เชื่อว่า พ่อแม่ทุกคนอยากเห็นลูกเติบโตมีพัฒนาการที่ดี พยายามให้ลูกได้กินอาหารครบหมู่ ให้ลูกได้เล่ นได้ออกกำลังกาย อย่างพอเหมาะ และได้นอนหลับอย่างเต็มอิ่ม แต่ยังมีบางเรื่องที่พ่อแม่อาจมองข้าม หรือยังไม่เห็นความสำคัญ ทั้งที่เกี่ยวข้องกับพัฒนาการของลูกเช่นกัน
นั่นคือการให้ลูกสวมหมวกกันน็อกทุกครั้ง เพราะจากผลสำรวจของกรมขนส่งทางบก พบว่าผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุการขับขี่รถจักรยานยนต์ 75.6% ไม่สวมหมวกกันน็อก และมีเด็กไทยเพียง 7% เท่านั้นที่พ่อแม่ใส่หมวกกันน็อกให้ระหว่างเดินทาง
นอกจากความอันตรายถึงแก่ชีวิต ยังมีอีกประเด็นสำคัญก็คือ ผลกระทบทางสมองจากการบาดเจ็บที่ศีรษะ เนื่องจากภายในกะโหลกศีรษะมีสมอง ซึ่งเป็นอวัยวะสำคัญที่เกี่ยวพันกับพัฒนาการด้านต่างๆ ของลูก
สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ได้ชวน คุณหมอประชา กัญญาประสิทธิ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมประสาท มาเล่าประสบการณ์การรักษาเด็กน้อยที่ประสบอุบัติเหตุ และอธิบายถึงความสำคัญของสมอง เพื่อมุ่งหวังให้พ่อแม่ผู้ปกครองเห็นความสำคัญของการสวมหมวกกันน็อก เพื่อปกป้องสมองน้อยๆ ของลูก
“กรณีที่เจอบ่อยคือ ลูกนั่งซ้อนข้างหน้าแม่ที่เป็นคนขับ แล้วเกิดอุบัติเหตุ ลูกหัวกระแทกโดยไม่ได้สวมหมวกกันน็อก เคสหนึ่งที่เจอคือ กะโหลกแตก ยุบลงไป สภาพเหมือนลูกปิงปองบุบ”
“โชคดีที่เด็กคนนั้นสมองยังไม่หลวม กะโหลกยังไม่โตเต็มที่ ยังมีความยืดหยุ่น และแรงกระแทกไม่ได้ทำให้เลือดออกหรือมีเลือดคั่ง เลยสามารถช่วยชีวิตไว้ได้”
อย่างไรก็ตาม คุณหมอประชายังได้ย้ำว่า สมองเป็นอวัยวะสำคัญที่เปราะบาง หากเด็กๆ ไม่ได้สวมหมวกกันน็อก แล้วศีรษะถูกกระแทก อาจส่งผลกระทบต่อลูกหลายด้าน เพราะสมองแต่ละส่วนมีหน้าที่สำคัญหลายอย่าง
“สมองแบ่งเป็น 2 ส่วนใหญ่ๆ ได้แก่ สมองส่วนหน้า กับ สมองน้อยด้านหลัง ที่รวมถึงก้านสมอง โดยหน้าที่ส่วนใหญ่ของสมองส่วนหน้า จะทำให้มนุษย์มีความแตกต่างจากสัตว์ เช่น ทำหน้าที่ควบคุมความรู้สึกนึกคิด นิสัยใจคอ ความยับยั้งชั่งใจ การเข้าสังคม รวมถึงการควบคุมการเคลื่อนไหว ถ้าสมองส่วนนี้กระทบกระเทือน อาจทำให้พฤติกรรมเปลี่ยน ทำอะไรแปลกประหลาดจากคนทั่วไป และยังมีสมองซีกซ้าย ทำหน้าที่เกี่ยวกับทักษะการพูด หากสมองส่วนนี้ของลูกบาดเจ็บ อาจทำให้เขาคิดอย่าง พูดไปอีกอย่าง หรือมีปัญหาในการทำความเข้าใจภาษา
ส่วนสมองส่วนด้านหลังและก้านสมอง จะควบคุมการหายใจ และการเต้นของหัวใจ แน่นอนว่า ถ้าเกิดปัญหากับสมองส่วนนี้ ย่อมส่งผลต่อการใช้ชีวิตของลูกเช่นกัน”
ท้ายสุดคุณหมอประชาได้ย้ำว่า อยากให้ผู้ขับขี่ทุกคน ไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่ คนขับหรือคนซ้อน สวมหมวกกันน็อกทุกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางใกล้หรือไกล เพราะการป้องกันย่อมดีกว่าการรักษา โดยเฉพาะการรักษาสมอง ไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างแน่นอน!
กดติดตามข้อมูลข่าวสาร แคมเปญที่น่าสนใจ และกิจกรรมดีๆ จาก สสส. เพิ่มเติมได้ที่ :
Facebook : Social Marketing Thaihealth by สสส.
Line : @thaihealththailand
Tiktok: @thaihealth
Youtube: SocialMarketingTH
Website : Social Marketing การตลาดเพื่อสังคม