและจะเข้ามาใกล้ศาสนสถาน ทำรังบนต้นไม้ใหญ่เพื่อออกลูกขยายพันธุ์ ตอนกลางวันออกไปหากิน กลางคืนก็จะมาเกาะนอนตามกิ่งไม้ ส่งเสียงร้องดังมาก ลูกนกก็จะส่งเสียงร้องเวลาหิว ที่สำคัญคือขี้นกจำนวนมากนั้นจะมีกลิ่นเหม็นมาก แถมเป็นอันตรายต่อต้นไม้ เพราะเมื่อใบไม้มีขี้นกไม่สามารถสังเคราะห์แสงได้ ต้นไม้ก็จะตาย
ครั้งแรกจะจุดประทัดไล่ ซึ่งนกตกใจก็จะบินหนีไป แต่ไม่นานก็บินกลับมาอีก และขยายพันธุ์เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทุกปี คราวนี้จุดประทัดไล่ก็ไม่หนี เวลาพระเณรกวาดใบไม้ ก็จะนำมากองรวมกันแล้วจุดไฟเผาเพื่อไล่นก แต่ก็ไม่เป็นผล ทำให้พระต้องทิ้งกุฏิหนีไปจำพรรษาที่วัดอื่น เคยทำหนังสือร้องเรียนไปที่นายอำเภอ ซึ่งได้ส่งต่อไปที่จังหวัดให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาแก้ไข ปศุสัตว์ก็มาฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อโรค 2 ครั้ง
ส่วน สนง.อนุรักษ์ฯ จะออกมาสำรวจประเภทและจำนวนนก พบว่ามีรังนก 4,000-5,000 รัง มีนกประมาณ 20,000 กว่าตัว แต่ก็ไม่สามารถขับไล่นกออกจากวัดได้ ล่าสุดได้ทำหนังสือขอความช่วยเหลือถึง สส.ในเขตพื้นที่ ก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหว ชาวบ้านและพระไม่สามารถทำลายนกได้ เพราะนกกระสาปากห่างเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง อีกทั้งวัดเป็นเขตอภัยทาน ตอนนี้นกก็เริ่มรุกล้ำเข้ามาในโบสถ์ ฌาปนกิจสถาน ศาลาแล้ว
สำหรับสิ่งที่กลัวมากก็คือโรคไข้หวัดนก เวลาพระหรือโยมมาจำพรรษาจำศีลอยู่ที่วัดก็จะมีกลิ่นเหม็นของขี้นก และนกส่งเสียงดัง กลัวโรคภัยเพราะเวลาชาวบ้านนำอาหารมาถวายพระ ขนนกก็จะปลิวไปตามลม เวลาฝนตกกลิ่นเหม็นของขี้นกก็จะรุนแรง เมื่อก่อนก็ไม่เดือดร้อนมาก เพราะรอบนอกจะมีต้นไม้ แต่พอต้นไม้ตายนกก็จะขยับเข้ามาในวัด จุดประทัดไล่ก็ไม่หนี เพราะนกไม่มีต้นไม้อยู่ ต้นไม้ใหญ่ก็จะอยู่ใกล้กับกุฏิ ศาลา และโบสถ์ จะทำอย่างไรก็ได้ ขอให้นกหนีเพราะนกอยู่แล้วเดือดร้อน ทั้งเสียง ทั้งกลิ่น และโรคภัย
ทางด้าน พระครูวิมล ปัญโญภาส อายุ 51 ปี เจ้าอาวาสวัดป่ามัชฉิมวงศ์รัตนาราม เล่าถึงความเดือดร้อนว่า ตอนนี้มีพระจำพรรษาอยู่ที่วัด 2 รูป เมื่อก่อนก็มีนกไม่มาก มีนกเล็กๆ มาอาศัยอยู่บนต้นไม้ ไม่มีนกปากห่าง แต่ระยะหลังมีนกปากห่างจำนวนมาก เมื่อถึงฤดูฝนหรือเข้าพรรษา นกปากห่างก็จะมาทำรังฟักไข่ขยายพันธุ์ พระก็จะอยู่กุฏิไม่ได้ เพราะนกส่งเสียงดัง ขี้ใส่หลังคากุฏิ เหม็นขี้นกรุนแรง ถ้าใครสุขภาพไม่ดีถึงกับเป็นลมไปเลย
...
ส่วนหน้าแล้งและหน้าร้อนก็ดีขึ้น ที่สำคัญขี้นกทำให้ต้นไม้ใหญ่ ต้นไม้เก่าแก่มีอายุมากยืนต้นตายไปเรื่อยๆ ใกล้จะหมดวัดแล้ว ทำหนังสือถึงหน่วยงานราชการ ก็มีเพียงมาฉีดยาฆ่าเชื้อโรคให้ ตอนนี้ยังไม่มีคนป่วย แต่ต่อไปก็คงจะเป็นพระที่จะป่วย ชาวบ้านที่มีบ้านอยู่ใกล้วัดก็แทบจะอยู่ไม่ได้ จึงอยากให้หน่วยงานที่รับผิดชอบ มาไล่นกออกไปจากวัดให้ด้วย เพราะชาวบ้านแทบจะไม่มาถวายอาหารพระ เพราะเหม็นขี้นกมาก.