ผอ.ศูนย์การแพทย์ของอิสราเอล อึ้ง หลังพบแรงงานไทยตัวประกันทั้ง 5 คนที่ตกอยู่ในสถานการณ์ ย่ำแย่ ถูกจองจำเกือบ 500 วัน แต่ยังสุขภาพแข็งแรงดี ไม่ขาดสารอาหาร ทั้งที่ถูกคุมขังอยู่ในอุโมงค์ใต้ดินไม่พบไม่เห็นแสงตะวันมานาน เชื่อเป็นเพราะตัวประกันไทยมีอายุน้อยจึงช่วยให้รอดชีวิต แต่ยังต้องตรวจร่างกายและสภาพจิตใจอย่างละเอียดอีกครั้ง พร้อมให้พักฟื้นถึงสัปดาห์หน้า ก่อนนำตัวเข้ารับคำปรึกษากับนักจิตวิทยา นักสังคมสงเคราะห์ ก่อนกลับไทย ขณะที่กระทรวงต่างประเทศตุรกี แถลงถึงความสำเร็จในการช่วยเหลือตัวประกันไทยทั้ง 5 คน ด้านอิสราเอลยังลุยเดินหน้าช่วยเหลือตัวประกันที่เหลือต่อไป ส่วน รมว.แรงงานไทยยังไม่หมดหวังในการควานหาตัวแรงงานไทยที่เป็นตัวประกันอีกคนว่าอยู่หรือตาย เชื่อยังปลอดภัย ทูตอิสราเอลประจำไทยเยี่ยมให้กำลังใจครอบครัวหนุ่มแรงงานชาวบุรีรัมย์ที่เสียชีวิตจากเหตุความไม่สงบในอิสราเอล พร้อมดูแลช่วยเหลือให้ได้รับสิทธิประโยชน์เต็มที่

หลังจากแรงงานไทย 5 คน ได้แก่ นายพงษ์ศักดิ์ แทนนา นายเสถียร สุวรรณคำ นายวัชระ ศรีอ้วน นายสุระศักดิ์ ลำเนา และนายบรรณวัชร แซ่ท้าว ที่ตกเป็นตัวประกันในการสู้รบระหว่างกลุ่มฮามาสกับอิสราเอล เมื่อวันที่ 7 ต.ค.2566 ถูกปล่อยตัวเป็นอิสรภาพเมื่อวันที่ 30 ม.ค.ตามข้อตกลงหยุดยิงนั้น

เมื่อวันที่ 31 ม.ค. พญ.อัสนัท เลฟซิออน-โครัช ผอ.ศูนย์การแพทย์ชามีร์ของอิสราเอล แถลงถึงผลการตรวจสุขภาพตัวประกันไทยทั้ง 5 คน ว่า อยู่ในเกณฑ์ดี แม้จะถูกคุมขังอยู่ในอุโมงค์ใต้ดินและไม่ได้รับแสงแดดเป็นเวลานาน แต่ไม่พบว่าตัวประกันไทยขาดสารอาหาร อาจเป็นเพราะตัวประกันไทยอายุไม่มาก จึงยิ่งช่วยให้สามารถมีชีวิตรอดอยู่ ได้ แต่จะมีการตรวจร่างกายโดยละเอียด รวมทั้งตรวจสภาพจิตใจต่อไป ทั้งนี้ ตัวประกันไทยทั้งหมดจะยังคงพักฟื้นไปจนถึงสัปดาห์หน้าและต้องเข้ารับคำปรึกษากับนักจิตวิทยา นักสังคมสงเคราะห์ แม้ว่าทั้งหมดจะมีสุขภาพร่างกายอยู่ในเกณฑ์ดี แต่อย่าลืมว่าทุกคนต้องเอาชีวิตรอด ภายใต้สถานการณ์อันย่ำแย่มาเกือบ 500 วัน จึงต้องเข้ารับการรักษาและฟื้นฟูอีกนาน โรงพยาบาลจะให้ความช่วยเหลือตัวประกันไทย ตามคำแนะนำที่ได้รับจากสถานเอกอัครราชทูตไทยประจำประเทศอิสราเอล รวมถึงครอบครัวเพื่อเตรียมตัวในการเดินทางกลับสู่บ้านเกิดเมิืองนอนที่ประเทศไทย

...

