เหยื่อบุกโรงพัก จี้ตำรวจเร่งจับสาวตัวการ อ้างเป็นเจ้าหน้าที่ประจำสถานทูต หลอกชาวบ้านกว่า 250 ไปทำงานออสเตรเลีย หลัง 5 ผู้ต้องหาโร่มอบตัว

ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้า กรณีที่แรงงานชาวไทยจากหลายจังหวัดประมาณ 250 คน ถูก น.ส.ธมลวรรณ หรือ ออย อายุ 28 ปี ซึ่งมีภูมิลำเนาอยู่ อ.พุทไธสง จ.บุรีรัมย์ แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ประจำสถานทูตออสเตรเลีย หลอกลวงจะพาไปทำงานเกี่ยวกับภาคเกษตร และโรงแรม ที่ประเทศออสเตรเลีย โดยอ้างว่ามีค่าแรงสูงถึงหลักแสนบาท และได้เรียกเก็บค่าดำเนินการจากแรงงานที่หลงเชื่อทั้ง 250 คน คนละ 60,000 – 120,000 บาท รวมเป็นเงินกว่า 20 ล้านบาท แต่พอวันที่ 4 ม.ค. 68 ที่ น.ส.ออย หลอกให้ไปรอที่สนามบินสุวรรณภูมิแล้วปล่อยลอยแพ ไม่ได้บินไปทำงานออสเตรเลียจริงตามที่กล่าวอ้าง แล้ว น.ส.ออย ก็หายตัวไป ดังที่นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น

ล่าสุดวันที่ 15 ม.ค. 68 พ่อ แม่ ตา ยาย และญาติ ของ น.ส.ธมลวรรณ หรือออย จำนวน 5 คนที่ถูกออกหมายเรียก ตกเป็นผู้ต้องหา "ร่วมกันหลอกลวงผู้อื่นว่าสามารถส่งไปทำงานในต่างประเทศได้และโดยการหลอกลวงดังกล่าวนั้นได้ไปซึ่งเงินหรือทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด จากผู้ถูกหลอกลวงและฉ้อโกงประชาชน" ในคดีดังกล่าวทั้งหมด 6 คน ก็ได้เดินทางเข้ามอบตัวกับพนักงานสอบสวน สภ.พุทไธสง จ.บุรีรัมย์ ตามหมายเรียก แต่ น.ส.ธมลวรรณ หรือออย ตัวการสำคัญที่หลอกลวงแรงงานในเคสนี้ ยังล่องหนไม่ติดต่อเข้ามอบตัว ซึ่งทางพนักงานสอบสวนก็จะได้ออกหมายเรียกครั้งที่สอง หากยังไม่มามอบตัว ก็จะขออนุมัติศาลออกหมายจับต่อไป

ขณะที่แรงงานชาว อ.พุทไธสง เกือบ 100 คนที่ตกเป็นเหยื่อถูกหลอกในกรณีเดียวกัน ก็ได้เดินทางไปที่ สภ.พุทไธสง เพื่อสอบถามความคืบหน้าคดี พร้อมทั้งเร่งรัดให้ออกหมายจับ และยึดทรัพย์ของ น.ส.ออย เพราะเกรงว่าจะมีการถ่ายโอนทรัพย์สินไปที่อื่น ทั้งกลัวจะหลบหนีออกต่างประเทศด้วย ทั้งนี้ผู้เสียหายยังได้เรียกร้องให้ DSI รับเป็นคดีพิเศษด้วย และให้กระทรวงแรงงานส่งผู้แทนเข้ามาดูแลช่วยเหลือแรงงานในคดีนี้ด้วย เนื่องจากแรงงานที่ตกเป็นผู้เสียหายมีจำนวนมากและอยู่หลายพื้นที่จังหวัด และมูลค่าความเสียหายก็มากถึงกว่า 20 ล้านบาท

...

