นับตั้งแต่ ปี 2560 ที่เริ่มมีการจัดประกวด “ThaiHealth Inno Awards” โดยการขับเคลื่อนของ สสส. จนมาถึงการยกระดับเป็นรางวัลระดับชาติ “Prime Minister’s Award for Health Promotion Innovation” เพื่อการสร้างต้นแบบ และไอเดียนวัตกรรมมากมาย ได้กลายมาเป็นดอกผลแท้จริงที่เกิดกับสังคม หลายต่อหลายนวัตกรรมคือแรงหนุนสำคัญต่อการเสริมสร้างสุขภาวะในสังคมไทยมาอย่างต่อเนื่อง และในปี 2566 นี้ ก็นับเป็นอีกครั้งที่ผลงานจากนวัตกรจำนวนกว่า 250 คน จาก 55 ทีม จะได้หลอมรวมเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ขึ้นสู่การขับเคลื่อนสังคมในอนาคต ทั้งนี้ “Prime Minister’s Award for Health Promotion Innovation 2023” ได้ประกาศผู้ชนะการประกวดประเภทต่างๆ ไปเมื่อเร็วๆ นี้ สร้างความปลาบปลื้มมาสู่นวัตกรรุ่นใหม่ในฐานะรางวัลแห่งความทุ่มเทอีกด้วย

จากแนวคิด สู่การเรียนรู้ และลงมือทำ

นวัตกรรมคือจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงที่ดีในหลายด้าน เพราะนวัตกรรมคือพลังแห่งความคิด เหตุนี้เอง สสส. หรือสำนักงานกองทุนสนับสนุนการเสริมสร้างสุขภาพ จึงได้ให้ความสำคัญมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเปิดเวทีสำหรับนวัตกรรุ่นใหม่ๆ ให้ได้ต่อยอดแนวคิดสู่การเรียนรู้ และลงมือทำจริง ซึ่ง ดร.สุปรีดา อดุลยานนท์ ผู้จัดการกองทุน สสส. กล่าวเน้นย้ำว่า ความสำเร็จของ สสส. ในการทำงานเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงด้านพฤติกรรมสุขภาพสู่การมีสุขภาวะที่ดีขึ้นของคนไทยในกว่า 22 ปีที่ผ่านมา เกิดขึ้นได้จาก “นวัตกรรม” นี้เอง นวัตกรรมจึงไม่ใช่เพียงคำสวยงาม แต่คือไอเดีย หรือแนวคิดใหม่ ที่สามารถผลักดันและต่อยอดสู่ผลลัพธ์ได้ สสส. กับการสร้างนวัตกรรมจึงเดินทางมาคู่กัน ในขณะที่เวที “Prime Minister’s Award for Health Promotion Innovation” ก็เป็นพลังเสริมที่ดี เนื่องจากในแต่ละปีจะมีนวัตกรรุ่นใหม่ๆ มาพร้อมไอเดียใหม่ที่มีพลังต่อการขับเคลื่อนและเปลี่ยนแปลงสังคมได้มากขึ้น

รศ.นพ.สรนิต ศิลธรรม กรรมการกองทุน สสส. ในฐานะประธานอำนวยการจัดประกวดฯ ให้ข้อมูลที่น่าสนใจด้วยว่า เวทีนี้เป็นมากกว่าการแข่งขัน เพราะเป้าหมายที่แท้จริงคือการสร้างและบ่มเพาะนวัตกรรุ่นใหม่ และปลายทางคือการมีนวัตกรรมที่เป็นประโยชน์และมีคุณค่าต่อสังคม ทั้งนี้ รศ.นพ.สรนิต ได้เปิดเผยว่า Prime Minister’s Award for Health Promotion Innovation 2023 ปีนี้ได้เริ่มต้นเปิดรับสมัครผู้เข้าร่วมโครงการในช่วงวันที่ 15 มิถุนายน ถึง 25 กรกฎาคม 2566 จนถึงคัดเลือกผลงานที่ผ่านรอบแรกในช่วงเดือนสิงหาคม ก่อนจะได้นวัตกรถึงกว่า 250 คน เข้าร่วมกิจกรรมพัฒนาศักยภาพตลอด 4 เดือน โดยเป็นกิจกรรมที่ช่วยเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการเสริมสร้างสุขภาพ และทำความเข้าใจเกี่ยวกับความเหลื่อมล้ำทางด้านสุขภาพในสังคม เพื่อให้สามารถตกผลึกความคิดได้ ก่อนจะได้เรียนรู้กระบวนการด้านต่างๆ จากผู้เชี่ยวชาญและผู้ทรงคุณวุฒิ เพื่อสร้างสรรค์นวัตกรรม และต่อยอดไปสู่ความยั่งยืน ตั้งแต่กระบวนการพัฒนานวัตกรรม การพัฒนาแผนธุรกิจ การต่อยอดผลงาน รวมถึงแนวทางสร้างความยั่งยืน ซึ่งสอดรับกับแนวทางที่ว่า เวที Prime Minister’s Award for Health Promotion Innovation คือการบ่มเพาะนวัตกรรุ่นใหม่ที่จะก้าวเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างการเปลี่ยนแปลงในอนาคต

