สภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เร่งส่งเสริมความรู้และความปลอดภัย พร้อมเตรียมบุคลากรรับมือนโยบายบำบัดน้ำเสีย

วันที่ 10 ก.พ. 68 ผศ.ดร.บุญส่ง ไข่เกษ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภา ในฐานะนายกสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สชวท.) เป็นประธานแถลงถึงบทบาทสำคัญของสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่จัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติส่งเสริมวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พ.ศ.2551 โดยมีเป้าหมายหลักในการส่งเสริมการใช้ความรู้และทักษะทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในภาคอาชีพ รวมถึงการคุ้มครองความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนท่ามกลางการพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

โครงสร้างและบทบาทภายในสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีดำเนินงาน โดยคณะกรรมการจำนวน 21 ท่าน ประกอบด้วย 12 ท่าน ที่มาจากการเลือกตั้งของสมาชิก 4 ท่าน ที่มาจากการแต่งตั้งของคณะรัฐมนตรี โดยดำรงตำแหน่งสำคัญ ได้แก่ ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม, เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน, ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ, ผู้แทนประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และกรรมการอีก 4 ท่าน โดยดำรงตำแหน่งตามความรับผิดชอบเฉพาะ คณะกรรมการมีวาระดำรงตำแหน่ง 3 ปี ปัจจุบัน สชวท. มีสมาชิกกว่า 7,729 คน พร้อมภาคีเครือข่ายมากกว่า 50 เครือข่าย

ในส่วนของการควบคุมและกำกับมาตรฐานการประกอบวิชาชีพด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สชวท. ได้จัดตั้งคณะอนุกรรมการวิชาชีพควบคุมออกใบอนุญาตใน 8 สาขา โดยมีผู้ทรงคุณวุฒิเป็นประธานในแต่ละสาขาดังนี้

1. สาขานิวเคลียร์ – ศ.ดร.สุพิชชา จันทรโยธา
2. สาขาการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมและการควบคุมมลพิษ – น.ส.ขนิษฐา ทักษิณ
3. สาขาการผลิต การควบคุมและการจัดการสารเคมีอันตราย – ศ.ดร.สุภา หารหนองบัว
4. สาขาการเพาะเลี้ยงจุลินทรีย์และการใช้จุลินทรีย์ก่อให้เกิดโรค – ผศ.ดร.ไตรเทพ วิชย์โกวิทเทน
5. สาขาธรณีวิทยา – ดร.สมหมาย เตชวาล
6. สาขาอนามัยสิ่งแวดล้อม – รศ.ดร.สุเทพ ศิลปานันทกุล
7. สาขานิติวิทยาศาสตร์ – รศ.ดร.บุษบา ฤกษ์อำนวยโชค
8. สาขาอาชีวอนามัยและความปลอดภัย – รศ.วิชัย พฤกษ์ธาราธิกูล

...

นอกจากนี้ สภายังให้ความสำคัญกับการพัฒนาศักยภาพของสมาชิกและบุคคลทั่วไปผ่านการอบรมโดยคณะอนุกรรมการฝึกอบรม ที่มี ดร.กิตติพจน์ เพิ่มพูล เป็นประธาน และการเผยแพร่ข่าวสารด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีให้ประชาชนได้รับทราบอย่างทันท่วงทีผ่านคณะอนุกรรมการประชาสัมพันธ์และการมีส่วนร่วม ภายใต้การนำของ ดร.กล้า มณีโชติ โดยภารกิจเร่งด่วนคือ เตรียมบุคลากรสำหรับมาตรฐานระบบบำบัดน้ำเสีย

ด้วยสถานการณ์มลพิษทางน้ำในปี 2566 ที่พบแหล่งปล่อยน้ำเสียจากร้านอาหาร ตลาด อาคารราชการ สำนักงาน อาคารชุด ห้างสรรพสินค้า และโรงแรม ซึ่งส่วนใหญ่ยังไม่เป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐาน สภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีจึงมีภารกิจเร่งด่วนในการเตรียมความพร้อมของบุคลากรให้ได้มาตรฐานรองรับการบังคับใช้ กฎกระทรวงการปฏิบัติงานเป็นผู้ควบคุมระบบบำบัดน้ำเสียและรับจ้างให้บริการบำบัดน้ำเสีย พ.ศ.2567

คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติร่างกฎกระทรวงดังกล่าวเมื่อวันที่ 19 พ.ย. 67 และประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 26 พ.ย. 67 โดยมีกำหนดบังคับใช้ในวันที่ 24 ก.ค. 68 ขณะนี้มีผู้ขึ้นทะเบียนเป็นผู้ควบคุมมลพิษทางน้ำกับสภาเพียง 52 ราย ทำให้เห็นถึงความจำเป็นในการขยายฐานบุคลากรให้เพียงพอ

สภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีจึงเชิญชวนผู้ที่จบการศึกษาด้านวิทยาศาสตร์และมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้ 1. เป็นสมาชิกสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
2. สำเร็จการศึกษาไม่ต่ำกว่าระดับปริญญาตรีทางด้านวิทยาศาสตร์ 3. มีการศึกษาหลักสูตรเกี่ยวกับการควบคุมมลพิษทางน้ำไม่น้อยกว่า 6 หน่วยกิต เพื่อขึ้นทะเบียนเป็นผู้ควบคุมมลพิษทางน้ำ ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการดูแลและควบคุมระบบบำบัดน้ำเสียตามกฎหมายใหม่ โดยเปิดรับสมัครและสอบใบอนุญาตลงทะเบียนตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 31 มี.ค. 68 และมีกำหนดสอบในวันที่ 17 พ.ค. 68

ช่องทางการติดต่อ สำหรับผู้ที่สนใจและต้องการข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดต่อสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีได้ที่ : อาคารพระจอมเกล้า ห้องเลขที่ 327 ชั้น 3, 75/47 ถนนพระรามที่ 6 แขวงทุ่งพญาไท, เขตราชเทวี, กรุงเทพฯ 10400 โทรศัพท์: 0 2333 3700 ต่อ 3010, 3020, 3021 (ฝ่ายนโยบายและแผน), 3022, 3891 (ฝ่ายการเงินและบัญชี)
โทรศัพท์เคลื่อนที่: 081 148 6766, 096 798 2441, 095 360 6202 อีเมล: cstp@cstp.or.th

หรือช่องทาง Social Media: Facebook: สภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี , Youtube: สภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี, Tiktok: cstp.official, Website: cstp.or.th Line Official: @cstp

ด้วยบทบาทสำคัญในการส่งเสริมมาตรฐานวิชาชีพและคุ้มครองความปลอดภัยด้านวิทยาศาสตร์ สภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีจึงมุ่งมั่นพัฒนาบุคลากรและสร้างเครือข่ายเพื่อรองรับความท้าทายและการเปลี่ยนแปลงในยุคของนวัตกรรมและเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง.