อัศวินร่วมกับพิเชษฐ กลั่นชื่น และ Pichet Klunchun Dance Company ภูมิใจเสนอการแสดงที่จะนำทุกคนย้อนอดีตกลับมาสัมผัสกับบรรยากาศแห่งการสร้างสรรค์บนพื้นที่ที่เคยสร้างเรื่องราวแห่งยุคสมัย ด้วยเรื่องเล่าที่ถูกผสมผสานข้ามกาลเวลา
‘ละครเร่’ เป็นภาพยนตร์ที่สร้างขึ้นโดยบริษัทอัศวินภาพยนตร์ กำกับโดย พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าภาณุพันธ์ ยุคล เข้าฉายที่โรงภาพยนตร์เฉลิมเขตร์ เมื่อ พ.ศ. 2512 โดยได้เป็นตัวแทนจากประเทศไทย ร่วมงานมหกรรมภาพยนตร์เอเชีย-แปซิฟิก ที่กรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ และได้รับรางวัลชมเชยด้านกำกับศิลป์ในปีเดียวกัน
“ละครเร่” ถูกสร้างขึ้นในยุคที่ความบันเทิงแบบตะวันตกเข้ามามีบทบาทเป็นที่ชื่นชอบในเมืองไทยอย่างแพร่หลาย เสด็จพระองค์ชายใหญ่จึงมีความคิดที่จะใช้ภาพยนตร์เพื่อเผยแพร่ความบันเทิงแบบไทยที่ได้รับความนิยมลดลงนี้ให้กลับมาอยู่ในความคิดและความรู้สึกของคนไทยอีกครั้ง
เวลาผ่านไปกว่า 50 ปี ศิลปะและความบันเทิงรูปแบบใหม่ๆ เข้ามาเปลี่ยนแปลงบริบททางสังคมและวัฒนธรรมการใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่ไปอย่างสิ้นเชิง หลังจากที่หม่อมเจ้านวพรรษ์ ยุคล ได้เข้ามาชุบชีวิตพื้นที่ ‘อัศวิน’ ขึ้นมาอีกครั้ง ได้พบกับเอกสารและหลักฐานที่สำคัญมากมายที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ภาพยนตร์ การแสดง และดนตรีของไทย จึงดำริที่จะนำรากมรดกทางศิลปะและวัฒนธรรมในอดีตมาตีความ สื่อสารใหม่ร่วมกับศิลปินร่วมสมัย ‘พิเชษฐ กลั่นชื่น’ เพื่อเชื่อมเรื่องราวจากอดีตถึงปัจจุบัน ทำให้เกิดการถกเถียง ครุ่นคิด สร้างสรรค์ทางศิลปะและวัฒนธรรมต่อยอดสู่คนรุ่นต่อไป
การแสดง
เล่าเรื่องเมืองอัศวิน : “เงาะรจนา”
การแสดงละครนอก ในภาพยนตร์เรื่องละครเร่ของคณะพ่อครูทับ จะถูกสร้างใหม่ในวิธีการของคณะละครเร่พ่อครูพิเชษฐ โดยมีการใช้เทคโนโลยีเข้ามาประกอบในกระบวนการแสดง ตั้งแต่การถ่ายภาพนักเต้นเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์เพื่อปรับแต่งและแสดงผลในรูปแบบแกลเลอรีสามมิติ ซึ่งผู้ชมจะสามารถเข้าร่วมชมและสัมผัสกับนิทรรศการที่แสดงควบคู่กับการแสดงสดได้ภายในพื้นที่เดียวกัน เพื่อค้นหาเนื้อคู่ที่แท้จริง ระหว่างโลกเสมือนจริงกับโลกความเป็นจริง
15/16/17/ NOV 2024
Time : 19.00
“1923-2023”
Lecture-Performance ที่สร้างสรรค์ขึ้นโดย พิเชษฐ กลั่นชื่น 100 ปี การตีความใหม่ ที่ผสมผสานทั้งเทคนิคการแสดงแบบดั้งเดิมและการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่
