กฟภ. แม่สอด ใช้เหล็กตัดสะพานไฟ 6 ตัวหยุดไฟฟ้า ส่งผลให้ "เมืองเมียวดี" เงียบเสียงเครื่องจักรทันที ชาวบ้านหลายคนต่อคิวตามปั๊มต่างๆ เพื่อซื้อน้ำมัน
หลังจาก การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ได้ดำเนินการตัดกระแสไฟฟ้าตามคำสั่งของสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ทั้งหมด 5 จุด เพื่อแก้ปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติและแก๊งคอลเซ็นเตอร์นั้น
วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2568 เจ้าหน้าที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค อ.แม่สอด จ.ตาก ตัดกระแสไฟฟ้า ได้ดำเนินการเต็มระบบ จุดที่ 1 บ้านห้วยม่วง หมู่ที่ 6 ต.ท่าสายลวด อ.แม่สอด ซึ่งเป็นจุดที่ใช้ไฟฟ้ามากที่สุด ถึง 10 เมกะวัตต์ จุดที่ 2 บริเวณริมสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา แห่งที่ 2 จ.ตาก มีการใช้ไฟฟ้าเพียง 2 เมกะวัตต์เท่านั้น บริเวณชายแดนไทย-เมียนมา อำเภอแม่สอด ทั้งนี้เพื่อสกัดแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยใช้ไม้กาวต์ที่ดึงตะขอ ตัดจากสะพานไฟตัวมีดตัดจำนวน 6 จุด เป็นการตัดระบบจำหน่ายไฟฟ้าทัน รวมทั้งยกแบตเตอรี่ ที่ควบคุมอินเทอร์เน็ตทางไกลออกด้วย เมื่อเวลา 09.12 น. ที่ผ่านมา
หลังจากตัดไฟฟ้าเมียนมา รัฐกะเหรี่ยง พบว่า เสียงจากโรงงานต่างๆ ที่อยู่ริมฝั่งน้ำเมย ที่เมียวดี เงียบทันที ไม่มีกระแสไฟฟ้าส่งไปยังฝั่งเมียวดี รัฐกะเหรี่ยง ประเทศเมียนมา 2 จุด แล้ว ทำให้บรรยากาศในฝั่งเมียนมาเงียบสงบ มีโรงงาน และสถานประกอบการหลายแห่งเช่น โกดัง โรงงานขนาดเล็ก ขนาดใหญ่ที่เคยใช้ไฟฟ้าจากเขตประเทศไทยได้รับผลกระทบมาก

...
ขณะที่ผู้สื่อข่าวและเจ้าหน้าที่รัฐของไทย ริมฝั่งแม่น้ำเมย ได้สังเกตการณ์รอดูผล ขณะทหาร ตชด.ตรึงกำลัง หวั่นมีการลักลอบข้ามมาเขตไทยหลังไฟฟ้าดับ ที่สะพานมิตรภาพไทย เมียนมา แห่งที่ 1
ในส่วนของรถยนต์สินค้ายังไปมาตามปกติ และด่านพรมแดนยังเปิดปกติ ไม่มีท่าที ที่จะปิดด่านจากฝั่งเมียนมา การส่งสินค้าจากบรรดารถยนต์บรรทุก 10 ล้อ และรถยนต์สองแถวรับจ้าง ยังคงเดินทางไปริมฝั่งชายแดน อย่างไรก็ดีต้องดูชาวต่างชาติว่า จะหนีเข้ามาเขตไทยหรือไม่ เพราะอาจจะได้รับผลกระทบจากการตัดกระแสไฟฟ้า
เจ้าหน้าที่ไฟฟ้าไม่เผยชื่อ อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก กล่าวว่า จริงๆ แล้วเมืองเมียวดีทั้งหมดพึ่งพาการใช้ไฟฟ้าจากประเทศไทย ก่อนหน้านี้เคยมีไฟฟ้าที่ผลิตแถวเมืองมะละแหม่งส่งมา แต่เมื่อเกิดการสู้รบระหว่างกองทัพพม่าและสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง (Karen National Union-KNU) ทำให้สายส่งไฟฟ้าถูกทำลายเกือบหมด ดังนั้นในเมืองเมียวดีทั้งหมดต้องพึ่งพาไฟฟ้าจากฝั่งไทย ซึ่งในอดีตเมื่อกว่า 20 ปีก่อน กฟภ.ขายไฟฟ้าให้ฝั่งพม่าเป็นปกติ เพราะยังไม่มีแหล่งอาชญากรรมคอลเซ็นเตอร์เกิดขึ้นแบบนี้ และในยุคแรกๆ ที่มีการก่อตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษชเวก๊กโก่ก็ไม่มีใครคิดว่าไฟฟ้าที่ส่งไปจากประเทศไทยจะกลายเป็นเครื่องมือของเหล่ามิจฉาชีพ
“สมัย ครม.เศรษฐา ได้มีการทดลองตัดไฟฟ้าครั้งหนึ่งแล้ว ดังนั้นฝั่งโน้นเขาจึงเตรียมตัวไว้ดี มีการตุนน้ำมันดีเซลไว้นับแสนลิตรเพื่อใช้กับเครื่องปั่นไฟ เขาคงอยู่ได้ระยะหนึ่งนั่นแหละ แต่เดี๋ยวก็เห็นผล เพราะระยะยาวอยู่ยาก หากถูกตัดไฟและน้ำมันเช่นนี้” ช่างไฟฟ้า กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าแหล่งข่าวแจ้งว่า สถานการณ์ในเมืองเมียวดี รัฐกะเหรี่ยง ประชาชนเริ่มกักตุนน้ำมันกันแล้ว ทำให้ชาวบ้านจำนวนมากต่อคิวตามปั๊มต่างๆ เพื่อซื้อน้ำมัน ซึ่งก่อนหน้านี้การนำเข้าน้ำมันในเมืองเมียวดี นั้นต้องผ่านช่องทางจากไทยอย่างเดียว เนื่องจากเส้นทางสายหลักที่เชื่อมโยงไปเมืองพะอันถูกตัดขาดตั้งแต่การสู้รบรุนแรงระหว่างกองทัพพม่าและ KNU เมื่อปีก่อน ซึ่งขณะนี้ KNU ยังยึดครองพื้นที่บนถนนหลวง AH1 ในช่วงที่ผ่านพื้นที่กอกะเร็กไว้ได้
ด้านนายบุญช่วย หอมยามเย็น รองผู้ว่าราชการจังหวัดตาก กล่าวว่า เชื่อว่า ทางชาวเมียนมา รัฐกะเหรี่ยง ที่ประชาชนคงปรับตัวได้ในระยะหนึ่ง ส่วนต่างชาติหากเข้ามาในเขตประเทศไทย ก็จะต้องดำเนินการคัดกรอง สอบสวน ซึ่งทางจังหวัดได้มอบหมายให้ตรวจคนเข้าเมืองตาก เป็นผู้ดูแล.