“ห้วยขวาง” ได้ชื่อว่าเป็น “ไชน่าทาวน์” แห่งใหม่ของกรุงเทพมหานคร ด้วยว่าหลายปีมานี้ถนนประชาราษฎร์บำเพ็ญได้กลายเป็นที่พำนักถาวรและที่ประกอบธุรกิจบริการด้านต่างๆ โดยเฉพาะธุรกิจร้านอาหารของชาวจีน

หากใครมีโอกาสได้ไปที่ถนนเส้นนี้จะเห็นว่าตลอดสองฝั่งถนน จะเต็มไปด้วยร้านอาหารที่ขึ้นป้ายเป็นภาษาจีน ทั้งชื่อร้านและเมนู ทั้งยังตกแต่งหน้าร้านด้วยสีมงคลอย่างสีแดงเด่นชัดทั้งสองฟากฝั่ง

ภายในระยะเวลาเดือนเศษ “กรมการจัดหางาน” ลงพื้นที่ตรวจสอบและกวาดล้างแรงงานต่างชาติถึงบริเวณห้วยขวางโดยไม่มี การแจ้งล่วงหน้ามาแล้วถึง 2 ครั้ง

เหตุการณ์ล่าสุดได้นำทีมชุดเฉพาะกิจตรวจสอบ ปราบปราม จับกุม ดำเนินคดีคนต่างด้าวทำงานผิดกฎหมาย พร้อมกับเจ้าหน้าที่สำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 10 เดินเท้าลุยตรวจด้วย ตัวเองแบบสแกนพื้นที่

วันที่ 28 มีนาคม 2566 ไพโรจน์ โชติกเสถียร อธิบดีกรมการ จัดหางาน พร้อมด้วย สันติ นันตสุวรรณ และ สิบหมื่นชัย โพธิสินธุ์ รองอธิบดีกรมการจัดหางาน ลงพื้นที่ห้วยขวางบริเวณถนนประชาราษฎร์บำเพ็ญ เพื่อตรวจสอบปราบปรามคนต่างชาติที่ลักลอบทำงานโดยผิดกฎหมาย ร่วมกับ สน.ห้วยขวาง

...

จากการตรวจสอบสถานประกอบการซึ่งเปิดกิจการจำหน่ายอาหาร จำนวน 6 แห่ง พบสถานประกอบการกระทำความผิด 3 แห่ง คนต่างชาติ กระทำความผิด 13 คน แบ่งเป็นสัญชาติจีน 2 คน เมียนมา 2 คน และพื้นที่สูง 9 คน จึงได้ควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สน. ห้วยขวาง

ดำเนินคดีข้อหาเป็น “คนต่างด้าว” ทำงานโดยไม่มีใบอนุญาต ทำงาน พร้อมร้องทุกข์กล่าวโทษ “นายจ้าง” ที่กระทำความผิด

ไพโรจน์ โชติกเสถียร
ไพโรจน์ โชติกเสถียร

ตามพระราชกำหนดการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ.2560 และที่แก้ไขเพิ่มเติม คนต่างด้าวที่ทำงานโดยไม่มีใบอนุญาต ทำงานหรือทำงานนอกเหนือจากที่มีสิทธิจะทำได้

...มีโทษปรับตั้งแต่ 5,000-50,000 บาท และถูกส่งกลับประเทศต้นทาง รวมถึงห้ามขอใบอนุญาตทำงานเป็นเวลา 2 ปี นับตั้งแต่วันที่ได้รับโทษ

และนายจ้าง...สถานประกอบการที่รับคนต่างด้าวที่ไม่มีใบอนุญาต ทำงานเข้าทำงาน หรือให้คนต่างด้าวทำงานนอกเหนือจากที่มีสิทธิ...มีโทษปรับตั้งแต่ 10,000-100,000 บาทต่อคนต่างด้าวที่จ้างหนึ่งคน

หากกระทำผิดซ้ำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับตั้งแต่ 50,000-200,000บาทต่อคนต่างด้าวที่จ้างหนึ่งคน และห้ามจ้างคนต่างด้าวทำงานเป็นเวลา 3 ปี

เหตุการณ์นี้สืบเนื่องจากกรมการจัดหางานได้รับแจ้งจากผู้ประกอบการชาวไทย ซึ่งอยู่ในย่านการค้าทำเลทองที่ทั้งคนไทยและ ต่างชาตินิยมไปจับจ่ายใช้สอยว่ามีคนต่างชาติ โดยเฉพาะชาวจีนที่ สงสัยว่าเข้ามาประกอบกิจการจำหน่ายอาหาร โดยจ้างคนไทยเป็น... “นอมินี” และจ้างลูกจ้างชาวต่างชาติเป็นพนักงาน

จึงจำเป็นต้องลงพื้นที่ตรวจสอบ “แรงงานต่างชาติ” ทั้งหมดอย่างเข้มงวด

เพื่อมิให้กระทบต่อโอกาสการมีงานทำของคนไทยและส่งผล ต่อความมั่นคง...ระบบเศรษฐกิจของประเทศไทย

