กรมอุตุนิยมวิทยา แถลงข่าวเตือนอากาศแปรปรวน "อากาศเย็นหลงฤดู" ช่วงวันที่ 16-20 มี.ค. 68 ภาคอีสานอุณหภูมิจะลดลง 5-8 องศาฯ
วันที่ 18 มีนาคม 2568 นายนัฐวุฒิ แดนดี รองอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยาฝ่ายวิชาการ และโฆษกกรมอุตุนิยมวิทยา ได้แถลงข่าวเตือนอากาศแปรปรวน "อากาศเย็นหลงฤดู" ช่วงวันที่ 16-20 มี.ค. 68 โดยเผยว่า ตามที่กรมฯ ได้ประกาศเข้าสู่ฤดูร้อนมาสักระยะหนึ่งเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา กรมฯ ก็มีประกาศเรื่องพายุฤดูร้อนที่จะเกิดขึ้น ซึ่ง กทม. ก็มีฝนตกมาสักระยะหนึ่งเมื่อ 1-2 วัน แต่ในสัปดาห์ถัดไปก็ยังมีปัจจัยที่ทำให้เกิดมวลอากาศเย็นจากประเทศจีนค่อนข้างแรง ที่จะลงมาสู่ประเทศไทย ด้วยปัจจัยบวกหลายๆ ส่วน ก็จะทำให้อากาศมีการเปลี่ยนแปลง แปรปรวนที่รุนแรง อุณหภูมิจะลดลงค่อนข้างมากกว่าปกติ
เนื่องจากปัจจัยเสริมที่ทำให้มวลอากาศเย็นลงมาได้ดีขึ้น เกิดจากตัวโพลาร์เจ็ตสตรีม ตัวบล็อกอากาศเย็นที่อยู่ในขั้วโลกเกิดการอ่อนตัว เลยทำให้มวลอากาศเย็นสามารถทะลุลงมาได้ในละติจูดที่ต่ำๆ ได้มากขึ้น ประกอบกับประเทศไทยกำลังเปลี่ยนผ่านจากลานีญ่าไปสู่สภาวะที่เป็นนอมอล ก็เป็นส่วนเสริมกันที่ทำให้มวลอากาศเย็นลงมาได้ดีขึ้น ปัจจัยนี้ก็จะทำให้เกิดอากาศแปรปรวนในประเทศไทยตอนบน มีฝนตกบริเวณภาคใต้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งฝั่งตะวันออก คลื่นลมแรงบริเวณอ่าวไทยตอนล่าง โดยจะมีผลกระทบช่วงวันที่ 16-20 มีนาคม
จังหวัดที่จะได้รับผลกระทบในอันดับแรกๆ ก็จะเป็นภาคอีสานตอนตะวันออก จะมีพายุฤดูร้อน พายุฝนตกหนัก ลูกเห็บได้ในบางพื้นที่ ในช่วงวันแรกที่มวลอากาศเย็นระลอกใหม่เคลื่อนลงมา อยู่ในวันที่ 16-17 หลังจากนั้นมวลอากาศเย็นก็จะขยับพื้นที่เข้ามาในประเทศไทยมากขึ้น
อุณหภูมิก็จะเปลี่ยนแปลง ลดลงอย่างรวดเร็วในช่วงวันแรก โดยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ก็จะมีอุณหภูมิลดลงได้มาก 5-8 องศาเซลเซียส ส่วนภาคอื่นๆ ก็จะลดลงประมาณ 2-4 องศาเซลเซียส ในวันถัดมา จนกว่าจะหมดตัวเอฟเฟกต์ในวันที่ 20
...
ส่วนสิ่งที่ประชาชนควรระมัดระวังในช่วงนี้ก็คือพายุฤดูร้อนที่อาจจะเกิดขึ้น โอกาสที่จะเกิดฟ้าผ่า ขอให้หลีกเลี่ยงในพื้นที่โล่งแจ้ง ต้นไม้ใหญ่ มีลมแรง ซึ่งจะมีลักษณะคล้ายพายุฤดูร้อน แต่ปัจจัยครั้งนี้จะเกิดได้เร็วกว่า ฝนจะเกิดน้อยวันกว่า แต่อุณหภูมิจะลดลงมากกว่า ซึ่งจะมีผลตามมาในปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงนี้
เรื่องของสุขภาพร่างกาย ที่ผ่านมาเราเริ่มคุ้นชินกับสภาพอากาศร้อน 39-40 องศา อยู่ๆ อากาศเปลี่ยนแปลงลดฮวบภายในวันเดียว 7-8 องศา ผู้ที่มีร่างกายไม่แข็งแรงอาจจะเจ็บป่วยได้ง่าย สำหรับภาคใต้ให้ระมัดระวังฝนที่จะมีมากขึ้น วันที่ 18-20 มีนาคม มีฝนตกมากในบางพื้นที่ อ่าวไทยจะมีคลื่นลมแรง คลื่นสูงประมาณ 2-3 เมตร หรืออาจคลื่นสูง 3-4 เมตรได้ในฝั่งที่กล่าวมา เรือเล็กควรงดออกจากฝั่งในช่วงเวลานี้ด้วย
อย่างไรก็ตาม โฆษกกรมอุตุนิยมวิทยากล่าวว่า นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ประเทศไทยได้สัมผัสอากาศเย็นในช่วงเดือนมีนาคม-เมษายน แต่เคยเกิดขึ้นแล้วในช่วงปี 2554 ปี 2559 และปี 2565 สถิติจากศูนย์ภูมิอากาศ กองพัฒนาอุตุนิยมวิทยา กรมอุตุนิยมวิทยา ระบุสภาวะอากาศประเทศไทยเดือนมีนาคม 2554 อุณหภูมิต่ำที่สุดวัดได้ 12 °ซ. ที่อำเภอทุ่งช้าง จังหวัดน่าน เมื่อวันที่ 17 และ 18 มีนาคม 2554 ขณะที่ในพื้นที่กรุงเทพมหานครมีอุณหภูมิต่ำสุดเมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2554 อยู่ที่ 18 °ซ.
ต่อมาในเดือนเมษายน 2554 ไทยได้รับอิทธิพลความกดอากาศสูงจากจีนแผ่ลงมาปะทะกับมวลอากาศร้อนที่ปกคลุมประเทศไทยตอนบนเป็นระยะทำให้อุณหภูมิลดลง โดยเฉพาะช่วงปลายเดือน อุณหภูมิเฉลี่ยต่ำสุดอยู่ที่ 16 °ซ. เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2554 ที่อำเภอเมือง จังหวัดเลย ถัดมาในปี 2559 แม้ไทยจะได้รับอิทธิพลของหย่อมความกดอากาศต่ำเนื่องจากความร้อนที่ปกคลุมประเทศไทยตอนบนต่อเนื่อง แต่ก็ยังพบอุณหภูมิต่ำสุดที่วัดได้ 10.2 °ซ. เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2559 ที่จังหวัดนครพนม โดยหย่อมความกดอากาศต่ำยังคงแผ่อิทธิพลปกคลุมประเทศไทยต่อเนื่องถึงเดือนเมษายน 2559 และในปี 2565 ไทยเจออากาศเย็นในฤดูร้อนอีกครั้ง เมื่อวันที่ 2-3 เมษายน อุณหภูมิต่ำสุดพื้นราบวัดได้ 14.8 °ซ. ที่อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา เมื่อวันที่ 3 เมษายน 2565
ขอบคุณข้อมูลจาก เฟซบุ๊ก กรมอุตุนิยมวิทยา