เปิดไอเดียรักษ์สิ่งแวดล้อม "หางประทัดแก้บน" จากความสำเร็จนับพันล้านของผู้ศรัทธา "ไอ้ไข่" วัดเจดีย์ ถูกทิ้งไร้ประโยชน์นำมาสานเป็น "กระเป๋า" สร้างรายได้ หวังยกระดับเศรษฐกิจชุมชนท้องถิ่น อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช
วันที่ 12 มีนาคม 2568 ที่วิสาหกิจชุมชนคนรักสิ่งแวดล้อม บ้านเขาทราย ต.เปลี่ยน อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ ได้นำโครงการวิจัยการจัดการทุนทางวัฒนธรรมฐานความเชื่อโดยรอบสันทรายโบราณเพื่อยกระดับเศรษฐกิจชุมชนท้องถิ่นในพื้นที่ อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช เข้าร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
วัดเจดีย์ หรือที่รู้จักในชื่อ วัดไอ้ไข่ นำเอาวัสดุที่แต่เดิมเป็นปัญหาสิ่งแวดล้อม ที่มาจากการแก้บนจากความสำเร็จของผู้คนที่มีความศรัทธาต่อ “ไอ้ไข่วัดเจดีย์” เมื่อมีความสำเร็จตามการบนบานแล้วได้หลั่งไหลมา ประกอบพิธีแก้บนด้วยการจุดประทัด สิ่งที่เหลือจากการจุดประทัดคือหางประทัดกลายเป็นเครื่องหมายแห่งความสำเร็จที่ถูกทิ้งกลายเป็นขยะจำนวนมากเป็นภาระการจัดการของวัด
แต่ล่าสุดปัญหานี้กำลังจบลง เนื่องจากหางประทัดจำนวนมากที่มาจากความสำเร็จของผู้คนที่มีความศรัทธา บางคนแก้บนมูลค่าหลายล้านบาท เช่น ความสำเร็จทางธุรกิจ การซื้อขายที่ดิน โชคลาภ ถูกนำมาเป็น “กระเป๋าสมัยใหม่” จากฝีมือชาวบ้านสมาชิกในชุมชนร่วมกันผลิตออกมาได้อย่างสวยงาม แปลกใหม่ไม่เหมือนที่ไหน
...
คุณสุพรรณา แก้วเถื่อน ประธานวิสาหกิจชุมชนคนรักสิ่งแวดล้อมบ้านเขาทราย ระบุว่า แต่เดิมชาวบ้านกังวลว่าการไปนำเอาหางประทัดเหล่านี้หรือสิ่งที่ของเหลือใช้ในวัดออกมานอกวัด ไอ้ไข่จะหวง แต่มีผู้นำท้องถิ่นและวัดเจดีย์ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ได้นำองค์ความรู้วิธีคิดใหม่ๆ การสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ออกมาเป็นกระเป๋าจากหางประทัดจึงเป็นสิ่งที่น่าตื่นตาตื่นใจ สร้างคุณค่า สร้างความหมายจากที่มาได้อย่างน่าทึ่งและเป็นสิ่งที่ทุกคนอยากได้ไปครอบครอง
“กระเป๋า 1 ใบ ใช้หางประทัด 999 ชิ้น แต่ละชิ้นมีความสำเร็จมาแล้วทั้งหมด หากไม่สำเร็จไม่มีใครมาแก้บนแน่ หากตีเป็นมูลค่าต่อชิ้น มีความสำเร็จในระดับหลักล้าน 999 ชิ้นมากกว่าพันล้านแน่ หรืออาจหลายพันล้าน หรือเป็นหมื่นล้านก็เป็นได้ ความหมายจากความสำเร็จเหล่านั้นมาเป็นกระเป๋าให้ทุกคนที่ครอบครองมีกำลังใจ”
ขณะที่ รองศาสตราจารย์ปรัชญา กฤษณะพันธ์ อาจารย์ประจำสำนักวิชาสถาปัตยกรรมศาสตร์และการออกแบบ สาขาการออกแบบภายใน ม.วลัยลักษณ์ ระบุว่าการวิจัยการจัดการทุนทางวัฒนธรรม ได้รับการอุดหนุนจากหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) เพื่อนำไปสู่การสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจของชุมชนผ่านความเชื่อ ความศรัทธา วัฒนธรรมของท้องถิ่น หางประทัดที่อยู่ในวัดแต่เดิมถูกทิ้ง เราจึงนำความสำเร็จของผู้คนมาสร้างมูลค่าเพิ่ม เราจึงเข้าทำงานกับชุมชน แต่เดิมมีการใช้พลาสติกเราจึงเสนอให้มีการปรับเปลี่ยนจึงกลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่น่าสนใจ
“สิ่งแรกคือทำให้เห็นภาพให้เกิดขึ้นจริงการสร้างกระเป๋าไม่ได้มีมูลค่าอะไรจากหางประทัด หางประทัดที่ถูกจุดแล้วอาจมีค่าแค่กิโลกรัมละ 10 บาท แต่เมื่อมาสร้างเป็นมูลค่าตามความหมายแต่เดิมคือความสำเร็จแต่ละชิ้นมารวมกันเป็นพันล้านหมื่นล้าน หลายร้อยชิ้นมารวมเป็นกระเป๋า 1 ใบ ความหมายเหล่านั้นจึงเป็นส่วนส่งเสริมมูลค่าเดิมให้เพิ่มขึ้นเป็นเท่าทวี แต่มีราคาซื้อขายจากฝีมือชาวบ้านแค่หลักพันบาท” ทีมนักวิจัยรายนี้กล่าว.