ผู้ชมจะได้มีส่วนร่วมอย่างใกล้ชิด เพียง 15 ท่านต่อหนึ่งรอบการแสดง ไม่เพียงแค่การรับชมการเคลื่อนไหว แต่ยังรวมถึงการมีส่วนร่วมในการถ่ายภาพและบันทึกประสบการณ์ด้วยตนเอง นอกจากนี้ ผู้เข้าร่วมยังจะได้รับหนังสือเล็กๆ ประกอบการแสดง ซึ่งภายในจะมีข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับศิลปะนาฏศิลป์ไทย โดยจะมีพื้นที่ว่างสำหรับการจดบันทึกและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างผู้ชมด้วยกันเอง
21/22 NOV 2024
Time : 18.30 - 19.30
23/24 NOV 2024
Time : 15.00 - 16.00
Limited to 15 attendees per session
รายละเอียดการจองบัตรเข้าชมงาน สามารถเลือกซื้อบัตรเข้าชมการแสดงได้ที่ https://shop.line.me/@asvin
หมายเหตุ เกี่ยวกับอัศวิน
พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าภาณุพันธุ์ยุคล หรือพระองค์ชายใหญ่ ทรงก่อตั้งบริษัทอัศวินภาพยนตร์นี้ ที่ถือเป็นหมุดหมายสำคัญในประวัติศาสตร์ภาพยนตร์ไทยตั้งแต่ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 ในปี พ.ศ. 2480 ภายใต้ชื่อ "ไทยฟิล์ม" และในปี พ.ศ. 2491 ได้ทรงพัฒนาเป็น อัศวินภาพยนตร์ ตั้งอยู่ ณ เลขที่ 9 ซอยนาคราช ถนนบำรุงเมือง กรุงเทพมหานคร สถานที่แห่งนี้จึงเป็นศูนย์กลางในการสร้างสรรค์ผลงานภาพยนตร์ บทพระนิพนธ์ และดนตรีที่โดดเด่นของวงการภาพยนตร์ไทย
อัศวินภาพยนตร์ ถือเป็นจุดเริ่มต้นของภาพยนตร์ไทยที่สำคัญ หนึ่งในนั้นคือภาพยนตร์เรื่อง พันท้ายนรสิงห์ ภาพยนตร์ที่กลายเป็นตำนานแห่งความกตัญญู เสียสละ ได้รับการยกย่องและคัดเลือกให้เป็นมรดกภาพยนตร์ของชาติในปี พ.ศ. 2558 โดยหอภาพยนตร์ (องค์การมหาชน) ซึ่งแสดงให้เห็นถึงคุณค่าอันยิ่งใหญ่ของบทพระนิพนธ์ที่ถ่ายทอดความจงรักภักดีและความซื่อสัตย์ต่อสถาบัน ในรูปแบบภาพยนตร์ฝีมือคนไทย
อีกหนึ่งผลงานที่สำคัญคือ เรือนแพ ซึ่งเป็นภาพยนตร์ไทยเรื่องแรกที่ถ่ายทำด้วยระบบฟิล์ม 35 มม. ซูเปอร์ซีเนสโคป ได้รับเลือกเป็นหนึ่งใน 100 ภาพยนตร์ไทยที่คนไทยควรดู และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกภาพยนตร์ของชาติในปี พ.ศ. 2555 ถือเป็นผลงานอันสะท้อนให้เห็นถึงพระปรีชาสามารถของพระองค์ชายใหญ่และวงการภาพยนตร์ไทยในยุคนั้นอย่างชัดเจน นอกจากภาพยนตร์แล้ว เพลง บัวขาว ซึ่งถือกำเนิดจากอัศวินภาพยนตร์ ก็ได้รับการยกย่องจากองค์การยูเนสโกให้เป็น "เพลงแห่งเอเชีย" และบรรเลงครั้งแรกโดยวงดนตรีอัศวิน ซึ่งต่อมาเป็นที่รู้จักกันในนามวงสุนทราภรณ์ ถือเป็นอีกหนึ่งความภาคภูมิใจของประเทศไทย
ในด้านการแสดง โรงเรียนอัศวินศิลปะการแสดงได้ถือกำเนิดขึ้นที่นี่ราวปี พ.ศ. 2525 และยังคงมีร่องรอยของการเรียนการสอนอยู่จนถึงปัจจุบัน โดยเฉพาะเวทีที่ชั้น 4 สำหรับให้นักเรียนฝึกซ้อมบทบาท ถือเป็นโรงเรียนการแสดงแห่งแรกของไทยที่ได้รับการรับรองหลักสูตรจากกระทรวงศึกษาธิการ
