อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง และสำนักงานทรัพยากรธรณี ร่วมกันตรวจสอบ "ซากดึกดำบรรพ์ฟันฉลามวงล้อ" สกุล Helicampodus เพื่อระบุชนิด มีความเป็นไปได้สูงที่จะเป็นชนิดใหม่ของโลกที่เก่าแก่สุดในสกุลเดียวกัน
วันที่ 11 สิงหาคม 2566 จากกรณีกรมทรัพยากรธรณี พบซากดึกดำบรรพ์ฟันฉลาม สัตว์ทะเลโบราณ ที่เกาะวัวตาหลับ อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง จังหวัดสุราษฎร์ธานี หนึ่งเดียวของไทย และหนึ่งเดียวของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง และสำนักงานทรัพยากรธรณี เขต 4 ได้ร่วมกันตรวจสอบซากดึกดำบรรพ์ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง ในช่วงเดือนกันยายน 2562 ที่พบชากดึกดำบรรพ์ฟันแกนกลางฐานโค้ง มีความใกล้เคียงกับสกุล Helicampodus หนึ่งเดียวของประเทศไทย ซึ่งพบครั้งแรกในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และกลุ่มซากดึกดำบรรพ์หลายชนิด และสามารถกำหนดให้ฟันปลาฉลามโบราณมีอายุประมาณ 280-275 ล้านปีก่อน
ต่อมาเมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2566 นายประยูร พงศ์พันธ์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง นายจิรศักดิ์ เจริญมิตร ผู้อำนวยการพิพิธภัณฑ์ซากดึกดำบรรพ์ธรณีวิทยาและธรรมชาติวิทยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี ผู้แทนสำนักงานทรัพยากรธรณี เขต 4 ร่วมกับ ผศ.ดร.กันตภณ สุระประสิทธิ์ อาจารย์ภาควิชาธรณีวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นายฟาอิศ จินเดหวา กฟผ. (เหมืองแม่เมาะ) และ Professor Gilles Cuny ผู้เชี่ยวชาญซากดึกดำบรรพ์ปลาฉลาม University Claude Bernard Lyon 1 จากประเทศฝรั่งเศส ได้ทำการศึกษาซากดึกดำบรรพ์ฟันฉลามวงล้อตรงกลางปากสกุล Helicampodus
สำหรับการศึกษาครั้งนี้ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า "น่าจะมีความเป็นไปได้สูงที่ซากดึกดำบรรพ์ชิ้นนี้จะเป็นชนิดใหม่ของโลกที่แก่สุดในสกุลเดียวกัน ควรมีการศึกษาวิจัยเพิ่มเติม โดยใช้เครื่องมือ Computerized Tomography Scan (CT-Scan) เพื่อช่วยให้การระบุชนิดเป็นไปอย่างถูกต้องแม่นยำมากขึ้น และสามารถแสดงลักษณะที่อาจถูกบดบังด้วยเนื้อหิน หรือสิ่งแปลกปลอมอื่นๆ ได้".
...