หลังจากเด็กและเยาวชนไทยทั่วทุกหัวระแหง ติดบุหรี่ไฟฟ้ากันงอมแงม และสุขภาพทรุดโทรม เพราะหาซื้อ “พอต” บุหรี่ไฟฟ้าแบบพกพา และน้ำยาเติมสารพัดกลิ่น ได้อย่างง่ายดาย

ส่งผลให้รัฐบาลดิ้นพล่านแก้ปัญหา เริ่มจาก “น.ส.แพทองธาร ชินวัตร” นายกฯ นั่งหัวโต๊ะประชุม ร่วมกับ “พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์” ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ “น.ส.จิราพร สินธุไพร” รมต.ประจำสำนักนายกฯ เมื่อวันที่ 26 ก.พ.68 เพื่อหามาตรการคุมเข้ม และปราบปราม

โดยสั่งการให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย กรมศุลกากร ฯลฯ ร่วมกันปราบปรามอย่างเด็ดขาด เริ่มต้นจากผู้นำเข้า ผู้ขาย ตั้งเป้าหมายภายใน 30 วัน

และจากนั้น วันที่ 6 มี.ค.68 “น.ส.จิราพร” ประชุมกับ 20 หน่วยงาน และกำหนดแผนปฏิบัติระยะเร่งด่วน สั้น และยาว ประกอบด้วย 3 ยุทธศาสตร์ คือ ปราบปรามโดยบังคับใช้กฎหมาย ป้องกันการแพร่ระบาด และปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้อง พร้อมเสนอตั้ง “คณะกรรมการบริหารจัดการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของบุหรี่ไฟฟ้า” เพื่อหวังกวาดล้างให้สิ้นซากตามข้อสั่งการ “นายกฯอิ๊งค์”

สำหรับ “บุหรี่ไฟฟ้า” ในไทย ถือเป็น “ผลิตภัณฑ์ยาสูบ” ตามมาตรา 4 พ.ร.บ.ผลิตภัณฑ์ยาสูบ พ.ศ.2560 และเป็นสิ่งผิดกฎหมายหลายฉบับ เช่น ผู้ขายหรือผู้ให้บริการบุหรี่ไฟฟ้า บารากุ ผิดกฎหมายของ สคบ. ที่ห้ามขายหรือให้บริการสินค้านี้

ส่วนผู้นำเข้า ผิด พ.ร.บ.การส่งออกไปนอกและการนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งสินค้า พ.ศ.2522 และที่แก้ไขเพิ่มเติมของกระทรวงพาณิชย์ หรือผู้ครอบครองหรือรับไว้ ผิด พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ.2560

...

แต่กลับเห็นวางขายเกลื่อนและอย่างเปิดเผย โดยเฉพาะทางออนไลน์ ที่ขายอยู่ในหลายเว็บไซต์ และในโซเชียลมีเดีย พร้อมโฆษณาสรรพคุณ เช่น คุณภาพดี ราคาเริ่มต้นเพียง 100 บาท แม้ที่ผ่านมาหน่วยงานต่างๆได้ตรวจสอบคุมเข้มที่ด่านนำเข้า เว็บไซต์ขายของออนไลน์ โรงเรียน สถานบันเทิง ฯลฯ

อย่างกระทวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้ปิดกั้นแพลตฟอร์มออนไลน์ที่ลักลอบขายแล้วกว่า 9,000 แพลตฟอร์ม พร้อมขอให้แพลตฟอร์มปิดกั้น Keyword ค้นหาบุหรี่ไฟฟ้า และทำบัญชีรายชื่อผู้ใช้บริการแพลตฟอร์ม หากพบขายบุหรี่ไฟฟ้า และอุปกรณ์ ต้องปิดกั้นทันที

กรมศุลกากร ช่วงเดือน ต.ค.67-ม.ค.68 เฉพาะบุหรี่ไฟฟ้า จับกุมได้ 234 คดี เกือบ 29 ล้านบาท ส่วน สตช. 24 ก.พ.-4 มี.ค.68 ดำเนินคดี 666 คดี ยึดของกลาง 454,958 ชิ้น เฉียด 42 ล้านบาท เป็นต้น

แต่เด็ก เยาวชน ก็ยังหาซื้อได้ง่ายมาก ชี้ให้เห็นว่า หน่วยงานต่างๆยังไม่จริงจังกับการปราบปราม อาจจะมาจาก “หลายสาเหตุ” และไม่เชื่อว่าจะกวาดล้างได้หมด เพราะอย่างที่คนไทยรู้ๆกัน อะไรที่ทำให้ของเถื่อน ของผิดกฎหมาย รวมถึงธุรกิจผิดกฎหมาย ธุรกิจสีเทา ไม่เคยหมดไปจากประเทศ

แต่อยากให้ยกเว้นสำหรับบุหรี่ไฟฟ้า ที่อยากให้ทุกหน่วยงานกำจัดให้สิ้นซากจริงๆ เพราะเด็กและเยาวชนไทย ติดกันหนักมากโดยที่อาจจะไม่รู้ถึงมหันตภัยร้ายแรงของมัน!!

ฟันนี่เอส

คลิกอ่านคอลัมน์ “กระจก 8 หน้า” เพิ่มเติม