เปิดปากกับภาคภูมิ พูดคุยกับหลายฝ่าย หลัง ตา-ยาย ร้องโดนวางยาหวังฮุบสมบัติ 500 ล้าน ล่าสุดผลตรวจเส้นผมออกแล้ว ขณะที่ทนายฝั่งลูกสาวคนเล็กโผล่ให้ข้อมูลอีกด้าน

วันที่ 2 พฤศจิกายน 2566 ในรายการ "เปิดปากกับภาคภูมิ" ทางไทยรัฐทีวี ช่อง 32 ดำเนินรายการโดย นายภาคภูมิ พันธุ์สถิตย์ ได้พูดคุยถึงกรณี "ตา-ยาย ร้อง โดนวางยาหวังฮุบสมบัติ 500 ล้าน" 

สืบเนื่องจากก่อนหน้านี้ 2 ตายายมาร้องเรียนกับเพจสายไหมต้องรอดว่า ถูกลูกสาวคนเล็กวางยาเพื่อฮุบสมบัติกว่า 500 ล้านบาท ผ่านการโอนทรัพย์สินต่างๆ ไปเป็นชื่อลูกสาวคนเล็กโดยไม่รู้ตัว และนำเงินไปใช้ จนนำมาสู่การพาสองตายายไปตรวจเส้นผม เพื่อหาสารพิษ ที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม (ยธ.)

โดยผลการตรวจเส้นผมคุณตาคุณยายพบว่า ตัวอย่างที่ได้มาจากเส้นผมของคุณตามีความยาวเพียง 5.2 เซนติเมตร จึงทำให้ย้อนกลับไปได้เพียงแค่ 5 เดือน คือประมาณเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา จึงไม่พบตัวยาที่ผิดปกติ พบเพียงแต่ยาที่ทานตามปกติเพื่อรักษาอาการ 3-4 ตัว

...

ส่วนผมของคุณยายมีความยาวถึง 13.7 เซนติเมตร สามารถตรวจย้อนไปถึงเดือนสิงหาคม 2565 จึงมีการตรวจเปรียบเทียบกันในช่วงเดือนพฤษภาคม 2566 กับเดือนสิงหาคม 2565 ที่อยู่กับลูกสาวคนเล็ก พบว่าทั้งสองช่วงเวลามียาที่คุณยายทานรักษาอาการปกติประมาณ 3-4 ตัว แต่ในช่วงเดือนสิงหาคม 2565 ปรากฏว่ามีสารยาถึง 6-7 ตัว โดยตัวที่เพิ่มมา 2-3 ชนิด พบว่าเป็นยารักษาอาการแก้ปวดชนิดรุนแรง เชื่อว่าเป็นยาที่ทานในระหว่างอยู่กับลูกสาวคนเล็ก (อ่านข่าว ผลตรวจออกแล้ว เส้นผม 2 ตา-ยาย พบสารกล่อมประสาท ลูกสาววางยาฮุบสมบัติ)

ทั้งนี้ คุณภัทร หลานสาวของตายาย เปิดเผยว่า เมื่อปี 2563 คุณยายไปอยู่กับลูกสาวคนเล็ก เนื่องจากมีปัญหากันเล็กน้อย ทางคุณแม่จึงตัดปัญหาว่าในเมื่อคุณยายเลือกอยู่กับลูกสาวคนเล็ก ก็ต่างคนต่างอยู่ 

จนเดือนเมษายน 2566 คุณแม่ได้ยินเสียงคนร้องไห้อยู่ข้างรั้ว จนตามหาที่มาและพบว่าเป็นคุณยาย จึงไปรับคุณตาคุณยายออกมา หลังจากออกมาแล้ว คุณยายได้รบเร้าคุณแม่ให้พาไปเบิกเงินที่ธนาคาร เพื่อจะนำเงินไปทำบุญ แต่ช่วงนั้นติดสงกรานต์ คุณแม่จึงยังไม่พาไป 

ส่วนสาเหตุที่คุณยายร้องไห้ มาทราบตอนหลังจากคุณยายว่า เพราะไม่สามารถอยู่บ้านหลังนั้นได้แล้ว อยากมีอิสรภาพ ซึ่งช่วงแรกท่านเล่าไม่ปะติดปะต่อ แต่ด้วยความที่เราอยู่ใกล้ชิดกัน จึงพยายามเอาคำมารวมกัน และจากการตรวจสอบเรื่องทรัพย์สินต่างๆ มูลค่ารวม 500 ล้านบาท พบว่าที่ดิน 100 กว่าไร่ และเงินถูกโอนไปเป็นชื่อลูกสาวคนเล็ก

