ตัวแทนชุมชนหลังหมอชิตเก่า ยื่นหนังสือถึงนายกฯ ขอสั่งยกเลิกการเวนคืนที่ดิน ซอยวิภาวดีฯ 5 เขตจตุจักร เพื่อสร้างถนนลอยฟ้า เป็นทางเข้า-ออกโครงการหมอชิต คอมเพล็กซ์

เวลา 11.30 น. วันที่ 18 มิ.ย.67 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายจักรพงศ์ แสงมณี รัฐมนตรีประจำสำนักนายก เป็นตัวแทนนายกรัฐมนตรี รับมอบหนังสือจากตัวแทนชุมชนหลังหมอชิตเก่า ซึ่งนำโดย น.ส.วินินท์อร ปรีชาพินิจกุล ผู้นำชุมชนฯ ที่เดินทางมายื่นหนังสือถึง นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เพื่อขอให้สั่งการทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ยกเลิกการเวนคืนที่ดินภายในซอยวิภาวดีรังสิต 5 เขตจตุจักร ตามพระราชกฤษฎีกากําหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืนในท้องที่ แขวงจอมพล เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2563 เพื่อนำไปสร้างถนนลอยฟ้าเป็นทางเข้า-ออกให้กับโครงการหมอชิต คอมเพล็กซ์

โดยตัวแทนชุมชนหลังหมอชิต ส่งตัวแทนมายื่นหนังสือเพื่อขอบคุณรัฐบาล ที่ไม่ย้ายสถานี บขส. กลับมาที่หมอชิตเก่า และมีโครงการที่จะสร้างสถานี บขส.ใหม่ ใกล้สถานีกลางบางซื่อ (กรุงเทพอภิวัฒน์) เพื่อเชื่อมโยงการเดินทาง-ขนส่ง กับระบบราง เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชน

และขอให้ไม่ต่ออายุ พ.ร.ฎ.เวนคืนที่ดิน ชุมชนหลังหมอชิต เพื่อทำถนนลอยฟ้าเป็นทางเข้า-ออกโครงการหมอชิต คอมเพล็กซ์ มาลงถนนวิภาวดีฯ ที่ทำให้ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อน เพราะเมื่อ สถานี บขส. จะไม่ย้ายกลับมาที่ หมอชิตเก่า ซึ่งเป็นที่ดินกรมธนารักษ์ ที่จะให้สัมปทานเอกชนเช่าทำหมอชิตคอมเพล็กซ์ โรงแรม ศูนย์การค้า ก็ไม่จำเป็นต้องเวนคืนที่ดินชุมชม เพื่อสร้างถนนลอยฟ้า โดยใช้ข้ออ้างของสถานี บขส. ที่จะมาอยู่ ในส่วนหนึ่งของตึกคอมเพล็กซ์

...

ตัวแทนชาวชุมชน กล่าวว่า ประชาชนในซอยหลังหมอชิตเก่าได้รับความเดือดร้อนจากการเวนคืนที่ดินของชุมชน เพื่อสร้างทางยกระดับเชื่อมทางเข้า-ออก ไปยังถนนวิภาวดีรังสิต เพราะไม่สามารถซื้อ-ขาย หรือรีโนเวตซ่อมแซม พัฒนาบ้านและที่ดินของตัวเองได้ ขณะเดียวกัน กรุงเทพมหานคร (กทม.) ในฐานะเจ้าหน้าที่ในการเวนคืน ไม่ได้ดําเนินการสํารวจที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่ในแนวเขตที่ดินที่จะถูกเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้

อีกทั้ง คมนาคม และ บขส. ไม่ประสงค์จะย้ายกลับมาหมอชิตเก่าแล้ว รวมถึง กทม. และกรมธนารักษ์ และหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง ก็ไม่ประสงค์จะสร้างทางยกระดับดังกล่าวแล้ว จึงไม่มีความจำเป็นต้องเวนคืนที่ดินตามพระราชกฤษฎีกาอีกต่อไป แต่เนื่องจากพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวจะครบกําหนดการมีผลใช้บังคับ ในวันที่ 22 ส.ค. 2567 นี้ และชาวบ้านในพื้นที่เวนคืนได้ทราบมาว่า มีบางฝ่ายพยายามจะขอต่ออายุของพระราชกฤษฎีกานี้ออกไปอีก เพื่อนำที่ดินดังกล่าวไปเอื้อประโยชน์ให้แก่บริษัทเอกชน จึงขอให้นายกรัฐมนตรีช่วยแก้ไขความเดือดร้อนของประชาชน ด้วยการแจ้งไปยังหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องให้ไปตรวจสอบ และดําเนินการยกเลิกการเวนคืนที่ดินตามพระราชกฤษฎีกาข้างต้น.