“BA.2.86.X” ไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ย่อยในยุโรป มีสัดส่วนการตรวจพบสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ทั้งเบลเยียม เดนมาร์ก ฝรั่งเศส เนเธอร์แลนด์ สเปน สวีเดน และสหราชอาณาจักร
ในขณะที่อเมริกา ข้อมูลจาก US CDC ช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ชี้ให้เห็นว่ามีสัดส่วนตรวจพบเพิ่มขึ้นถึง 3 เท่า ในรอบ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา

US CDC คาดประมาณสถานการณ์ชัดเจนว่ามีอัตราการตรวจพบมากขึ้น โดยเฉลี่ยแล้วอยู่ในระดับ 8.8% มากน้อยแตกต่างกันไปในแต่ละรัฐ
สอดคล้องกับข้อมูลจาก Steiger D ชี้ให้เห็นว่า สวิตเซอร์แลนด์ มีการตรวจพบ BA.2.86.x ราว 22.8% โดยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ในแต่ละเขตปกครอง
ในขณะที่ Zou X นำเสนอข้อมูลในสิงคโปร์ พบว่ามีอัตราการตรวจพบในสัปดาห์ล่าสุด 19-25 พ.ย. สูงถึง 45.9%
ทั้งนี้ ข้อมูลจากทั่วโลกพบว่าสายพันธุ์ย่อยของ “BA.2.86” ที่ตรวจพบมากที่สุดขณะนี้คือ “JN.1” (BA.2.86.1.1) ซึ่งมีสมรรถนะในการขยายตัวสูงกว่าสายพันธุ์อื่นๆที่กำลังระบาดในปัจจุบัน
น่าสนใจว่า...ใน “ประเทศไทย” ตอนนี้หากเหลียวมองรอบตัว มีคนที่ติดเชื้อใหม่ และป่วยเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน
...
“การป้องกันตัว ใส่ใจสุขภาพ เป็นสิ่งที่ควรทำเป็นกิจวัตร...”
รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ โพสต์ในเฟซบุ๊กส่วนตัว “Thira Wora tanarat (ป๊ามี้คีน)” ให้ข้อมูลความรู้เกี่ยวกับไวรัสร้าย “โควิด-19” ที่ยังไม่จบง่ายๆอีกว่า สถานการณ์ในเดนมาร์กและสิงคโปร์...เดนมาร์กนั้น BA.2.86.x ครองสัดส่วนหลักแซง EG.5.1 ไปแล้ว
ส่วนสิงคโปร์ EG.5.1 ลดลงต่อเนื่อง ในขณะที่ BA.2.86.x นั้นกำลังไต่ขึ้นอย่างรวดเร็ว จะแซงได้ในไม่ช้า

“การรับรู้สถานการณ์อย่างถูกต้อง ทันเวลา จะทำให้เราเข้าใจธรรมชาติการระบาดและประเมินสถานการณ์ของเราได้ เพราะการระบาดทั่วโลกท่ามกลางการเดินทางไปมาหาสู่ ท่องเที่ยว ค้าขายกันระหว่างประเทศนั้น ย่อมทำให้ลักษณะสายพันธุ์ของประเทศต่างๆ เป็นไปในลักษณะที่คล้ายคลึงกันเป็นส่วนใหญ่”
ผลกระทบจะมากน้อยแตกต่างกันที่ระดับ “ความใส่ใจสุขภาพ” ของประชาชน
ตอกย้ำด้วยข้อมูลจาก Murrell B จาก Karolinska Institute ประเทศสวีเดน ชี้ให้เห็นว่า “JN.1” ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มของ “BA.2.86.x” นั้นมีสมรรถนะในการขยายการระบาดสูงกว่าตัวอื่นๆอย่างมาก
หากเทียบกับสายพันธุ์ EG.5.1.1 แล้ว JN.1 นั้นมีสมรรถนะในการขยายการระบาดสูงกว่าถึง 2.4 เท่า เราจึงไม่แปลกใจเลยที่ประเทศต่างๆกำลังเผชิญหน้ากับ BA.2.86.x มากขึ้นอย่างต่อเนื่องหลากหลายทวีปทั่วโลก
“การดำรงชีวิตอย่างมีสติ ไม่ประมาท ป้องกันตัวสม่ำเสมอ เป็นสิ่งที่ควรทำ”
ต้องยอมรับความจริงที่ว่า...“โอมิครอน” นั้นมีการแตกหน่อต่อยอดไปมากมายกว่าพันสายพันธุ์ย่อย...ในขณะที่การระบาด
ปัจจุบันนั้นมีหลากหลายสายพันธุ์ย่อยที่กำลังลงสนามแข่งกันอยู่

ตัวที่ทั่วโลกจับตามองอย่างใกล้ชิดคือ “BA.2.86” นั้น จะพบว่าตอนนี้ออกลูกหลานไปถึง 22 ตัว ดังนั้นข่าวประเภทที่แพร่กันว่า “โควิดเหมือนไข้หวัดใหญ่” นั้นจึงไม่เป็นความจริงครับ
รศ.นพ.ธีระ ย้ำว่า ปัจจุบันการระบาดของโรคโควิด-19 ยังไม่ได้เป็นไปตามฤดูกาล อีกทั้งการทำนายการเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์ หรือการกลายพันธุ์นั้นยังทำได้ยาก
...
ประเด็นสำคัญมีว่า...อัตราการกลายพันธุ์ของไวรัสโรคโควิด-19 นั้นมากกว่าไวรัสไข้หวัดใหญ่หลายเท่า
ในส่วนของการป่วยเป็น “โควิด-19” ไม่ได้ชิลๆแบบ “ไข้หวัด” หรือ “ไข้หวัดใหญ่” และมีความเสี่ยงต่อปัญหาภายหลัง ทั้งเรื่องอาการผิดปกติของระบบต่างๆของร่างกาย รวมถึงโรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน
“...ไม่ควรหลงเชื่อข่าวลวง งานวิจัยทั่วโลกมีมากมายที่ได้รับการนำเสนอจากแหล่งข้อมูลและหน่วยงานต่างๆที่เชื่อถือได้ ดังที่นำเสนอให้ทราบกันมาโดยตลอด
...การป้องกันตัวอย่างสม่ำเสมอ ใส่ใจสุขภาพ เป็นหัวใจสำคัญในการดำรงชีวิตประจำวันครับ”

สถานการณ์ปัจจุบันข้อมูลจากองค์การอนามัยโลก ชี้ให้เห็นว่า “โอมิครอน” สายพันธุ์ย่อย “BA.2.86.x” นั้นเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ...อัตราเพิ่มขึ้นสองเท่าทุกๆ 2 สัปดาห์
ประเมินว่า คริสต์มาสถึงปีใหม่อาจครองสัดส่วนอย่างน้อยหนึ่งในสาม ในเดือนมกราคม 2567 น่าจะเป็นช่วงที่ครองสัดส่วนหลักของการระบาดทั่วโลก
เทศกาลต่างๆถัดจากนี้ไป คงมีจำนวนผู้ป่วยติดเชื้อ และป่วยนอนโรงพยาบาลมากขึ้น หากไม่ป้องกันตัวกันให้ดี...ย้ำว่าติดเชื้อไม่ใช่เรื่องสนุก ไม่ชิลๆ แต่รุนแรงได้ ตายได้ และเสี่ยงต่อลองโควิด อีกด้วย
...
ผู้ที่มีความเสี่ยงควรประเมินความเสี่ยงของตนเองและเฝ้าสังเกตอาการป่วย
แนะนำว่า...การตรวจด้วย ATK ในช่วงวันแรกๆหลังจากที่เริ่มมีอาการนั้นมีความไวลดลงเหลือ 30-60% จึงมีโอกาสที่จะทำให้ตรวจได้ผลลบปลอม ทั้งๆที่ติดเชื้ออยู่ โดยไวรัสจะพีกช่วงวันที่ 4–5 หลังมีอาการ
ดังนั้นหากป่วยและตรวจในช่วง 3 วันแรกแล้วได้ผลลบ อย่า ชะล่าใจควรตรวจซ้ำในช่วงวันที่ 4-5 ด้วย

ตัวเลขวิเคราะห์การระบาดของไทยที่ผ่านมา...ถือว่ามีจำนวนมากที่สุดในรอบหลายเดือน ในสถานการณ์เช่นนี้ จำนวน “ติดเชื้อจริง” ในแต่ละวัน ประเมินว่าจะมีแนวโน้มที่สูงกว่าเดิมที่คาดประมาณข้างต้นราวเท่าตัว
ในวันที่รอบๆตัวเราทุกคนมีความสุ่มเสี่ยงเช่นนี้ ฝากทุกคนไว้ว่า...ใช้ชีวิตโดยมีสติ ใช้ปัญญาไตร่ตรองติดตามความรู้ที่ถูกต้อง และทันต่อสมัย
“ทำเต็มที่ในสิ่งที่สามารถทำได้ก็จะไม่เสียใจหรือเสียดาย เวลาประสบปัญหา เพราะทำเท่าที่ทำได้อย่างดีแล้ว”
อีกทั้งต้องไม่หลงต่อคำลวง กิเลส และเรียนรู้บทเรียนในอดีตที่ผ่านมา ไม่ตกไปสู่กับดักซ้ำซาก เพราะสุดท้ายเมื่อเกิดปัญหาก็ต้องเผชิญและหาทางรอด ต่อสู้ดิ้นรนกันเองทั้งสิ้น
...
ย้ำอีกครั้งว่า ยังไม่โอเว่อร์ และ let it rip...เป็นหนทางสู่หายนะของเหยื่อ ตอนนี้ “ขาขึ้น” ชัดเจน ขอให้มีสติกันมากๆ...แล้วจะแก้ตัวได้ยากมากขึ้น...หากเกิดปัญหาขึ้นมา
วิธีที่ดีสําหรับการอยู่กับ “โควิด-19” ในขณะนี้คือ “อยู่อย่างมีสติด้านสุขภาพอย่าปล่อยให้มันขาด...โควิด-19 ยังไม่จบ”.
คลิกอ่านคอลัมน์ “สกู๊ปหน้า 1” เพิ่มเติม