นางนิ่มนวน อายุ 57 ปี หนึ่งในแรงงานชาว อ.พุทไธสง ที่ตกเป็นเหยื่อ เผยว่า ปกติตนมีอาชีพทำนา ทำสวน และเลี้ยงวัวอยู่บ้าน แต่พอ น.ส.ออย มาชักชวนจะพาไปทำงานไร่แครอทที่ออสเตรเลีย โดยหลอกว่า จะได้ค่าแรงงานรวมโอทีสูงถึงเดือนละหลักแสนบาท หากสนใจก็จ่ายค่าดำเนินเรื่องแค่ 60,000 บาท ตนก็หลงเชื่อเพราะเห็นว่า น.ส.ออย เป็นคนในพื้นที่ และยังแอบอ้างว่าตัวเองทำงานที่สถานทูตออสเตรเลีย ถึงขั้นเคยแต่งชุดขาวมาร่วมงานบวชคนในหมู่บ้านด้วย

ที่สำคัญพ่อแม่ของ น.ส.ออย ก็บอกว่าถ้าถูกหลอกหรือไม่ได้ไปทำงานจริง ก็จะหาเงินมาคืนให้จึงหลงเชื่อตัดสินใจขายทอง 2 บาท และขายวัวอีก 6 ตัว เพื่อนำเงินไปจ่ายค่าเดินเรื่องให้กับ น.ส.ออย ก็หวังว่าหากได้ไปทำงานที่ออสเตรเลียก็จะมีเงินก้อนไว้ใช้จ่ายในครอบครัว แต่สุดท้ายกลับถูกหลอกสูญเงิน ตอนนี้เดือดร้อน ก็อยากให้เงินคืนและให้ดำเนินคดีกับ น.ส.ออย และผู้ร่วมขบวนการทั้งหมดด้วย

ขณะที่ น.ส.วิราวัณ อายุ 25 ปี อีกหนึ่งผู้เสียหาย บอกว่า ที่หลงเชื่อและยอมจ่ายเงินเพราะหวังว่าจะได้มีเงินมาเลี้ยงดูครอบครัว ประกอบกับมีภาระต้องดูแลลูก 2 ขวบด้วย ก็ไม่คิดว่าจะถูกหลอกสูญเงินไปถึง 6 หมื่นบาท ก็อยากได้เงินคืนเพราะเดือดร้อน อยากให้ DSI รับเป็นคดีพิเศษด้วย เพื่อให้เกิดความรวดเร็วมากขึ้น เพราะเกรงผู้ต้องหาจะหลบหนีหรือยักย้ายทรัพย์สินไปที่อื่น อยากให้อายัดทรัพย์มาคืนให้ผู้เสียหาย

ด้าน พ.ต.อ.ธัชพล ส่องแสง ผู้กำกับการ สภ.พุทไธสง ได้กล่าวภายหลังมาพบแรงงานที่หน้าโรงพัก พร้อมชี้แจงเกี่ยวกับความคืบหน้าคดีว่า หลังจากมีการแจ้งความก็ได้สอบปากคำผู้เสียหายไปแล้วกว่า 70 ปาก และได้รวบรวมหลักฐานเพื่อออกหมายเรียกผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด โดยวันนี้ผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายเรียกจำนวน 6 คน ได้เดินทางมามอบตัวกับพนักงานสอบสวนแล้ว 5 คน คือ ตา ยาย พ่อ แม่ของ น.ส.ออย และคนนอกอีก 1 คน ส่วน น.ส.ออย ยังไม่ได้เข้ามามอบตัว ซึ่งทางพนักงานสอบสวน ก็จะออกหมายเรียกครั้งที่สอง หากยังไม่มาตามหมายเรียกก็จะขออนุมัติศาลออกหมายจับตามขั้นตอนต่อไป

ส่วนผู้ต้องหาทั้ง 5 คน ที่มามอบตัวทางพนักงานสอบสวนก็ได้สอบปากคำ แต่เบื้องต้นก็ให้การปฏิเสธ อย่างไรก็ตามหลังจากสอบปากคำเสร็จ ก็ได้แจ้งข้อกล่าวหา "ร่วมกันหลอกลวงผู้อื่นว่าสามารถส่งไปทำงานในต่างประเทศได้และโดยการหลอกลวงดังกล่าวนั้นได้ไปซึ่งเงินหรือทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด จากผู้ถูกหลอกลวงและฉ้อโกงประชาชน" ทั้งให้ผู้ต้องหาสาบานตนว่าจะไม่หลบหนี และจะมาพบพนักงานสอบสวนตามที่นัดหมายทุกนัด ก่อนจะปล่อยตัวชั่วคราวเนื่องจากเป็นการเข้ามอบตัวเองตามหมายเรียก ไม่ได้ถูกออกหมายจับ ไม่มีพฤติการณ์หลบหนี ทั้งมีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง