เจ้าหน้าที่เคลื่อนย้าย "ลูกช้างป่า" พลัดหลงโขลง ไปไว้เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูวัว ตรวจพบมีอาการท้องเสีย รีบรักษาโดยการให้น้ำเกลือและแคลเซียม พร้อมเฝ้าระวังประเมินอาการตลอด 24 ชั่วโมง

วันที่ 14 ก.ย. 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ความคืบหน้าลูกช้างป่าภูวัวพลัดหลงโขลง หลังจากวานนี้เจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูวัว จ.บึงกาฬ นำลูกช้างป่า เพศเมีย อายุประมาณ 2 เดือน ออกจากป่าในพื้นที่บ้านเทพมีชัย ม.7 ต.หนองเดิ่น อ.บุ่งคล้า จุดที่พลัดหลงกับโขลงแม่ช้าง ขึ้นรถยนต์ของเจ้าหน้าที่ เข้าไปไว้ที่บริเวณภายในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูวัว ที่บ้านขามเบี้ย ต.บุ่งคล้า อ.บุ่งคล้า เพื่อง่ายต่อการดูแล ในช่วงที่เจ้าหน้าที่ติดตามหาโขลงของแม่ช้าง และสะดวกต่อการรักษาลูกช้างของเจ้าหน้าที่สัตวแพทย์ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 10 (อุดรธานี) ที่มาดูแลลูกช้างป่า

ขณะที่เจ้าหน้าที่ ได้ทำคอกให้ลูกช้างป่าได้อยู่ พร้อมกับนำฟางก้อนและดินทรายมาปู และทำเป็นที่ให้ลูกช้างได้หลับนอน เดินเล่น ซึ่งมี นายคมกฤต บุญทอง นายอำเภอบุ่งคล้า และนายปราโมทย์ อรกิจ ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดบึงกาฬ ลงพื้นที่เพื่อติดตามความคืบหน้า ลูกช้างพลัดหลง ณ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูวัว อ.บุ่งคล้า พร้อมด้วย ทีมสัตวแพทย์ประจำสำนักพื้นที่อนุรักษ์ที่ 10 (อุดรธานี) กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และทำการตรวจอาการของลูกช้างเบื้องต้น พบว่า ลูกช้างมีอาการท้องเสีย สัตวแพทย์ จึงดำเนินการรักษาโดยให้น้ำเกลือและแคลเซียม เก็บตัวอย่างมูลช้างและเก็บตัวอย่างเลือด เพื่อนำไปตรวจหาอาการต่อไป

...

ทั้งนี้ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูวัว ให้เจ้าหน้าที่ดูแลช้าง เฝ้าระวังประเมินอาการตลอด 24 ชั่วโมง และได้กำชับเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูวัว ให้แจ้งประชาสัมพันธ์ งดการเข้าเยี่ยมชมลูกช้าง จนกว่าอาการลูกช้างจะดีขึ้นต่อไป

ขณะที่ ชุดเคลื่อนที่เร็วและชุดลาดตระเวนของสำนักงานเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูวัว ยังออกติดตามโขลงช้างป่าในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง เพื่อนำลูกช้างส่งคืนโขลงโดยเร็วที่สุด แต่ก็ต้องเผชิญกับความยากลำบาก เพราะสภาพอากาศ มีฝนตกทั้งวัน ทั้งคืนเป็นระยะๆ.