ปัจจุบัน หม่อมเจ้านวพรรษ์ ยุคล พระโอรสของพระองค์ชายใหญ่ ได้ทรงเข้ามาดูแลและปรับปรุงอาคารแห่งนี้ ทำให้ค้นพบเอกสาร เครื่องมือ และวัตถุทางประวัติศาสตร์ที่ควรค่าแก่การเก็บรักษาและเผยแพร่ โดยทรงตั้งพระทัยที่จะเชื่อมโยงมรดกเหล่านี้เข้ากับมุมมองร่วมสมัย เพื่อให้คนรุ่นใหม่สามารถเข้าถึงประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมไทยได้ง่ายขึ้น
อีกทั้งทรงมีดำริปรับพื้นที่แห่งนี้ให้เป็นแหล่งเรียนรู้ทางศิลปะและวัฒนธรรมร่วมสมัย ที่เน้นการตีความใหม่ในด้านภาพยนตร์ การแสดง วรรณกรรม และดนตรี โดยจะใช้เป็นที่จัดกิจกรรมหลากหลายรูปแบบ เช่น การแสดงภาพยนตร์ การเต้นร่วมสมัย และเวิร์กช็อป เพื่อสร้างสรรค์ประสบการณ์ทางศิลปะที่เข้าถึงได้ง่ายสำหรับคนยุคใหม่ ในชื่อ ‘อัศวิน’
เกี่ยวกับพิเชษฐ กลั่นชื่น และ Pichet Klunchun Dance Company พิเชษฐ กลั่นชื่น คือศิลปินและนักออกแบบท่าเต้นร่วมสมัย ที่สื่อสารรูปแบบประเพณีสากลออกมาได้อย่างลงตัวผ่านท่าเต้นที่ใช้การเคลื่อนไหวของร่างกาย โดยผลงานของเขาได้รับการยอมรับในระดับสากล และได้เข้าร่วมเทศกาลระดับนานาชาติในหลายประเทศ ทั้งเอเชีย อเมริกา และยุโรปในฐานะศิลปินจากประเทศไทย
นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2546 พิเชษฐได้เปิดสถาบันการเต้น Pichet Klunchun Dance Company โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อทำงานทางด้านศิลปะการเต้นและสร้างนักเต้นอาชีพ โดยเน้นการฝึกฝนทางด้านรำไทยเป็นพื้นฐานสำคัญผสมผสานกับการเต้นแบบร่วมสมัยซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากประสบการณ์ในระดับนานาชาติ
รางวัลสำคัญที่พิเชษฐ์เคยได้รับ อาทิ
ปี 2549 : รางวัลศิลปาธร สำหรับศิลปินร่วมสมัยดีเด่น โดยสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม ประเทศไทย
ปี 2551 : ได้รับรางวัล ‘Routes’ ECF Princess Margriet Award for Culture จาก European Cultural Foundation ซึ่งเป็นรางวัลที่มอบให้ศิลปินหรือนักคิด ที่ทำงานเกี่ยวข้องกับหลากหลายวัฒนธรรม เพื่อช่วยสร้างให้เกิดความเข้าใจกันระหว่างผู้ที่มีพื้นฐานทางวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน
ปี 2555 : ได้รับรางวัล “Chevalier of the French Arts and Literature Order” จาก the French Ministry of Culture สำหรับผลงานที่เขาสรรค์สร้าง ซึ่งส่งอิทธิพลต่อวงการศิลปะ ทั้งในฝรั่งเศส ประเทศไทยและทั่วโลก
ปี 2557 : ได้รับรางวัล John D. Rockefeller 3rd Award จากสภาวัฒนธรรมแห่งเอเชีย (Asian Cultural Council ประเทศสหรัฐอเมริกา) ที่มอบให้กับบุคคลในเอเชียหรือประเทศสหรัฐอเมริกา ที่ได้สร้างผลงานอันโดดเด่นเพื่ออุทิศให้กับการร่วมสร้างความเข้าใจในระดับนานาชาติที่เกี่ยวกับการปฏิบัติ หรือการศึกษาเกี่ยวกับทัศนศิลป์และศิลปะการแสดงของเอเชีย