คุณภัทร กล่าวอีกว่า เรื่องที่ทางเจ้าหน้าที่บอกว่า วันโอนที่ดินคุณตาคุณยายพูดจารู้เรื่อง คาดว่าช่วงนั้นเป็นช่วงแบ่งแยกที่ดินบ่อย ทั้งแบ่งขาย แบ่งให้คุณแม่ ทำให้คุณตาอาจจะสับสน จากนั้นจึงไปขอความช่วยเหลือกับเพจสายไหมต้องรอด

ด้าน นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด กล่าวว่า จากข้อมูลที่ได้พูดคุยกับคุณตาคุณยายว่ามีอาการเหมือนป่วย อยู่ๆ ที่ดินกับเงินถูกโอนไปโดยที่ไม่รู้ตัว พอฟังแล้วเราก็ต้องหาคำตอบ จึงติดต่อไปยัง นายกองตรี ดร.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีฯ ประจำรองนายกรัฐมนตรี ที่ได้ประสานไปยังสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม

ด้าน นายกองตรี ดร.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีฯ ประจำรองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรื่องเริ่มจากคุณตาพูดให้ฟังว่า สงสัยว่าตัวเองเองจะได้รับยาเสพติดเข้าไปในร่างกาย ซึ่งเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นนานแล้ว สิ่งที่จะตรวจได้คือการตรวจเส้นผม 

ขณะที่ทนายของคุณแหม่ม ลูกสาวคนเล็ก เปิดเผยว่า ตนเองไปยื่นหนังสือที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2566 เพื่อร้องขอความเป็นธรรมให้ตรวจสอบประวัติการรักษาของคุณตาคุณยายทั้งหมด ทุกโรงพยาบาล เพื่อเปรียบเทียบกับสารเคมีที่มีอยู่ในร่างกายและเส้นผมของคุณตาคุณยาย ผลปรากฏว่าตนได้โทรไปสอบถามเมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2566 เขาบอกว่าผลจะออกอีก 1 เดือน แต่เมื่อวานมีการแถลงพบตัวยาที่มีความรุนแรงมากกว่าพาราเซตามอล แต่ไม่เท่ามอร์ฟีน 

...

เรื่องนี้ไม่รู้สึกตกใจ เพราะประวัติการรักษาของคุณยายมีทั้งหมด 6 ที่ และมียาที่คุณยายรับประทานอยู่แล้ว จึงอยากถามว่า มั่นใจได้อย่างไรว่ายาที่พบไม่ใช่ยาที่หมอสั่งให้ 

ด้าน นายกองตรี ดร.ธนกฤต กล่าวเพิ่มเติมว่า เมื่อวานนี้ ทางนิติวิทยาศาสตร์เป็นการรายงานผลการตรวจพิสูจน์ของเส้นผมว่าพบอะไรบ้าง ไม่ได้ยืนยันว่ายาที่พบเป็นยาที่ใครให้กิน เป็นการสื่อสารตามข้อเท็จจริง เป็นเพียงการแจ้งผลให้กับผู้ที่ร้องขอให้ตรวจเท่านั้น ดังนั้นผลการตรวจจึงยังไม่ได้อยู่ในคดีความ 

ในเรื่องของการให้สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ขอตัวยาจาก รพ.ต่างๆ ตามเวชระเบียนมาตรวจสอบจะต้องดูข้อกฎหมายด้วย เนื่องจากยาเป็นข้อมูลส่วนตัวของผู้ป่วย หากผู้ป่วยไม่อนุญาตก็ไม่สามารถทำได้ 

ทนายของคุณแหม่ม ลูกสาวคนเล็ก กล่าวอีกว่า ในเรื่องการฟ้องร้อง เรื่องนี้ไม่ขอตอบเพราะเป็นประเด็นในคดี แต่ถ้าเรื่องการวางยา ขอปฏิเสธร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าลูกความไม่เคยวางยาพ่อแม่ เพราะเขาตอบได้ทุกประเด็น เช่น ประวัติการรักษาของคุณตาคุณยาย 

นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องในครอบครัว น่าจะพูดคุยกันในพี่น้อง

...

คุณภัทร กล่าวอีกว่า ตนอยากจะถามทนายว่าคุณรู้ได้อย่างไรว่าเป็นยาอะไร เพราะเราไม่ได้เปิดเผยที่ไหน ซึ่งตนได้ตรวจสอบทุกโรงพยาบาลในจังหวัดนครราชสีมาแล้ว พบว่าคุณยายเคยได้รับยาตัวนี้เมื่อปี 2562 ต้องผ่าตัดรุนแรง ระยะเวลาแค่ 1 วัน หลังจากนั้นแค่สะโพกช้ำ รักษาธรรมดา และปกติคุณตาคุณยายต้องทานยาเบาหวาน ความดัน สลายลิ่มเลือด เพราะคุณตาคุณยายเป็นเส้นเลือดในสมองตีบ.