ฟัง 2 มุม ดราม่าเดือด "ทนายอนันต์ชัย" บุกวัดมหาพฤฒารามวรวิหาร ปราบมาเฟียชุดดำ ขณะที่พระหมู-ไวยาวัจกร โต้ถูกใส่ร้าย เข้ามาอย่างถูกต้อง

เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 8 พฤษภาคม 2566 ในรายการ "เปิดปากกับภาคภูมิ" ทางไทยรัฐทีวี ช่อง 32 ดำเนินรายการโดย นายภาคภูมิ พันธุ์สถิตย์ ได้พูดคุยกรณีชาวบ้านและพระลูกวัดร้องเรียนเกี่ยวกับการแต่งตั้งไวยาวัจกรและการเงินของวัดมหาพฤฒารามวรวิหาร

ทั้งนี้ ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายความและประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม กล่าวว่า มีผู้ใหญ่ในคณะสงฆ์ กทม. ได้ขอความช่วยเหลือผ่านทางพระผู้ใหญ่ท่านหนึ่งให้ตนช่วยมาดูวัดมหาพฤฒารามวรวิหาร เนื่องจากมีมาเฟียเข้ามาปกครองดูแล ทำให้พระ เณร และฆราวาส อยู่กันไม่เป็นสุข ตนจึงรับเรื่องและส่งทนายมูลนิธิทนายกองทัพธรรม คือ คุณประยุทธ์ ประเทศเสนา ทายความมูลนิธิทนายกองทัพธรรม กทม. ไปสอบสวน พูดคุยกับชาวบ้าน จนกระทั่งได้ความว่าเรื่องที่ได้รับการร้องเรียนน่าจะเป็นความจริง จึงมีการติดต่อผู้ช่วยเจ้าอาวาสให้ทำเป็นหนังสือร้องเรียนอย่างเป็นเรื่องเป็นราว

...

จากนั้นได้เริ่มกระบวนการสอบสวน เบื้องต้นเห็นชาวชุดดำ เป็นองค์กรช่วยเหลือเพื่อนร่วมชาติ หรือ NRO มีการแต่งกายแบบฝ่ายปกครอง ฝ่ายทหาร ฝ่ายตำรวจ อีกเรื่องคือการแต่งตั้งไวยาวัจกร ที่เป็นคนขององค์ดังกล่าว ซึ่งเราได้สอบถามทางผู้ช่วยเจ้าอาวาส ว่ามีการแต่งตั้งไวยาวัชกร มีการขอมติจากคณะสงฆ์ทางวัดวัดมหาพฤฒารามวรวิหารหรือไม่ ซึ่งได้คำตอบว่า ไม่มี นอกจากนี้เราจึงมีหนังสือสอบถามไปยังเจ้าคณะแขวง เจ้าคณะเขต เจ้าคณะจังหวัด ว่ามีการแต่งตั้งไวยาวัจกร 2 คนนี้หรือไม่ คำตอบก็คือไม่มี

ทนายอนันต์ชัย กล่าวอีกว่า ในวันที่ 5 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ชาวบ้านได้มารวมตัวที่กุฏิเจ้าอาวาส อยากเห็นว่า เจ้าอาวาสมีสภาพอย่างไร เพราะไม่เห็นเจ้าอาวาสมาหลายเดือนแล้ว และอยากจะถามว่า เจ้าอาวาสเป็นคนแต่งตั้งไวยาวัจกรหรือไม่ แต่มีชายชุดทำมาขวาง ส่วนที่มีคนถามว่า ทำไมในวันนั้นตนไม่ไปดีๆ ตนอยากจะบอกว่า หากรู้ว่าชายชุดดำทำอะไรบ้าง สิ่งที่ตนทำยังน้อยไป

ด้าน ทนายประยุทธ์ กล่าวว่า ตอนที่ลงหาข้อมูล ได้คุยกับผู้ช่วยเจ้าอาวาส 8 รูป ที่ลงชื่อในหนังสือร้องเรียน และมีพระ สามเณร รวม 45 รูป จากทั้งหมด 51 รูป ทราบว่าสิ่งที่พระเณรกังวลมากคือ มีกลุ่มคนใส่ชุดดำเข้ามากระทำต่างๆ ภายในวัด เช่น เดินตรวจตรา หรือเวลามีงานสวดอภิธรรม บางครั้งก็มีการนำรถมาเปิดไฟวับวาบ เวลากลางคืนก็มีการเดินตรวจตรา

โดยชายชุดดำกลุ่มนี้เข้ามาตั้งแต่วันที่ 21 เมษายน อ้างว่าเจ้าอาวาสให้ดำเนินการต่างๆ ภายในวัด เช่น ขณะที่พระทำวัตรสวดมนต์ ได้ยกเครื่องเสียงในโบสถ์ออกไป รวมทั้งไม่ให้ใครเข้าไปหาเจ้าอาวาส รวมทั้งมีการตั้งกองบัญชาการบริเวณหน้ากุฏิเจ้าอาวาส

ถามว่าคนกลุ่มนี้เข้ามาในวัดได้อย่างไร ทนายอนันต์ชัย กล่าวว่า ปัจจุบันยังสับสนว่าใครเป็นผู้นำ NRO เข้ามาในวัด เนื่องจากมีการให้ข่าวที่แตกต่างกัน ซึ่งทางเจ้าอาวาสบอกว่า เป็นคนพามาเอง ขณะที่พระใกล้ชิดบอกว่าโยมพามา จนวันนี้บอกว่าเป็นการร้องขอจากเจ้าอาวาส

จากการสอบถาม พระราชวชิราภรณ์ เจ้าอาวาสวัดมหาพฤฒารามวรวิหาร เกี่ยวกับเรื่องนี้ กล่าวว่า ในวันนั้น (5 พฤษภาคม) เขาจะพังประตูเข้ามาให้ได้ มันน่าเกลียดมาก ทั้งที่อาตมาเป็นพระเถระผู้ใหญ่ในวัด ดูแลพระเณรในวัดตลอดมา ให้ความอุปการะเลี้ยงดูตลอด ไม่คิดว่าจะทำแบบนี้ ไม่เป็นความจริงอย่างที่เขาเข้าใจ อาตมาก็ดูแลพระหมูตลอด ในฐานะลูกศิษย์ลูกชาย แต่เขาใส่ร้ายตลอดเวลา รักเขาเหมือนลูกชาย ไม่คิดอะไรมาก

...