Prime Minister’s Award for Health Promotion Innovation 2023

สำหรับการประกวดในปี 2566 นี้ได้ประกาศผลผู้ชนะอย่างเป็นทางการ โดยได้รับเกียรติจากรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข “สันติ พร้อมพัฒน์” เป็นประธานในพิธีและมอบรางวัลแก่ผู้ชนะการประกวดในประเภทต่างๆ ได้แก่ ประเภทมัธยมศึกษาตอนปลาย ประเภทอาชีวศึกษา (ปวช. หรือเทียบเท่า) ประเภทประชาชนทั่วไป และ Startup : กลุ่มไอเดียนวัตกรรม ประเภทประชาชนทั่วไป และ Startup : กลุ่มต้นแบบนวัตกรรม และประเภทภาคี สสส. ณ ศูนย์การประชุม อิมแพ็ค ฟอรั่ม เมืองทองธานี

ทั้งนี้ยังได้จัดแสดงผลงานของผู้ที่ผ่านการเข้ารอบกว่า 55 ผลงาน เพื่อให้เห็นถึงแนวคิดและพลังเพื่อการเปลี่ยนแปลงสังคมจากจุดเล็กๆ ผ่านนวัตกรรม โดยเฉพาะในแง่มุมที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมที่นำไปสู่การเกิดโรค NCDs ซึ่งเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตของคนไทยกว่า 400,000 คน ต่อปี ยกตัวอย่างนวัตกรรมเครื่องแจ้งเตือนจุดอับสายตาสำหรับรถจักรยานยนต์ จากทีม RSP Prevent CTCs (วิทยาลัยการอาชีพนวมินทราชูทิศ กรุงเทพมหานคร) ก็เป็นหนึ่งในผลงานนวัตกรรมจากนักศึกษาจากประเภทอาชีวศึกษา (ปวช. หรือเทียบเท่า) ที่แสดงให้เห็นความตั้งใจจริงในการสร้างสรรค์ผลงานเพื่อให้นำไปต่อยอดใช้งานจริงเพื่อลดอุบัติเหตุ โดยเริ่มต้นสร้างผลงานจากการให้ความสำคัญที่จุดเล็กๆ ทั้งนี้เป็นผลงานที่ได้ทดสอบว่ามีคุณภาพในการแสดงผลช่วยให้ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ระมัดระวังในการขับขี่มากยิ่งขึ้น มากกว่าร้อยละ 95

หลายผลงานของนวัตกรรุ่นใหม่ในกลุ่มเยาวชนที่นำเสนอในครั้งนี้ ยังทำให้เห็นด้วยคนรุ่นใหม่มีความเข้าใจและใส่ใจต่อความเป็นไปในสังคมมากขึ้น ขณะเดียวกันนวัตกรก็สะท้อนผ่านผลงานที่จะสามารถนำไปต่อยอดพัฒนาความคิดความเข้าใจในสังคมได้ด้วย ยกตัวอย่างผลงานที่มีความตั้งใจจริงจะเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยให้เด็กและเยาวชนไทยสามารถรับมือกับการกลั่นแกล้งหรือบูลลี่ได้ ซึ่งทีม New Poly Team V.2 (วิทยาลัยเทคโนโลยีโปลีเทคนิคลานนา เชียงใหม่) ได้นำเสนอผ่านบอร์ดเกมเศรษฐี ที่นำความสนุกและความรู้มาผสมผสานกัน และตั้งใจส่งต่อแนวคิดนี้สู่นักเรียน และโรงเรียนต่างๆ เพื่อสร้างเครื่องมือทางความคิดที่แข็งแรงในการรับมือกับการกลั่นแกล้งในโรงเรียน ทั้งนี้ผลงานนวัตกรรมชิ้นนี้ยังได้รับรางวัลชนะเลิศจากประเภทอาชีวศึกษา (ปวช. หรือเทียบเท่า) อีกด้วย

นอกจากนี้ยังมีผลงานนวัตกรรมอีกหลายผลงานจากหลายกลุ่มประเภท ที่ใช้ความรู้ความสามารถจากเทคโนโลยีเข้ามาผสานกับความเข้าใจที่มีต่อสังคม กลายเป็นผลงานที่มีประโยชน์อย่างมากอีกด้วย ยกตัวอย่าง ผลงานจากประเภทประชาชนทั่วไปและ Startup : กลุ่มไอเดียนวัตกรรม จากทีม AiHUB ที่นำเสนอนวัตกรรมระบบประยุกต์การใช้งานปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อเชื่อมโยงการกะพริบตากับการสื่อสารกับผู้ดูแล ออกแบบมาสำหรับผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียง รวมถึงผู้พิการ โดยผลงานนวัตกรรมชิ้นนี้ยังเป็นผลงานที่ได้รับรางวัลชนะเลิศในประเภท ประชาชนทั่วไปและ Startup : กลุ่มไอเดียนวัตกรรม อีกด้วย รวมทั้งยังมีนวัตกรรมที่เป็นแอปพลิเคชันน่าสนใจอย่างแอปพลิเคชัน Blind Help ที่สนับสนุนการดูแลสุขภาพของคนพิการทางการมองเห็น จากทีม INDIS (บริษัท การวิจัยนวัตกรรมเพื่อคนพิการ จำกัด) จากประเภทประชาชนทั่วไปและ Startup : กลุ่มต้นแบบนวัตกรรม ที่แสดงออกถึงความมุ่งมั่นสร้างนวัตกรรมเพื่อผู้พิการ โดยแอปพลิเคชันนี้สร้างสรรค์มาเพื่อให้ผู้พิการทางสายตาสามารถดูแลตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ผ่านการอ่านออกเสียงจากโทรศัพท์มือถือ เป็นต้น

