เปิดปากกับภาคภูมิ แม่มั่นใจหลักฐานใหม่ คลิปจากกล้องหน้ารถ อ้างได้ยินชัดเสียง 2 คนคุยกัน เล่าเหตุการณ์บนเรือ และทำให้รู้ว่าก่อนเกิดเหตุ แตงโมอยู่หัวเรือ และไม่มีการไปปัสสาวะ

วันที่ 3 มี.ค. 2566 ในรายการ "เปิดปากกับภาคภูมิ" โดย ภาคภูมิ พันธุ์สถิตย์ ทางไทยรัฐทีวี ช่อง 32 วันนี้ พูดคุยกับ นางภนิดา ศิระยุทธโยธิน แม่แตงโม-นิดา หลังจากที่เมื่อวานนี้ไปขึ้นศาล โดยมีรายงานว่า คุณแม่เปิดหลักฐานใหม่ ไฟล์กล้องบันทึกภาพหน้ารถของแตงโม ซึ่งอ้างว่าได้ยินเสียงสนทนาของคน 2 คนอย่างชัดเจน และมีประโยชน์กับคุณแม่ในทางบวก ขณะที่หลายคนก็ออกมาตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับหลักฐานใหม่ของแม่ ว่าจะมีจริงหรือแค่คุย

นายชัยวัฒน์ โลมากุล ที่ปรึกษากฎหมายและทีมทนายความของแม่แตงโม เปิดเผยว่า เมื่อวานนี้มีการยื่นวัตถุพยานหลักฐานชิ้นใหม่ เป็นกล้องหน้ารถของแตงโม กับเมมโมรีการ์ดอีกชิ้น ยื่นประกอบการพิจารณากับศาล ที่มีการยื่นขอกลับมาจากพนักงานสอบสวน ซึ่งคดีนี้มีความซับซ้อน จึงต้องมีเทคนิคทางกฎหมาย, เทคนิคด้านการสืบสวน และ เทคนิคทางนิติสัมพันธ์ กับผู้เกี่ยวข้องทางคดี โดยเฉพาะจำเลยทั้ง 6 คน ตนสามารถที่จะเจรจาไกล่เกลี่ย ให้จำเลยที่ 1 และ 2 มาชำระค่าสินไหมให้คุณแม่ได้ ซึ่งจบด้วยการจ่ายเงิน 9.2 ล้านบาท

...

เมื่อถามถึงการตั้งข้อสังเกตจากภาพกล้องหน้ารถของแตงโม ว่า ตำรวจเคยเปิดดูแล้วมีแต่ภาพ ไม่มีเสียง นายชัยวัฒน์ ระบุว่า หลักฐานตรงนี้ ทำให้เรามั่นใจที่จะยื่นคำร้อง ขอเป็นโจทก์ร่วมใหม่ ซึ่งกล้องหน้ารถนี้ มีการบันทึกภาพ 2 สเตป คือ หน่วยความจำในเครื่อง ซึ่งบันทึกย้อนหลังไปได้ถึงปี 2564 ซึ่งเราว่าจ้างบริษัทกู้คืนมา เพื่อที่อยากจะทราบความจริง โดยกู้ข้อมูลคืนมาได้แต่ไม่สามารถบอกได้ เพราะเป็นความลับทางคดี เนื่องจากต้องนำพยานหลักฐานชิ้นนี้เข้าสู่สำนวนใหม่ ที่อัยการจะมีคำสั่งฟ้อง ภายในอีก 15 วัน หรือภายใน 17 มี.ค.66 ที่จะถึงนี้ โดยเป็นสำนวนคดีใหม่ เพราะหลังจากจำเลยที่ 1 และ 2 สารภาพไปเมื่อวาน ก็มีการจำหน่ายคดีเรียบร้อยแล้ว ไม่สามารถเรียกกลับมาได้อีก ส่วนกรณีที่ทำไมก่อนหน้านี้ ตำรวจบอกว่า มีแต่ภาพไม่มีเสียง ตนไม่ทราบเหมือนกัน

ด้านแม่แตงโม กล่าวเสริมว่า นอกจากเห็น ได้ยินเสียงพูดด้วย เป็นช่วงกลางคืน ประมาณตี 1 - ตี 2 หลังเกิดเหตุ

