ภารกิจ “SEE TRUE” ทีมข่าว สืบสวนสอบสวน “ไทยรัฐทีวี 32” พา “เหยื่อคอลเซ็นเตอร์” ชี้จุด-เจาะเบื้องหลัง...“เมืองบาปริมเมย” เปิดโปงขบวนการค้ามนุษย์รายใหญ่ ทารุณกรรม “ทั้งทุบตี-ช็อตไฟฟ้า” อย่างน่าสลดหดหู่ใจ
ทั้งยังสะท้อนภาพความไม่ระส่ำด้วยว่า “ทุนจีนเทา” ขยายอาณาจักรใหม่ “ไท่ฉาง 2” อำมหิตขั้นกว่า ขณะที่ รังสิมันต์ โรม ออกมาเปิดประเด็นสะท้อนม่านหมอก “ไทยเทา” มีเอี่ยว ตัดไม่จบวงจรสแกมเมอร์ ...“กลลวงค้ามนุษย์ ตบค่าตอบแทนสูงลิ่ว”
วิธีการหลอกลวงให้ผู้คนหลั่งไหลเข้ามาทำงานนี้ สามารถเจอได้ตามกลุ่มหางาน โดยอ้างประเทศไทยเป็นสำนักงานมีสวัสดิการชั้นเลิศ ล่อเหยื่อด้วยเงินเดือนถึง 1,200 ดอลลาร์สหรัฐฯ
ลักษณะงานส่วนใหญ่เป็นงานออนไลน์-บัญชี-การตลาด
นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มเป้าหมายเป็นชาวต่างชาติที่พูดภาษาอังกฤษได้ โดยพบว่าชาวแอฟริกันเป็นชาติที่ถูกหลอกลวงมากที่สุด รองลงมาเป็นชาวเอธิโอเปีย เมื่อเหยื่อเดินทางถึงเมืองไทยจะถูกขายต่อกันเป็นทอดๆผ่านนายหน้า โดยตีเป็นเงินไทยสูงถึง 269,000 บาท
“เสียงจากเหยื่อเมียวดีคุกแห่งที่สอง” “อารยัน” ชายหนุ่มชาวบังกลาเทศ วัย 24 ปี คือเหยื่อคอลเซ็นเตอร์ที่เคยถูกหลอกลวงให้มาทำงานในไทย หวังมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ก่อนตัดสินใจว่ายน้ำข้ามเมยหนีตายจากเมืองนรกช่องแคบ หรือ “ไท่ฉาง” จังหวัดเมียวดี ประเทศเมียนมา
วันนี้เขากลับมาแผ่นดินไทยอีกครั้ง เพื่อเล่ากระบวนการค้ามนุษย์และช่วยเหลือเพื่อนชาวบังกลาเทศอีก 12 คนที่ยังติดอยู่ในเมืองสแกมเมอร์ ภายใต้การควบคุมของบอสจีน และทหารกะเหรี่ยง D.K.B.A
อารยัน บอกว่า เส้นทางจากสุวรรณภูมิไปยังแม่สอดมีรถมารับเขาและเพื่อนๆที่สนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อถึงอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก มีการเปลี่ยนรถที่โรงแรมแห่งหนึ่งในตัวเมืองแม่สอด และออกเดินทางต่อตามถนนตัดภูเขาและเปลี่ยนรถอีกคันหนึ่ง
...