น่าสนใจว่านอกจากย่านเยาวราชที่เป็นไชน่าทาวน์กลางกรุงมา อย่างยาวนานแล้ว “มณฑลห้วยขวาง” ไชน่าทาวน์แห่งใหม่นี้ ถือเป็น อีกพื้นที่ที่ต้องตรวจสอบ ป้องปราม และบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด

ซึ่งครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกของย่านห้วยขวาง โดยวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2566 สันติ นันตสุวรรณ รองอธิบดีกรมการจัดหางาน ได้มีการนำชุด เฉพาะกิจฯลงพื้นที่ห้วยขวางกวาดล้างแรงงานต่างชาติที่ลักลอบทำงาน โดยผิดกฎหมายและแรงงานต่างชาติที่ไม่ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2565

...

...ที่ “นายจ้าง” นำมาทำงานในสถานประกอบการไปแล้วครั้งหนึ่ง

โดยเข้าตรวจสอบสถานประกอบการ จำนวน 5 แห่ง พบสถานประกอบการกระทำความผิด 2 แห่ง คนต่างชาติกระทำความผิด รวมทั้งสิ้น 9 คน

ประกอบด้วย แรงงานสัญชาติกัมพูชา 3 คน เมียนมา 4 คน และบุคคลไม่มีสถานะทางทะเบียน 2 คน จึงได้ควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.ห้วยขวาง

ดำเนินคดีข้อหาเป็นคนต่างด้าวทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน รวมทั้งร้องทุกข์กล่าวโทษดำเนินคดีนายจ้างที่กระทำความผิด

หรือก่อนหน้านี้ในพื้นที่ “ปากคลองตลาด” ก็มีการตรวจบังคับใช้ กฎหมายกับคนต่างชาติที่ไม่มีใบอนุญาตทำงาน ทำงานนอกเหนือสิทธิ อย่างเข้มงวด เพื่อมิให้กระทบต่อโอกาสการมีงานทำของคนไทย และส่งผลต่อความมั่นคงและระบบเศรษฐกิจของประเทศไทย

ครั้งนั้นจากการตรวจสอบสถานประกอบการ 7 แห่ง พบคนต่างด้าวไม่มีใบอนุญาต 3 แห่ง จำนวน 7 คน นอกจากนั้น ยังตรวจพบ ต่างด้าวเข็นรถขายของแย่งอาชีพคนไทยอีก 7 คน รวมทั้งสิ้นเป็นต่างด้าว ที่ทำผิดกฎหมาย 14 คน จึงได้ควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.พระราชวัง

...

ดำเนินคดีข้อหาเป็นคนต่างด้าวทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน รวมทั้งร้องทุกข์กล่าวโทษดำเนินคดีนายจ้างจำนวน 3 แห่ง ข้อหารับคนต่างด้าวทำงาน

ไพโรจน์ บอกว่า กรมการจัดหางานจะใช้มาตรการลงพื้นที่สุ่มตรวจโดยไม่แจ้งล่วงหน้าในทุกจังหวัดอย่างเข้มงวดต่อไป เพื่อป้องปรามการกระทำความผิด และบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง

จึงขอฝากไปยังผู้ที่พบเห็นการจ้างคนต่างชาติทำงานโดยผิดกฎหมาย หรือพบคนต่างชาติลักลอบทำงานโดยผิดกฎหมายให้ช่วยกันเป็นหูเป็นตา

แจ้งเบาะแสร้องทุกข์มาที่ กองทะเบียนจัดหางานกลางและคุ้มครองคนหางาน กรมการจัดหางาน อาคารกระทรวงแรงงาน ชั้น 4 โทร.0-2354-1729 หรือที่สำนักงานจัดหางานจังหวัดทุกจังหวัด สำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1-10

หรือที่สายด่วนกระทรวงแรงงาน โทร.1506 กด 2 กรมการจัดหางาน หรือสายด่วน 1694 กรมการจัดหางาน

อย่างไรก็ตาม ไพโรจน์ โชติกเสถียร อธิบดีกรมการจัดหางาน ทิ้งท้ายว่า การปราบปรามชาวต่างชาติที่เข้ามาประกอบธุรกิจอย่าง ไม่ถูกต้องตามกฎหมายและแรงงานต่างชาติที่ลักลอบทำงานอย่างไม่ถูกต้อง ไม่สามารถหมดไปได้ด้วยหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่ง แต่ต้องอาศัยการบูรณาการร่วมกันทุกภาคส่วน

...

ทั้ง “หน่วยงานภาครัฐ” ที่ทำหน้าที่บังคับใช้กฎหมาย “ภาคเอกชน” ซึ่งเป็นนายจ้าง...“สถานประกอบการ”...ที่ต้องมีสำนึกในการปฏิบัติตามกฎหมาย และ “ภาคประชาสังคม” ที่ไม่นิ่งเฉยเมื่อพบการกระทำความผิด.