ขณะที่มีกระแสข่าวว่า จะมีการยกเลิกค่าเสียหายที่เคยเรียกไว้ เพื่อจะเรียกค่าเสียหายใหม่ นายชัยวัฒน์ ระบุว่า สัญญาประนีประนอม ฉบับวันที่ 21 ก.ย. 2565 เป็นสัญญาที่ไม่สมบูรณ์

นายณธีพัฒน์ นาแล ผู้ช่วยที่ปรึกษาด้านกฎหมายคดีแตงโม เปิดเผยว่า มีการลบข้อมูลบางส่วนไปจริงๆ จากเมมโมรี่ขนาด 16 Gb ที่มีการบันทึกข้อมูลมาตั้งแต่ปี 2564 ข้อมูลที่ไปกู้มา มีบันทึกตั้งแต่ปี 64 จนถึงวันเกิดเหตุ แต่มีการลบข้อมูลระหว่างคืนนั้นออกไป ซึ่งภาพก่อนเกิดเหตุมีครบ มีเวลาบอกชัดเจน โดยภาพที่หายไปนั้น เป็นช่วงเวลาที่เกิดเหตุ วันที่ 24 ก.พ.65 เท่านั้น ระหว่างที่มีการขับรถกลับมาแล้ว

แม่แตงโม และนายณธีพัฒน์ บอกว่า สำหรับเสียงที่ได้ยินนั้น เป็นเสียงคนคุยกันระหว่างทางที่ขับรถกลับ ว่าเป็นอย่างไร เกิดอะไรขึ้น แตงโมอยู่ตรงไหน คุยเรื่องบนเรือ แต่แม่จำไม่ค่อยได้ จำได้แค่ว่าเป็นเสียง 1 ในจำเลย คุยกันยาว ซึ่งเรื่องนี้ขอให้เข้าสู่กระบวนการพิจารณาในศาลดีกว่า แม่ได้ฟังแล้วก็มั่นใจเป็นเสียงเขา ทำให้รู้ชัดเจน เพราะเขาก็เล่าว่าเกิดอะไรขึ้นบนเรือ ทำให้รู้ว่า ช่วงก่อนเกิดเหตุแตงโมอยู่หัวเรือ เขาอยู่หัวเรือหมดทุกคน ไม่มีใครอยู่ท้ายเรือ ไม่มีใครไปปัสสาวะ

นายชัยวัฒน์ บอกด้วยว่า คดีนี้มีความซับซ้อน ย่อมมีความเห็นที่แตกต่าง คนที่ให้ข้อคิดเห็น อาจจะยังไม่เข้าถึงการตรวจพยานหลักฐาน

...

ขณะที่ระหว่างการพักเบรก คุณภาคภูมิ บอกว่า หลังจากที่ดูคลิปกล้องหน้ารถแล้ว พบว่า สามารถเก็บบรรยากาศเสียงรอบข้างได้ เพียงแต่ว่า สิ่งที่เห็นเป็นคลิปที่เก่าที่สุด ซึ่งไม่ใช่คลิปวันที่เกิดเหตุ โดย นายชัยวัฒน์ อ้างว่า คลิปวันเกิดเหตุ ถือเป็นความลับทางคดี เป็นหลักฐานสำคัญที่จะพิสูจน์ให้ศาลเชื่อว่า จำเลยกระทำผิด อาจจะให้น้ำหนักในการกระทำผิดของจำเลย ซึ่งยังต่อสู้คดีอยู่ ซึ่งศาลก็ยังไม่ได้ฟัง เพียงแต่เมื่อวานนี้เป็นการยื่นหลักฐานในสำนวนใหม่ เพราะเมื่อวานนี้ตนก็ไม่คิดว่า จำเลยที่ 1 และ 2 จะรับสารภาพ ทำให้เราต้องเก็บหลักฐานเอาไว้ก่อน แต่เรายื่นบัญชีพยานเอาไว้แล้ว รวมถึงมีหลักฐานอื่นๆ ประกอบ

นอกจากนี้ แม่บอกว่า เมื่อวานได้มีโอกาสคุยกับ ปอ และ โรเบิร์ต ซึ่งแม่ดีใจที่เขารับสารภาพ ซึ่งทั้งสองคนก็ยังมากราบแม่ในศาล ซึ่งคนก็มอง เราก็กอดกันอยู่ตรงนั้น โดยเขาสารภาพผิด ในสิ่งที่เขาทำไป เกี่ยวกับความประมาท ส่วนรายละเอียดอยู่ที่คำให้การ

นายณธีพัฒน์ เชื่อว่า การรับสารภาพของทั้งสองคน อาจส่งผลอะไรบางอย่างในอนาคต เนื่องจากเป็นข้อหาประมาท เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย จำเลยที่ 1 และ 2 ยอมรับ แต่จำเลยที่ 3-5 อยู่บนเรือด้วยกัน แต่ไม่ยอมรับสารภาพ ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้คนคิดได้ว่า ทำไมจำเลยที่ 1 และ 2 ถึงสารภาพ และที่เหลือยังไม่สารภาพ

...

