ครอบครัวผู้เสียหายร้องเรียน หลังพ่อค้าขายก๋วยเตี๋ยวขี่รถเกี่ยวสายเคเบิลจนล้มคว่ำ ทำน้ำร้อนลวกเจ็บสาหัส ถามเรื่องนี้ใครต้องรับผิดชอบ

วันที่ 20 มี.ค. 2566 ในรายการเปิดปากกับภาคภูมิ ทางไทยรัฐทีวี ช่อง 32 ได้พูดคุยกับผู้เสียหาย กรณีพ่อค้า อายุ 53 ปี ขี่รถจักรยานยน์พ่วงข้างไปขายก๋วยเตี๋ยว ซึ่งเมื่อวันที่ 15 มี.ค. ที่ผ่านมา เกิดรถล้มคว่ำ เพราะถูกสายเคเบิลที่ห้อยลงมาเกี่ยวหลังคา ทำให้น้ำในหม้อก๋วยเตี๋ยวลวก ได้รับบาดเจ็บสาหัส

ทั้งนี้ นายนพดนัย คำเหลื่อม ลูกชายผู้บาดเจ็บ เล่าว่า วันเกิดเหตุพ่อออกไปขายก๋วยเตี๋ยวตามปกติ จนเวลาประมาณ 8.00 น. พ่อโทรมาบอกแม่ว่ารถคว่ำ โดนน้ำก๋วยเตี๋ยวลวก จะตายแล้ว หลังจากรับสายก็รีบไปหาพ่อ ขณะนี้พ่อรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ไม่สามารถทำงานได้ ส่วนแม่ที่มีอาชีพขายก๋วยเตี๋ยวเหมือนกัน ก็ต้องหยุดงานมาดูแลพ่อ ครอบครัวของเรา พ่อแม่มีลูกทั้งหมด 3 คน เป็นลูกชาย 2 คน ลูกสาว 1 คน มีพี่ชายคนโตทำงานเพียงคนเดียว ส่วนตนกับน้องสาวอยู่ระหว่างเรียนหนังสือ

ตอนนี้พ่อรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ ใช้สิทธิ พรบ.คุ้มครอง วงเงิน 3 หมื่นบาท หากใช้สิทธิตรงนี้หมดแล้ว จะต้องไปใช้สิทธิบัตรทอง ซึ่งอยู่ที่ จ.เพชรบูรณ์ อาการของพ่อตอนนี้ยังทำอะไรไม่ได้ เวลาจะทำอะไรต้องเรียกหมอ ซึ่งหมอบอกว่า น้ำร้อนลวกไป 40% หนักสุดจะเป็นช่วงหน้าอกกับแผ่นหลัง ต้องดูอาการวันต่อวัน

...

ด้าน นายอาชาน โอภาสธนากูร สมาชิกผู้ร่วมก่อตั้งเพจ สายไหมต้องรอด กล่าวว่า เบื้องต้นทางสายไหมต้องรอด ได้ประสานไปทางตำรวจ สภ.คลองหลวง เพื่อให้เชิญผู้ที่เกี่ยวข้องเข้ามารับผิดชอบในเรื่องค่าเสียหายที่เกิดขึ้น ซึ่งผู้บาดเจ็บมีสิทธิรักษาอยู่ที่ จ.เพชรบูรณ์ แต่เมื่อมีเหตุเกิดขึ้นต้องรักษาที่ รพ.ใกล้เคียง ทราบว่าค่ารักษาต่อวันประมาณ 8 พันบาทแล้ว เนื่องจากมีแผลพุพอง ต้องเข้าห้องปลอดเชื้อ และห่วงเรื่องการติดเชื้อ

นายกิตติศักดิ์ คำเหลื่อม ลูกชายคนโตผู้บาดเจ็บ กล่าวว่า วันเกิดเหตุมีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาดู และแนะนำให้ตนไปลงบันทึกประจำวันที่ สภ.คลองหลวง เขาบอกว่าได้แจ้งเรื่องไปทางโรงพักแล้ว เมื่อตนไปถึงทางเจ้าหน้าที่ได้สอบถามรายละเอียด ซึ่งตนก็ตอบไปตามเหตุการณ์ที่รู้มา แต่ในใบลงบันทึกประจำวันเขียนว่า รถล้มเอง สาเหตุที่วันนั้นไม่ได้ทักท้วง เพราะต้องรีบไปดูพ่อที่โรงพยาบาล

