ฝนกระหน่ำหนักทั่วไทย ทำน้ำ ไหลบ่าเข้าท่วมหลายพื้นที่สุดระทึก สะพานคอนกรีตข้ามห้วยงัดห่างทางเข้าสถานีพัฒนาเกษตรที่สูงตามพระราชดำริบ้านสะจุก-สะเกี้ยง ต.ขุนน่าน อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.น่าน ประมาณ 20 เมตร ถูกน้ำป่าซัด ตัดขาด ส่งผล 6 หมู่บ้านไร้ทางสัญจร 27 นักท่องเที่ยวติดค้างในพื้นที่ต้องระดมเจ้าหน้าที่เข้าช่วยเหลือทำสะพานไม้ไผ่พาเดินข้ามห้วยมาอย่างปลอดภัย ขณะที่น้ำท่วมเกาะหลีเป๊ะเริ่มคลี่คลาย หลังระดมเครื่อง สูบน้ำระบายน้ำตลอดคืน
ไทยยังอยู่ในช่วงฤดูฝนที่มีร่องมรสุมพาดผ่าน ทำให้เกิดฝนตกหนักทุกภูมิภาคและเกิดน้ำท่วมในหลายพื้นที่ โดยที่ จ.สตูล กรณีน้ำท่วมขังบนเกาะหลีเป๊ะ หมู่ที่ 7 และ 8 ต.เกาะสาหร่าย อ.เมืองสตูล รวม 5 ชุมชน ต่อมาเมื่อวันที่ 11 ก.ย. อบต.เกาะสาหร่าย และนายเดชณรงค์ อยู่กลาง ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 7 พร้อมชาวเลเกาะหลีเป๊ะยังคงใช้เครื่องสูบน้ำ 3 เครื่อง ระดมระบายน้ำออกจากพื้นที่ที่มีน้ำท่วมขังที่ชุมชนอุเส็น ชุมชนตุโป๊ะ และชุมชนสิเข่ง ด้านนางสิริกัลยา มอญแก้ว รองนายก อบต.เกาะสาหร่าย กล่าวว่า ตอนนี้ระดับน้ำลดลงแล้วและหากฝนไม่ตกหนักลงมาอีก สถานการณ์น้ำท่วมเกาะหลีเป๊ะจะคลี่คลายภายใน 2-3 วัน น้ำท่วมเกาะหลีเป๊ะครั้งนี้หนักกว่าทุกครั้งที่ผ่านมาคือท่วมพื้นที่เป็นวงกว้าง รวมทั้งถนนคนเดินบนเกาะหลีเป๊ะตอนนี้ อบต.เกาะสาหร่ายสำรวจผู้ที่ได้รับผลกระทบพบมีทั้งหมด 400 ครัวเรือน อบต.เกาะสาหร่ายและ อบจ.สตูล ได้จัดถุงยังชีพฝ่ายละ 200 ถุง รวมเป็น 400 ถุง นำไปแจกให้ประชาชนเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้นก่อน
ขณะที่ จ.น่าน จากที่เกิดฝนตกหนักมาตลอดคืนวันที่ 10 ก.ย.ที่ผ่านมา ทำให้สะพานคอนกรีตข้ามห้วยงัดบนทางหลวงท้องถิ่น อบต.ขุนน่าน ถูกตัดขาด โดยจุดที่สะพานขาดห่างทางเข้าสถานีพัฒนาเกษตรที่สูงตามพระราชดำริ บ้านสะจุก-สะเกี้ยง ประมาณ 20 เมตร ในพื้นที่บ้านสะจุก หมู่ที่ 7 ต.ขุนน่าน อ.เฉลิมพระเกียรติ ทำให้ 6 หมู่บ้านของ ต.ขุนน่าน ได้แก่ บ้านเปียงซ้อ บ้านห้วยฟอง บ้านสะจุก บ้านสะเกี้ยง บ้านบวกอุ้ม และบ้านห้วยเต๋ย โรงเรียนบ้านห้วยฟอง โรงเรียนบ้านเปียงซ้อ รพ.สต. 1 แห่ง ศูนย์ กศน. 4 แห่ง และหน่วยทหารพรานฐานสะเกี้ยง 1 แห่ง ได้รับผลกระทบไม่สามารถสัญจรไปมาได้ และมีนักท่องเที่ยวติดค้าง 27 คน ยานพาหนะ 5 คัน อบต.ขุนน่าน ได้นำแผงเหล็กและกรวยยางไปปิดการจราจรบริเวณสะพานดังกล่าว จากนั้นอำเภอเฉลิมพระเกียรติประสานงานเจ้าหน้าที่ทุกหน่วย รวมถึงผู้ใหญ่บ้าน ครู และชาวบ้านระดมให้ความช่วยเหลือเร่งด่วน ด้วยการทำสะพานลำไม้ไผ่ข้ามลำน้ำ กระทั่งเวลาประมาณ 09.14 น. วันที่ 11 ก.ย. นักท่องเที่ยวเริ่มทยอยเดินทางกลับออกมาได้ท่ามกลางฝนที่ยังตกอยู่
...