เมื่อถามว่า อีก 3 คนอาจมองว่า เขาไม่ได้ร่วมประมาทได้หรือไม่ นายณธีพัฒน์ บอกว่า ต้องถามว่าอีก 3 คนอยู่บนเรือด้วยกันไหม ก่อนที่แม่จะเสริมว่า ตอนเกิดเหตุทุกคนอยู่หัวเรือด้วยกัน ต้องรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะเราได้ยินจากเสียงในกล้อง

ส่วนคดีแพ่ง ที่มีการล้มเลิกการเรียกค่าเสียหายตามที่เคยตกลงกันมาก่อนหน้านี้ นายณธีพัฒน์ ระบุว่า เป็นการล้มเลยในส่วนของจำเลยที่ 3-6 จำนวน 40.8 ล้าน เนื่องจากคดีเก่าถูกจำหน่ายไปแล้ว ส่วน ปอ และ โรเบิร์ต ก็ยังเยียวยาเหมือนเดิม เดือนละ 30,000 จนครบ 9.2 ล้าน ซึ่งอาจจะเรียกมากกว่าเดิม เนื่องจากว่า ทางจำเลยได้มีการต่อสู้ และเราได้คำนวณจากรายได้ทั้งหมดของแตงโมแล้ว ทั้งรายได้จากโฆษณา พรีเซนเตอร์ การออกอีเวนต์ ฯลฯ รายได้ 100 กว่าล้าน เพราะแตงโมรับงานเยอะมาก ซึ่งแม่กล่าวเสริมว่า ยังมีค่าเสียเวลา ค่าจ้างทนายที่แม่ต้องจ่าย ซึ่งก็เยอะ ทุกอย่างเป็นเงินทองหมด น่าจะเกินจากที่เรียกไว้

เมื่อถามว่าเรามุ่งคดีอาญา หาคนทำกับลูกสาวเป็นหลัก หรือมุ่งการเรียกร้องค่าเสียหาย แม่บอกว่า ตีคู่กันไป ส่วนอาญาก็ดำเนินการไป ส่วนของแพ่งก็ได้ใช้สิทธิโดยตรง ในส่วนของผู้เสียหายที่ลูกสาวเสียชีวิตปริศนา

ต่อข้อถาม กรณีที่ แซน เตรียมฟ้องกลับแม่ 40.8 แสนล้าน แม่อธิบายว่า คดีกล่าวหาฆ่าคนตาย แม่ได้ถอนออกมานานแล้ว และอยากให้นึกถึงด้วยว่า แม่ถอนเพราะเหตุใด เนื่องจากไม่ได้อยากให้ทั้งทีมติดคุก เพราะอีกคนเขาฟ้องไปแบบนั้น ทำเกินกว่าที่แม่สั่ง แม่ทราบก็ไปถอนออกมา ซึ่งเมื่อวานก็ไม่ได้บอกแซนเรื่องนี้ เพราะเขาน่าจะทราบว่าเป็นเรื่องเก่า และทนายเขาก็ต้องทราบ โดยเมื่อวานในศาลก็ยังกอดกัน ถ่ายรูป ก็ว่ากันไปตามคดี อีกทั้งเขาไม่มีสิทธิ์ที่จะมาฟ้องเรียกแม่ 40 ล้านหรอก จากเรื่องไหนล่ะ

...



นอกจากนี้ แม่ยังบอกด้วยว่า มั่นใจกับทีมทนายชุดนี้ ไม่เปลี่ยนแล้ว คงไม่มีใครเก่งเท่าทีมนี้แล้ว ที่แม่ได้รับสินไหม คุณชัยวัฒน์ เขาเป็นคนเรียกให้ คนอื่นไม่เห็นเรียกให้แม่เลย 

ติดตามได้ในรายการเปิดปากกับภาคภูมิ เวลา 15.30 น. ทางไทยรัฐทีวี ช่อง 32