นายนพดนัย เล่าต่อว่า หลังจากร้องเรียนไปที่เพจสายไหมต้องรอด ต่อมาได้มีเจ้าหน้าที่ กสทช. ติดต่อมาว่า จะเข้าไปตรวจสายไฟที่เกิดเหตุ ตน พี่ชายและแม่ จึงไปดูด้วย หลังจากเจ้าหน้าที่ตรวจสอบ ก็สามารถระบุได้ว่าเป็นของใคร จึงประสานไปยังบริษัทเจ้าของสายเคเบิล ให้บริษัทเข้ามาเก็บสายไฟที่ห้อยอยู่ ซึ่งทางตัวแทนของบริษัทสายเคเบิลบอกว่า จะรับผิดชอบ แต่คดีความจะต้องชัดเจน

นายอาชาน กล่าวเพิ่มเติมว่า จากที่มีการลงบันทึกประจำว่า รถล้มเอง ในส่วนนี้คู่กรณีอาจจะต้องการความชัดเจนในการรับผิดชอบ ซึ่งตนและทีมงานจะพาครอบครัวผู้เสียหายไปลงบันทึกประจำวันเพิ่มเติม เพื่อให้ข้อมูลสอดคล้องกับคดี

จากการสอบถาม นายพงศกร แก้วจันทร์เหนือ ผู้อำนวยการสำนักงาน กสทช. เขต 11 ทราบว่า ได้รับแจ้งเรื่องราวดังกล่าวแล้ว เจ้าหน้าที่ไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้ไปตรวจสอบและติดต่อไปยังบริษัทเจ้าของสายเคเบิล และได้ไปเยี่ยมผู้บาดเจ็บและรับผิดชอบ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอุบัติหตุที่เกิดมาจากรถบรรทุกผ่านตลอด คาดว่ามีรถบรรทุกไปเกี่ยวสายสื่อสาร ทำให้สายหล่นห้อยลงมา หากประชาชนพบเห็นสายสื่อสารหย่นตกลงมา ให้โทรแจ้งได้ที่สายด่วน กสทช. 1200 โทรฟรี หรือ MBTC 1200

พ.ต.อ. เกียรติศักดิ์ มิตรประสาท ผกก.สภ.คลองหลวง เปิดเผยว่า เบื้องต้นได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปดู เรื่องแรกคือกล้องวงจรปิด ไม่พบกล้องวงจรปิดในที่เกิดเหตุ แต่พบพยานบุคคล 2 คน คนแรกยืนยันว่า พบสายเคเบิลห้อยอยู่บนพื้นถนน คาดว่ารถของคุณลุงเกี่ยวกับสายไฟนี้ พยานอีกคนเห็นตอนที่เกิดอุบัติเหตุพอดี

...

หลังจากผู้บาดเจ็บอาการดีขึ้น จะนัดเข้ามามาสอบปากคำอีกครั้ง เพื่อสอบสวนว่า สาเหตุเกิดจากรถเฉี่ยวชนจากสายดังกล่าวจริง แล้วจะเรียกบริษัทที่เกี่ยวข้องเข้ามาสอบสวน แล้วส่งฟ้องต่อไป

ส่วนเรื่องบันทึกประจำวันว่า รถล้มเองนั้น เป็นการเขียนเบื้องต้นเพื่อไปเบิกประกันว่า เกิดอุบัติเหตุด้วยตัวเอง คือไม่มีคู่กรณี ไม่ได้ไปชนกับรถคันอื่น แต่สาเหตุการล้มไม่ได้ระบุ ซึ่งอาจเกิดจากการเกี่ยวกับสายไฟ

ในส่วนของค่าเสียหายทางแพ่ง แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ 1. ดูว่าเกิดจากความประมาทมากน้อยเพียงใด หากเป็นความประมาทของเจ้าของสายเคเบิลทั้งหมด จะต้องรับผิดชอบทั้งหมดจนกว่าจะหายดี นอกจากประมาททางแพ่งแล้ว อาจจะมีเรื่องของอาญาด้วย ซึ่งต้องดูอีกครั้ง 2. คู่กรณีมีความประมาทมากน้อยเพียงใด เบื้องต้นต้องรอสอบปากคำพยานให้ครบถ้วนก่อน.

...