“กระทั่งถึงหมู่บ้านช่องแคบ รถพาเขาขับเข้าไปในซอยใกล้คลินิคมาลาเรีย จากนั้นนั่งเรือต่อเพื่อข้ามฝั่งไปยังชายแดนเมียนมา”
“รู้จักคุกไหม ที่นี่คือคุกแห่งที่สอง” คำทักทายแรกจากเพื่อนต่างสัญชาติ หลังอารยันเดินทางถึงสำนักงานที่ตั้งอยู่ฝั่งเมียนมา ตอนนั้นเขารู้ได้ทันทีว่าถูกหลอกให้มาทำงาน “สแกมเมอร์–หลอกลวงออนไลน์” ด้วยสัญญาทาสที่ต่างจากคำโฆษณาชวนเชื่อก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิง
กติกาสำคัญคือ “กฎเหล็ก”...กฎเหล็กของที่นี่ คือ “ห้ามขัดใจบอสจีน หากไม่อยากถูกช็อตไฟฟ้าเป็นอาหาร”
เหยื่อค้ามนุษย์ถูกบังคับให้ทำงาน 16–18 ชั่วโมงต่อวันไม่มีเงินเดือนให้ ไม่มีอาหารหรือน้ำดื่ม หากทำงานไม่ได้ตามเป้าหมาย ก็จะถูกทำร้ายทารุณ ทั้งทุบตี ช็อตไฟฟ้านาน 5–10 นาที
นอกจากนี้ยังถูกขังในห้องมืด อดน้ำ อดอาหาร เป็นเวลา 24-48 ชั่วโมง ไม่สนว่าเป็นชาย เป็นหญิงหรือแม้กระทั่งคนท้อง
ที่นี่มีสถานที่ลงโทษและทำร้ายทารุณโดยเฉพาะ ซึ่งถูกล้อมไปด้วยรังคอลเซ็นเตอร์ออฟฟิศที่ใช้ทำงานหลอกลวงคน
สถานการณ์สำคัญที่น่าจับตาในวันนี้คือความ “ไม่ระส่ำ จีนเทาขยายเมืองใหม่” หลังจาก“ไท่ฉาง 1” กำลังถูกจับตาโดยทั่วโลก
ทีม SEE TRUE “ไทยรัฐทีวี 32” ระบุว่า แก๊งจีนเทาทั้งหลายมองหาพื้นที่ใหม่เพื่อขยายอาณาจักรคอลเซ็นเตอร์ บริเวณฝั่งตรงข้ามบ้านวาเลย์ อ.พบพระ จ.ตาก ห่างจากจุดเดิม ราว 10 กิโลเมตร
เรียกว่า “เมืองไท่ฉาง 2”
ซ่อนตัวอยู่ในหุบเขาริมแม่น้ำเมย ภายใต้อิทธิพลของ พล.จ.ไซ จ่อ ละ ที่นี่กำลังอยู่ในช่วงก่อสร้างเมือง มีทั้งความอำมหิตและอันตรายกว่าที่เดิมหลายเท่า เพราะเป็นพื้นที่ห่างไกลและยังไม่เป็นที่รู้จัก
รวมถึงเพิ่มความเข้มงวดในการรักษาความปลอดภัย เหยื่อแต่ละคนถูกล้อมไปด้วยทหารและอาวุธปืน ถูกยึดโทรศัพท์ และถูกทำร้ายทารุณ แม้ต้องเผชิญนโยบายตัดไฟของทางการไทย
ซ้ำร้ายกับการมาไทยอีกครั้งของ “หลิว จงอี้” ตัวแทนจากจีน ทำให้ได้เห็นการดิ้นรนเอาตัวรอดของเหล่าแก๊งจีนเทา ผู้นำทหาร BGF และ DKBA ที่ต่างพากันออกมาสวมบทพระเอกส่งเหยื่อค้ามนุษย์กลับบ้าน ดูจะเป็นสถานการณ์ที่ดี แต่สวนทางกับภาพการขยายเมืองแห่งใหม่
เมืองใหม่ที่ว่านี้...ที่แม้ยืนบนแผ่นดินไทยก็ยังมองเห็นความศิวิไลซ์ของ “เมืองบาป” เหล่านี้ได้ด้วยสายตา

...
นโยบายกำจัด “แก๊งคอลเซ็นเตอร์” คงสะกิดให้ “แก๊งจีนเทา” กับ “ผู้นำทหาร” ทั้งหลายพอได้รู้สึกร้อนๆหนาวๆ กันบ้าง แต่ไปไม่ถึงขั้นตัดวงจรทำมาหากินของธุรกิจบาปนี้ได้อย่างถาวร
“ไทยเทามีเอี่ยว ตัดไม่จบวงจรสแกมเมอร์”
รังสิมันต์ โรม กล่าวทิ้งท้ายว่า ต้องยอมรับมันมีไทยเทา มันมีเครือข่ายอำนาจ มันมีเครือข่ายสีเทา มันมีการรู้จักกับทั้งข้าราชการ ทั้งนักการเมืองและมันก็ทำให้สุดท้ายเราก็ยอมรับว่า...เครือข่ายพวกนี้เอื้อให้เกิด “แก๊งคอลเซ็นเตอร์”.
คลิกอ่านคอลัมน์ “สกู๊ปหน้า 1” เพิ่มเติม