เช่นเดียวกับ พระสิทธิชัย สิริภทฺโท หรือ พระหมู กล่าวว่า ได้ติดตามหลวงพ่อขึ้นไปรักษาตัว ก็ยังถูกใส่ร้ายว่าลักพาตัวหลวงพ่อ กลุ่มที่เขาโจมตีใสร้ายเขาต้องการอะไร เจตนาลึกๆ ก็ไม่รู้ ทำอะไรไม่ไว้หน้า เปรียบหลวงพ่อเหมือนนพ่อบ้าน ถ้าคุณคิดว่าเป็นลูกจริงคงไม่ทำแบบนี้กับพ่อ ติดตามผลงานของทนายอนันต์ชัยมาโดยตลอด อย่างล่าสุดที่นครพนมก็ยินดีชื่นชม แต่บางครั้งอยากให้ฟังนิดนึงว่าสาเหตุที่จริงเป็นอย่างไร

ด้านคุณเปรมวัชช์ ตาคำพิทักษ์สิริ ไวยาวัจกรวัดมหาพฤฒารามวรวิหาร กล่าวว่า ในวันนั้น (5 พฤษภาคม) ตนอยู่ในกุฏิเจ้าอาวาส จู่ๆ ก็มีคนมาเขย่าประตู เตะประตู ไม่รู้เลยว่าจะมีม็อบพระ ม็อบชาวบ้านเข้ามา ในวัดก็ไม่มีอะไร แต่ข่าวที่ออกมาเป็นหนังคนละม้วน

ตนอยู่ในกลุ่ม NRO เป็นคน จ.ลำปาง ก่อนหน้านี้เป็นทหารออกมา ก็มาเป็นเลขาฯ สมาคม NRO ที่ กทม. และก่อนจะมีการแต่งตั้งเป็นไวยาวัจกร ตนเคยมาที่วัดประมาณ 2-3 ครั้ง

เปรมวัชช์ กล่าวอีกว่า NRO มาอยู่ในวัดเป็นแค่ รปภ. ให้เท่านั้น ช่วงกลางวัน 2 คน กลางคืน 4 คน มาช่วยดูความปลอดภัยจากคนจรจัด ไม่ได้มี 20 คนตามที่เป็นข่าว โดยเริ่มเข้ามาที่วัดตั้งแต่ 20 เมษายนที่ผ่านมา เพราะก่อนหน้านี้มีเรื่องมาก่อน คือมีการบอกว่าเจ้าอาวาสอาพาธ มีการรายงานเท็จว่าท่านสติฟั่นเฟือน และพยายามแต่งตั้งรักษาการเจ้าอาวาสขึ้นมา ซึ่งตนมาพบเจ้าอาวาสก็รับรู้ปัญหา ยืนยันว่า ตนไม่ได้เป็นมาเฟีย เข้ามาอยู่ในวัดอย่างถูกต้อง

...

ด้านทนายอนันต์ชัย กล่าวอีกว่า ทนายประยุทธ์นั้น จบเปรียญธรรม 7 ประโยค บวชมา 13 ปี มีความรู้เชี่ยวชาญทางธรรมวินัยและกฎหมายสงฆ์

ต่อมา ทนายประยุทธ์ กล่าวว่า ตามกฎมหาเถรสมาคมฉบับที่ 18 พ.ศ. 2536 ระบุไว้ชัดในข้อ 6 กับข้อ 7 คนที่จะเป็นไวยาวัจกรจะต้องมีคุณสมบัติครบถ้วน และการแต่งตั้งไวยาวัจกร ต้องดำเนินตามข้อ 7 มีสาระสำคัญคือ สมมติว่าจะตั้งไวยาวัจกร เจ้าอาวาสอาจจะเสนอ 2 คน เสนอให้คณะสงฆ์ของวัดมีการประชุมสงฆ์ และจะต้องมีมติเป็นเอกฉันท์ว่าให้ 2 คนนี้เป็นไวยาวัจกร ซึ่งขั้นตอนนี้เจ้าอาวาสไม่ได้ทำ ขั้นตอนที่ 2 จะต้องยื่นมติสงฆ์ไปยังสำนักงานเลขานุการเจ้าคณะแขวง แล้วจะเจ้าคณะแขวงจะนำเรียนเจ้าคณะเขต เจ้าคณะอำเภอ

หลังจากตรวจสอบแล้ว เจ้าคณะเขต เจ้าคณะอำเภอ เจ้าคณะ กทม. มีหนังสือตอบเราว่าการดำเนินการดังกล่าวไม่เป็นไปตามกฎมหาเถรสมาคม เนื่องจากไม่มีการรายงานโดยชอบ และดูว่ามีเจตนา โดยมีการเรียกร้องให้มีการสอบอธิกรณ์

ทนายอนันต์ชัย กล่าวว่า วิธีแก้อาจจะเสนอให้พักตำแหน่งเจ้าอาวาส และตั้งคณะทำงานขึ้นมา แล้วจะผลักดันคนกลุ่มนี้ออกไป คาดว่าใช้เวลาไม่นาน.