ขณะที่เมื่อช่วงค่ำวันที่ 30 ม.ค. นางออร์นา ซากิฟ เอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทย แถลงแสดงความยินดีอย่างยิ่งต่อการปล่อยตัวแรงงานไทย 5 คน ว่า ทางการอิสราเอลได้รับมอบตัวประกันไทยทั้งหมดแล้ว กำลังอยู่ในกระบวนการเคลื่อนย้ายไปอยู่ในสถานที่ที่ปลอดภัยและตรวจสุขภาพ ก่อนย้ายไปที่ศูนย์การแพทย์ เพื่อรับการรักษาเบื้องต้นตามความจำเป็นและตามความประสงค์ของตัวประกัน หวังว่าจะได้พบกับตัวประกันชาวไทยเมื่อทุกคนมีสุขภาพแข็งแรงปลอดภัย อิสราเอลเห็นใจครอบครัวของผู้ที่ยังคงถูกกักขังอยู่ในฉนวนกาซา ขอยืนยันอีกครั้งถึงความมุ่งมั่นที่จะทำให้ตัวประกันที่เหลือได้รับอิสรภาพและปลอดภัย

ขณะเดียวกัน กระทรวงต่างประเทศตุรกีแถลงถึงความสำเร็จในการช่วยเหลือตัวประกันไทยทั้งหมด 5 คนด้วยว่า หน่วยข่าวกรองแห่งชาติตุรกี (MIT) ประสบความสำเร็จในการช่วยอำนวยความสะดวก การปล่อยตัวประกันชาวไทยที่ถูกคุมขังในฉนวนกาซา จากความพยายามในการใช้วิธีทางการทูตอย่างเข้มข้น รวมถึงการเจรจาไกล่เกลี่ยข้อตกลงของตุรกี ภายใต้การนำของนายเรจเป ทายยิบ แอร์โดอัน ประธานาธิบดีตุรกีโดยหน่วยข่าวกรองได้ปฏิบัติงานร่วมกับเจ้าหน้าที่รัฐบาลไทยนับแต่การเริ่มต้นเจรจาข้อตกลง และยังคงหารือกับกลุ่มฮามาสเพื่อช่วยเหลือตัวประกันอย่างต่อเนื่อง จนส่งผลให้สามารถพาตัวประกันไทยกลับบ้านได้อย่างปลอดภัย ทั้งนี้ ตุรกียังมีบทบาทในการช่วยเหลือพลเรือนทั้งชาวตุรกีและชาวต่างชาติอื่นๆที่ได้รับบาดเจ็บในฉนวนกาซา รวมถึงตุรกีเน้นย้ำความตั้งใจในการสร้างเสถียรภาพในภูมิภาค ให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม และปกป้องพลเรือน อีกทั้งปฏิบัติการทางการทูตเชิงรุกเพื่อช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งที่เกิดขึ้น

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.ต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการช่วยเหลือตัวประกันไทยว่าได้ทำเรื่องนี้มากว่า 1 เดือน เมื่อวันที่ 30 ม.ค. รมว.ต่างประเทศอิสราเอลโทรศัพท์มาแสดงความยินดี บอกว่าเรื่องนี้คุยกันมาเกือบเดือนแล้ว ดีใจที่มีผลเกิดขึ้นยังต้องดำเนินการต่อไปในส่วนตัวประกันอีก 1 คนที่ยังเหลืออยู่ และร่างผู้เสียชีวิต 2 ศพ จากที่ได้พูดคุยกับมิตรประเทศ เขาไม่สามารถยืนยันสถานะของอีก 1 คนที่เหลืออยู่ได้ แต่ทุกคนแสดงความชัดเจนและยืนยันว่าจะช่วยเหลือในการค้นหา เมื่อถามว่าจะวางมาตรการป้องกันแรงงานไทยที่ไปทำงานยังประเทศอิสราเอลอย่างไร หากเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก นายมาริษ กล่าวว่า ขอให้คนไทยอย่าเพิ่งเดินทางเข้าไป ถ้าจะเข้าไปทำงาน อย่าเข้าไปในเขตพื้นที่เสี่ยงภัย ห้ามไม่ได้ก็ต้องพยายามเตือน แต่เมื่อถึงจุดหนึ่งหากเกิดปัญหา กระทรวงต่างประเทศมีหน้าที่ดูแลคนไทยอยู่แล้ว

ด้านนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.แรงงาน กล่าวว่า อัครราชทูตที่ปรึกษาฝ่ายแรงงานในกรุงเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล แจ้งถึงอาการตัวประกัน 5 แรงงานไทยที่ถูกปล่อยตัวแล้วว่า ร่างกายแข็งแรง สุขภาพจิตดี พูดคุยได้เป็นปกติ ทางการอิสราเอลขอให้พักรักษาตัวดูอาการ 1 สัปดาห์ก่อนกลับไทย กระทรวงการต่างประเทศได้จัดส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปช่วยเป็นล่ามแบบ 1 ต่อ 1 ในการดูแล รวมทั้งได้ประสานพูดคุยกับครอบครัวของทุกคนแล้ว ส่วนตัวประกันอีก 1 คน คือ นายณัฐพงษ์ ปินตา ที่ยังไม่ได้รับการปล่อยตัวกำลังติดตามหาอยู่ ไม่แน่ใจว่าไปอยู่ตรงไหนยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ ได้แต่ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยปกป้องคุ้มครองให้ได้กลับบ้านอย่างปลอดภัย

นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า แรงงานไทยทั้ง 5 คน มีสุขภาพดี เชื่อว่าทุกคนได้รับการดูแลดี อีก 1 คนเชื่อว่าน่าจะยังมีชีวิตอยู่ แต่ไม่ทราบว่าทำไมถึงไม่ถูกปล่อยตัวมาพร้อมกัน กระทรวงได้ให้อัครราชทูตที่ปรึกษาฝ่ายแรงงาน เข้าไปติดตามดูแลจนกว่าทั้ง 5 คนจะส่งกลับบ้าน ส่วนครอบครัวทางเมืองไทยของทั้ง 5 คน เจ้าหน้าที่ไปพบพูดคุย ต่างดีใจที่จะได้พบหน้าลูกหลังหายไปไร้ข่าวคราวกว่า 1 ปี และยังไปให้กำลังใจญาติของนายณัฐพงษ์ ปินตา ที่ยังไม่ได้รับการปล่อยตัวแต่เชื่อว่ายังมีชีวิตอยู่

นายบุญสงค์กล่าวด้วยว่า สำหรับสิทธิประโยชน์ที่แรงงานไทย 5 คน จะได้รับประกอบด้วย 1.เงินชดเชยจากสถาบันประกันภัยอิสราเอล ที่ทายาทขอรับสิทธิประโยชน์เรียบร้อยแล้ว 2.เงินชดเชยกรณีถูกเลิกจ้างหรือเงินปิซูอิม กระทรวงฯได้ให้ฝ่ายแรงงาน ประจำสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ ประสานติดตามให้ 3.หากเป็นสมาชิกกองทุนเพื่อช่วยเหลือคนหางานไปทำงานต่างประเทศ จะได้รับเงินสงเคราะห์กรณีเดินทางกลับประเทศจากภัยสงครามจากกรมการจัดหางาน 1.5 หมื่นบาท 4.สิทธิประโยชน์ประกันสังคม จากการตรวจสอบพบทั้ง 5 คน เคยเป็นผู้ประกันตน จึงมีสิทธิ์ได้รับเงินบำเหน็จชราภาพ ดังนี้ นายวัชระ ศรีอ้วน ได้รับเงินบำเหน็จชราภาพ 1,431.36 บาท นาย พงษ์ศักดิ์ แทนนา ได้ 10,982.02 บาท นายเสถียร สุวรรณคำ ได้ 53,058.65 บาท นายสุรศักดิ์ ลำเนา ได้ 12,637.61 บาท นายบรรณวัชร แซ่ท้าว ได้ 7,829.28 บาท และยังจะได้รับเงินชดเชยรายเดือน เงินช่วยเหลือประจำปี เงินช่วยเหลือรายไตรมาส รวมถึงสิทธิ์อื่นๆด้วย

...

ทางด้านนายณัฐพงษ์ ปินตา ชาว อ.ร้องกวาง จ.แพร่ แรงงานไทยอีกคนที่ถูกจับเป็นตัวประกันแต่ยังไม่ได้รับการปล่อยตัวออกมา และครอบครัวยังรอคอยด้วยความหวังนั้น เมื่อวันที่ 31 ม.ค. นางอัญชลี ปะดุกา แรงงานจังหวัดแพร่ ได้ไปเยี่ยมนายลพ ปินตา วัย 84 ปี บิดานายณัฐพงษ์ ที่บ้าน อยู่เลขที่ 22/4 ม.11 บ้านแม่ยางโพธิ์ ต.ร้องกวาง อ.ร้องกวาง จ.แพร่ พบนายลพยังคงนั่งรอคอยฟังข่าวจนกว่าจะมีความชัดเจน ด้าน น.ส.ธัญชนก ปินตา อายุ 52 ปี พี่สาวนายณัฐพงษ์เล่าว่า ทุกคนในครอบครัวยังคงรออย่างมีความหวัง ตอนนี้ยังรอฟังข่าวว่าน้องชายจะได้รับการปล่อยตัวเช่นเดียวกับ 5 แรงงานไทย แต่สิ่งหนึ่งที่ยังทำให้ครอบครัวมีกำลังใจ คือภรรยานายณัฐพงษ์ไปดูหมอพระและหมอดูหลายที่ ทุกคนบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าน้องยังมีชีวิตอยู่และหวังว่าจะมีปาฎิหาริย์ให้น้องกลับมาอย่างปลอดภัย หากน้องชายกลับมาจะไม่ให้ไปทำงานที่อิสราเอลอีกแล้ว

อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่