ขณะที่ในภาคอีสานเจอฝนถล่มน้ำท่วมถนนหนทางสร้างความเดือดร้อนถ้วนหน้า โดยเมื่อช่วงเย็นถึงค่ำวันที่ 10 ก.ย.ที่ผ่านมา เกิดพายุฝนตกหนักในพื้นที่อำเภอเมืองบุรีรัมย์ต่อเนื่องนานหลายชั่วโมง ทำให้น้ำท่วมขังถนนหลายสายในเทศบาลเมืองบุรีรัมย์ สูงกว่า 30-50 เซนติเมตร เช่น ถนนจิระ ถนนสุนทรเทพ ถนนหลักเมือง ถนนอนุวรรตน์ ถนนนคร อินจันทร์ณรงค์ และถนนธานี โดยเฉพาะถนนสุนทรเทพ บริเวณสี่แยกตลาดสดน้ำท่วมสูง 30 เซนติเมตร เป็นระยะทางยาวกว่า 100 เมตร ประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณดังกล่าวได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม และบริเวณถนนอิสาณ ตรงวงเวียนรัฐธรรมนูญ น้ำท่วมสูงกว่า 20 เซนติเมตร ทำให้รถสัญจรผ่านไปมาด้วยความยากลำบาก ต้องใช้เวลากว่า 30 นาที ในการระบายน้ำจึงเข้าสู่สภาวะปกติ
เช่นเดียวกับที่ จ.อุดรธานี หลังฝนตกหนักติดต่อกันมาหลายวันทำให้เกิดน้ำท่วมที่ อ.บ้านดุง โดยเฉพาะที่โรงเรียนบ้านทรายมูล หมู่ที่ 3 ต.บ้านจันทน์ ได้รับความเดือดร้อนทุกครั้งที่ฝนตก เนื่องจากเป็นพื้นที่ต่ำ ทำให้น้ำไหลมารวมที่อาคารเรียน ครูและเด็กนักเรียนช่วยกันเอาที่โกยขยะ ถังน้ำ มาวิดน้ำออกจากอาคารเรียนอย่างทุลักทุเล และครูต้องโทร.ตามหาผู้ปกครองเด็กเล็กให้มารับลูกกลับบ้านทันที
ส่วนที่ จ.กาฬสินธุ์ จากภาวะฝนตกหนัก โดยเฉพาะพื้นที่ อ.กุฉินารายณ์ อ.เขาวง อ.นาคู และ อ.ห้วยผึ้ง ซึ่งอยู่ติดกับเทือกเขาภูพาน ทำให้มีน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมหลายพื้นที่ ล่าสุด นายศุภศิษย์ กอเจริญยศ ผวจ.กาฬสินธุ์ นำคณะมาติดตามและประเมินสถานการณ์ที่บ้านคำโพนทอง ต.สามขา อ.กุฉินารายณ์ ซึ่งเป็นพื้นที่ท้ายน้ำเป็นปลายทางของมวลน้ำที่จะไหลลงสู่ลำน้ำยัง และไหลลงไปยังพื้นที่รับน้ำ จ.ร้อยเอ็ด รวมถึงได้หารือร่วมกับนายอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้บริหาร อปท.ในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ เพื่อตรวจสอบความเสียหาย ขณะนี้ปริมาณน้ำลดลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้สถานการณ์น้ำท่วมเริ่มคลี่คลาย