นอกจากได้เห็นพลังความคิดจากเยาวชนไทยแล้ว เวที Prime Minister’s Award for Health Promotion Innovation จึงเป็นอีกเวทีสำหรับนวัตกรรุ่นใหม่ในภาคประชาชนและ Startup ที่มีความตั้งใจจริงในการสร้างผลงานที่มีพลังต่อการขับเคลื่อนสังคมร่วมด้วย คุณณรงค์รัตน์ สวัสติกานนท์ (นักกายภาพบำบัดเชี่ยวชาญ) และคุณกัญญาลักษณ์ อุตรชน (นักกิจกรรมบำบัด) จากภาควิชาเวชศาสตร์ฟื้นฟู คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จากทีม CONCAVOO cushion ที่ได้ร่วมกันสร้างสรรค์นวัตกรรมเป็นเบาะรองนั่งที่สามารถแจ้งเตือนให้สามารถขยับหรือยกก้นตามเวลาที่กำหนดเพื่อลดแรงกดทับสำหรับผู้พิการ กล่าวว่าเวทีนี้คือจุดเริ่มต้นหนึ่งที่จะทำให้ผลงานที่สร้างสรรค์ขึ้น ได้รับการมองเห็นมากขึ้น จนที่สุดแล้วก็จะสามารถสร้างประโยชน์ที่แท้จริงสำหรับกลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้นเช่นกัน และในฐานะ Startup ที่ทำงานเพื่อสังคมแล้ว สิ่งนี้ถือเป็นพลังใจอย่างหนึ่งที่ได้รับจากเวทีนี้ด้วย ซึ่งผลงานจากทีม CONCAVOO cushion ยังเป็นผลงานที่ได้รับรางวัลชนะเลิศจากประเภทประชาชนทั่วไป และ Startup : กลุ่มต้นแบบนวัตกรรม บนเวทีนี้อีกด้วย

เช่นเดียวกันกับทีมทรงดี ในนามประชาชนทั่วไปที่เป็น Startup ซึ่งนำเสนอผลงานเป็นอุปกรณ์เซนเซอร์ไร้สายเพื่อประเมินความเสี่ยงต่อการล้มในผู้สูงอายุ โดยทีมนักวิจัยจากคณะเทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ นำโดย ผศ.ดร. ศิริพันธุ์ คงสวัสดิ์ และ ผศ.ดร.กิตติชัย วรรธนะจิตติกุล ที่กล่าวว่าความสำเร็จอย่างหนึ่งของการวิจัยและสร้างสรรค์ผลงานคือการได้รับการสนับสนุน และหากผลงานเป็นประโยชน์ในวงกว้างขึ้น และมอบผลลัพธ์ที่ได้สำหรับกลุ่มเป้าหมายได้ดีด้วยแล้ว ก็นับได้ว่าเป็นความสำเร็จที่แท้จริง จึงขอชื่นชมว่า เวที Prime Minister’s Award for Health Promotion Innovation และการสานพลังจาก สสส. เป็นจุดเริ่มต้นสำคัญที่จะทำให้ไอเดียตั้งต้นเหล่านี้ งอกเงยเป็นดอกผลที่สวยงามขึ้นได้ต่อสังคม

นอกจากความสำเร็จของ Prime Minister’s Award for Health Promotion Innovation 2023 ที่เป็นรูปธรรมซึ่งมองเห็นได้ผ่านผลงานนวัตกรรมต่างๆ จากนวัตกรรุ่นใหม่ในครั้งนี้แล้ว สสส. ในฐานะองค์กรที่สร้างและสนับสนุนให้เกิดนวัตกรรมสร้างเสริมสุขภาพใหม่ๆ ยังพร้อมจะเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันให้นวัตกรรมที่ได้รับการพัฒนาจากการประกวดเหล่านี้ เดินหน้าไปสู่การใช้ประโยชน์ได้จริงให้มากขึ้นอีกด้วย ขณะเดียวกันก็พร้อมเป็นพลังหนุนสำหรับนวัตกรรุ่นใหม่ที่ยังมีไฟต่อการเปลี่ยนแปลงสังคมเข้ามาร่วมเดินทางร่วมกันเสมอเช่นกัน