“เฉลิมชัย” รมว.เกษตรฯ เผยกรมชลประทาน เตรียมพร้อมรับมือฤดูแล้งปี 66 กำหนดวางแผนบริหารจัดการน้ำ ทั้งแผนหลักและแผนสำรอง ผันน้ำให้ชาวนาชาวไร่อย่างทั่วถึงเพียงพอ ปรับรอบส่งน้ำเพาะปลูกให้เก็บเกี่ยวผลผลิตก่อนฤดูน้ำหลากเพื่อลดความเสียหาย และเตรียมการคอย ช่วยเหลือพื้นที่ประสบปัญหาภัยแล้ง อีกทั้งมีแผนเสริม รายได้จ้างเกษตรกรทำงานช่วงเว้นว่างจากทำการเกษตร ช่วงฤดูร้อนเป็นเงินรวม 5,336 ล้านบาทอีกด้วย

กระทรวงเกษตรฯวางแผนจัดการน้ำรับมือฤดูแล้งปี 66 เปิดเผยขึ้น เมื่อวันที่ 2 เม.ย. นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า เพื่อรองรับฤดูแล้งปี 66 อาจเกิดสถานการณ์ภัยแล้งที่ส่งผลกระทบต่อประชาชน โดยเฉพาะเกษตรกรทั่วประเทศ กระทรวงเกษตรฯเตรียมความพร้อมมอบหมายให้ทุกหน่วยงานในสังกัดดำเนินการตาม 10 มาตรการรองรับฤดูแล้ง 2565/2566 และโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ เพื่อรองรับสถานการณ์ภัยแล้งและฝนทิ้งช่วงปี 66 ตามที่ ครม.ได้เห็นชอบเมื่อ 1 พ.ย.65 พร้อมเกินร้อยในการรับมือสถานการณ์ภัยแล้ง มุ่งมั่นตั้งใจทำแผนการบริหารจัดการน้ำอย่างรัดกุม ใช้ระบบชลประทานให้มีประสิทธิภาพสูงสุด รวมทั้งเตรียมช่วยเหลือด้านเครื่องจักร เครื่องมือต่างๆที่จำเป็น กรณีมีพื้นที่ประสบปัญหาภัยแล้งและภาคเกษตรต้องเดือดร้อนจากภัยแล้งให้น้อยที่สุด

นายเฉลิมชัยกล่าวถึงการวางแผนจัดสรรน้ำว่า กรมชลประทานได้กำหนดปริมาณจัดสรรน้ำไว้ 43,740 ล้าน ลบ.ม. แบ่งเป็นสนับสนุนในช่วงฤดูแล้งประมาณ 27,685 ล้าน ลบ.ม. หรือ 63% ของแผนฯ ส่วนที่เหลือสำรองไว้ใช้ในช่วงต้นฤดูฝนประมาณ 16,055 ล้าน ลบ.ม. หรือ 37% ของแผนฯ เฉพาะลุ่มเจ้าพระยาวางแผนจัดสรรน้ำจาก 4 เขื่อนหลักรวม 14,074 ล้าน ลบ.ม. แบ่งเป็นสนับสนุนในช่วงฤดูแล้งประมาณ 9,100 ล้าน ลบ.ม. หรือ 62% ของแผนฯ และอีก 5,474 ล้าน ลบ.ม. หรือ 38% ของแผนฯ สำรองไว้ใช้ในช่วงต้นฤดูฝน นอกจากนี้กำหนดแผนการเพาะปลูกข้าวนาปรังไว้ทั้งประเทศประมาณ 10.42 ล้านไร่ ปัจจุบันข้อมูลล่าสุด 31 มี.ค.ที่ผ่านมา เพาะปลูกไปแล้ว 10.14 ล้านไร่ หรือ 97% ของแผนฯ เฉพาะลุ่มน้ำเจ้าพระยาวางแผนการเพาะปลูกข้าวนาปรังไว้ 6.64 ล้านไร่ เพาะปลูกไปแล้ว 6.37 ล้านไร่ หรือ 96% ของแผนฯ

...

“นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทาน รายงานถึงแผนว่ามีน้ำใช้เพียงพอทุกกิจกรรม เพราะวางระบบจัดสรรน้ำแบบประณีต จัดรอบเวรการส่งน้ำปรับปฏิทินการเพาะปลูก เพื่อให้สามารถเก็บเกี่ยวได้ก่อนฤดูน้ำหลาก เช่น โครงการบางระกำโมเดล เริ่มส่งน้ำตั้งแต่วันที่ 15 ม.ค. เพื่อให้เก็บเกี่ยวได้ภายในเดือน ส.ค. พื้นที่ลุ่มต่ำ 10 ทุ่งเจ้าพระยาตอนล่าง จะเริ่มส่งน้ำตั้งแต่วันที่ 15 เม.ย. ให้เกษตรกรได้ทำการเพาะปลูก 1 พ.ค. เก็บเกี่ยวผลผลิตได้ช่วงต้นเดือน ก.ย. ช่วยลดความสูญเสียของผลผลิตทางเกษตรช่วงฤดูน้ำหลาก ติดตามตรวจสอบ ซ่อมแซมอาคาร และระบบชลประทานที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัยปีที่ผ่านมา ทำให้จัดการน้ำและส่งน้ำในฤดูแล้งได้เต็มศักยภาพ รวมทั้งร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประชาสัมพันธ์ข้อมูลสถานการณ์น้ำผ่านช่องทางต่างๆให้เกษตรกรและประชาชนรับรู้และเข้าใจ” นายเฉลิมชัยกล่าว

รมว.เกษตรฯกล่าวด้วยว่า กรมชลประทานเตรียมเครื่องสูบน้ำเคลื่อนที่ รถยนต์บรรทุกน้ำ เครื่องจักรกลสนับสนุนอื่นๆอีก 5,382 หน่วย อีกทั้งช่วยเหลือเกษตรกรให้มีรายได้เสริมในช่วงฤดูแล้ง เช่น การจ้างแรงงานซ่อมแซม บำรุงรักษา ขุดลอก ปรับปรุงงานชลประทาน เป็นต้น เป็นรายได้ทดแทนจากการว่างเว้นการทำเกษตร ปี 66 มีแผนจ้างแรงงานวงเงิน 5,336 ล้านบาท จำนวนแรงงาน 86,000 คน ระยะเวลา 3-10 เดือน วงเงินเฉลี่ย 26,100- 87,000 บาทต่อคน ขึ้นอยู่กับระยะเวลาการว่าจ้าง ปัจจุบันมีการจ้างแรงงานไปแล้วกว่า 54,000 คน การบริหาร จัดการน้ำทั้งระบบตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ถือเป็นหัวใจในการแก้ไขปัญหา ฤดูแล้งปีนี้กระทรวงเกษตรฯพร้อมรับมือดูแลเกษตรกรทุกคนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น