ดร.จงรัก วัชรินทร์รัตน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (มก.) เปิดเผยว่า มก.ในรอบปี 2566 ภาพรวมมีความโดดเด่น ที่สำคัญที่สุดคือความมีส่วนร่วมและการมีธรรมาภิบาลของผู้บริหาร คณาจารย์ บุคลากร นิสิต รวมทั้งนิสิตเก่า ผู้ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งให้ความช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกันเป็นอย่างดี จึงได้สร้างสรรค์ผลงานออกมาโดดเด่น มีการเปลี่ยนแปลงหลายมิติ เป็น S-Curve ที่ 2 มุ่งสู่ด้านสุขภาพ วิทยาศาสตร์สุขภาพ สาธารณสุข เชื่อมต่อกับความเข้มแข็งเดิมที่มีอยู่คือด้านเกษตร อาหาร ป่าไม้ สิ่งแวดล้อม สัตวแพทย์ มีการจัดตั้งคณะแพทยศาสตร์ พยาบาลศาสตร์ เปิดหลักสูตรใหม่ทั้งระดับปริญญาตรี ปริญญาโท และปริญญาเอกทางด้านสุขภาพ หลักสูตรดิจิตอลทางด้านชีวการ แพทย์ วิศวะทางด้านการแพทย์ ดิจิตอลที่เกี่ยวข้องทางการเงิน และอื่นๆรองรับการเรียนรู้สมัยใหม่ มีการระดมทุนเพื่อสนับสนุนการสร้างโรงพยาบาล ภายใต้โครงการอุทยานการแพทย์ ผ่านการจัดกิจกรรมหลากหลาย นอกจากนี้ มก.ยังเป็นมหา วิทยาลัยแรกๆที่ให้ความสำคัญกับเรื่อง non-degree ที่ตอบสนองต่อคนในวัยทำงาน ผู้สูงวัย ซึ่งเป็นสิ่งที่ประเทศชาติกำลังจะขาดแคลนทั้งแรงงาน ทั้งองค์ความรู้ต่างๆที่จะต้องให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกยุคปัจจุบัน
ดร.จงรักกล่าวต่อว่า สำหรับปี 2567 มก.จะขับเคลื่อนเรื่องสุขภาพ เน้นเกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืนเป็นต้นแบบของการเป็นมหาวิทยาลัยสีเขียวมหาวิทยาลัยแห่งความสุข มหาวิทยาลัยที่มีความยั่งยืน ซึ่งตอบโจทย์เป้าหมายความยั่งยืน SDG ของโลกด้วย มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ได้รับการจัดอันดับเป็นมหาวิทยาลัยสีเขียวอันดับต้นๆของประเทศ ซึ่งครองแชมป์อันดับ 1 มาหลายปี อยู่ในระดับท็อป อันดับที่ 38 ของโลก มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ได้กำหนดยุทธศาสตร์โดยมีเป้าหมายเข้าสู่สังคมความเป็นกลางทางคาร์บอน carbon neutrality ภายในปี ค.ศ.2035 คือปลดปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์แต่น้อย ในขณะเดียวกันก็ดูดคาร์บอนไดออกไซด์ผ่านการปลูกป่าผ่านการทำพื้นที่เกษตร พร้อมทั้งลดการใช้พลังงานให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ จนกระทั่งมีความเป็นกลางทางคาร์บอน และตนเชื่อมั่นว่า พลังของชาว มก. จะทำให้ประเทศไทยแข่งขันได้อย่างทัดเทียมมหาวิทยาลัยต่างๆของโลกและทำให้ประเทศไทยมีความเข้มแข็งได้แน่นอน.
...
อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่