โลกยังคงเปลี่ยนแปลงไปไม่เคยหยุดยั้ง นายอันโตนิโอ ตูร์เตเรส เลขาธิการสหประชาชาติ ประกาศเตือนชาวโลกว่า โลกก้าวจากภาวะโลกร้อนเข้าสู่ “ยุคโลกเดือด” แล้ว ความร้อนแผ่กระจายไปทั่วโลกเดือนกรกฎาคมกลายเป็นเดือนที่ร้อนที่สุด และส่งผลกระทบผู้คนหลายสิบล้าน ทั้งยุโรป เอเชีย และอเมริกา
เลขาธิการเรียกร้องทั่วโลก ให้เร่งจัดการกับการปล่อยความร้อนโดยเร่งด่วน ในช่วง 3 สัปดาห์ของเดือนกรกฎาคม อุณหภูมิของโลกพุ่งสูงขึ้นมากกว่าในยุคสมัยใดๆ องค์การอุตุนิยมวิทยาโลกรายงานว่า เดือนกรกฎาคมเป็นเดือนที่ร้อนที่สุด ในรอบกว่า 80 ปี หรืออาจเป็นความร้อนที่ไม่เคยมีมาก่อน
มีรายงานข่าวว่าคลื่นความร้อน ได้แผ่กระจายไปทั่วโลกอุณหภูมิของจีนสูงถึง 35 องศาเซลเซียส ติดต่อกัน 4 สัปดาห์และเกิดไฟป่าลุกลามในแคนาดา และหลายประเทศในย่านทะเลเมดิเตอร์เรเนียนหลายจุดไม่สามารถควบคุมไฟได้นานถึง 2 สัปดาห์ ประธานาธิบดีไบเดนของสหรัฐฯ ระบุว่าความร้อนเป็นภัยคุกคามโลก
ส่วนในประเทศไทย ผศ.ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ รองคณบดีคณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เปิดเผยว่าได้ตรวจพบน้ำร้อนในทะเลที่สูงขึ้น ตั้งแต่ช่วงปี 2563–2565 แต่เป็นช่วงลานีญาและโควิดระบาด จึงไม่มีคนสนใจมากนัก แต่ทีนี้เกิดปรากฏการณ์เอลนีโญจะแห้งแล้งและร้อนยาวถึงปีหน้า
ประเทศไทยเข้าสู่เอลนีโญ ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม เดือนที่มีการเลือกตั้งใหญ่ผ่านมาแล้ว 2 เดือนเศษ แต่ยังไม่สามารถเลือกตั้งนายกรัฐมนตรี เพื่อจัดตั้งรัฐบาลใหม่ได้ รัฐบาลที่บริหารประเทศอยู่เป็นรัฐบาลรักษาการ ไม่มีอำนาจเต็ม ไม่ทราบว่าจะสนใจภัยพิบัติที่กำลังคุกคามประเทศอยู่ในขณะนี้มากน้อยแค่ไหน
ภาวะเอลนีโญปีนี้ไม่ใช่เอลนีโญธรรมดา แต่เป็นดับเบิลเอลนีโญหรือซุปเปอร์เอลนีโญที่อาจลากยาวจนถึงปี 2567 และลากยาวทั้งปี กระทบต่อประเทศไทยอย่างแน่นอน ทั้งภาคการเกษตรและอุตสาหกรรม โดยเฉพาะเกษตรกรเกือบ 30 ล้านคน ที่น่าห่วงที่สุดคือภาคอีสานที่พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นที่นา ที่ระบบชลประทานไม่ทั่วถึง
...
มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่า เหตุที่การเลือกนายกฯและการจัดตั้งรัฐบาลล่าช้า สาเหตุสำคัญมาจากการขัดขวาง ของ สว. ที่มาจากการแต่งตั้งรวมทั้งองค์กรอิสระบางองค์กร ที่มีที่มาจากคณะรัฐประหารเช่นเดียวกัน ทำให้ฝ่ายประชาธิปไตยออกอาการ “เซ็ง” บางกลุ่มบอกว่าไม่ต้องทำอะไร รอแค่ 10 เดือน สว.ชุดนี้ก็หมดอายุ.