“ชูวิทย์” ลุยแจ้งความเอาผิด “หยู ซิน ฉี” อีก 3 ข้อหา รวมทั้งเอาผิดตาม ม.112 เพราะแอบอ้างสถาบัน แฉต่อวีซ่าเกษียณที่ จ.ชลบุรี ไปตรวจสอบพบเป็นเพียงบ้านร้างมีหมาอยู่ 2 ตัว ภาคต่อสมาคมเถื่อนมาเฟียจีน แก๊ง 14 เค ลักษณะซ่องสุมอั้งยี่ ย่านศรีวรา วอน “รองโจ๊ก-ฝ่ายปกครอง” ลุยปราบ ขณะที่กรมการปกครองแจ้งความเอาผิด “หยู ซิน ฉี” ตั้งสมาคมโดยไม่ได้รับอนุญาต ปลัด มท.ออกคำสั่ง “ผู้ว่าฯ” ทั่วประเทศตรวจสอบมูลนิธิ-สมาคมทั้งหมดว่าขออนุญาตและดำเนินการถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่

กรณีตำรวจสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) และเจ้าหน้าที่กรมการปกครอง นำหมายศาลเข้าตรวจค้นบ้านย่านออเงิน เขตสายไหม ควบคุมตัวนายหยู ซิน ฉี อายุ 60 ปี ชาวจีน ประธานมณฑลส่านซีสมาคมแห่งประเทศไทย ความผิด 3 ข้อหาประกอบด้วย พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ร.บ.ควบคุมการเรี่ยไร และจัดตั้งสมาคมโดยไม่ได้รับอนุญาต นอกจากนี้ยังแอบอ้างใกล้ชิดบุคคลมีชื่อเสียงหลอกลวงคนจีนที่เข้ามาทำธุรกิจในประเทศไทย จากการตรวจค้นพบรูปถ่ายกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม และรูปคู่กับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ต่อมารองโจ๊กออกมาปฏิเสธไม่รู้จัก เป็นเพียงคนมาขอถ่ายรูปในงานรับรางวัลเมื่อ 4 ปีที่แล้ว

ความคืบหน้าจาก สน.นางเลิ้ง เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 20 ก.พ. นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีต นักการเมืองชื่อดัง เดินทางเข้าพบ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. พล.ต.ต.นำเกียรติ ธีระโรจน์พงษ์ ผบก.ศฝร.บช.น. (ศูนย์ฝึกอบรมตำรวจนครบาล) พ.ต.อ.รัฐธนนท์ เอกฐิติกุลพัทธ์ ผกก.สน.นางเลิ้ง และพนักงานสอบสวน สน.นางเลิ้ง แจ้งความดำเนินคดีนายหยู ซิน ฉี อายุ 60 ปี ชาวจีน ประธานสมาคมจีนจื้อกงแห่งอาเซียน ประธานสมาคมชาวจีนโพ้นทะเลแห่งส่านซีแห่งอาเซียน และประธานมณฑลส่านซีสมาคมแห่งประเทศไทย ความผิดฐานหมิ่นประมาท ความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และความผิดตามมาตรา 112 ตั้งสมาคมเถื่อนและแอบอ้างเบื้องสูงเพื่อหาผลประโยชน์

...

นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ กล่าวว่า ตนรวบรวมข้อมูลและพฤติการณ์ของนายหยูมานาน ก่อนส่งให้นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล นำไปอภิปรายในสภา นายหยูเป็นตัวอย่างของทุนจีนสีเทาอีกประเภทที่อวดอ้างว่าใกล้ชิดกับข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ทั้งทหารและตำรวจ รวมทั้งสถาบันหลัก นายหยูได้ต่อวีซ่าประเภทเกษียณที่ จ.ชลบุรี แต่เมื่อไปตรวจสอบพบเป็นบ้านร้างในย่านหนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี มีเพียงสุนัข 2 ตัว ส่วนตัวนายหยู อยู่กรุงเทพฯ บ้านดังกล่าวลักษณะเหมือนบ้านร้างที่ภาคอีสานที่จัดตั้งเป็นสมาคมเถื่อน เรื่องนี้ส่วนตัวมองว่าสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองมีความรั่วไหล ถึงเวลาย้ายสังกัดให้ไปขึ้นตรงกับกระทรวงมหาดไทย

“นายหยูยังนำเรื่องแอบอ้างสถาบันไปอวดอ้างกับชาวจีนให้เกิดความเข้าใจผิด เห็นควรจะแจ้งข้อหาตามกฎหมายอาญามาตรา 112 กฎหมายข้อนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน แต่ด้วยพฤติการณ์ของนายหยูมีความเข้าข่ายความผิดดังกล่าว ต้องการแจ้งข้อหานี้เพื่อปกป้องสถาบันหลักของชาวไทย พร้อมฝากให้ ผบ.ตร. ต้องจัดการให้ถูกคน ถูกเรื่อง ตนจะแจ้งข้อหาตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์เพิ่มเติม จากการที่นายหยูกล่าวหาว่า ข้อมูลเรื่องทุนจีนเทาของตนเป็นเศษขยะ” นายชูวิทย์กล่าว

นายชูวิทย์กล่าวด้วยว่า ตนยังพบว่ามีสมาคมต่างๆถึง 500-600 กลุ่ม เฉพาะที่ จ.กาญจนบุรี ไม่ทราบว่ากระทรวงมหาดไทยตรวจสอบสมาคมเหล่านี้หรือไม่ และยังมีกลุ่มชาวจีนที่เปิดสำนักงานทนายความ ใช้ชื่อชาวไทยบังหน้ามีที่ตั้งย่านพระราม 9 แต่แท้จริงกลับใช้ทนายคนจีน ที่สำคัญยังมีสมาคมเถื่อนของนายไบ๋ เจ้ากวย มาเฟียแก๊ง 14 เค ของชาวจีนที่มีลักษณะเป็นการซ่องสุมอั้งยี่ ตั้งสมาคมหงเหมินย่านถนนศรีวรา วันที่ 21 ก.พ.เวลา 13.00 น. ตนจะเข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีที่ทำเนียบรัฐบาล หลังการประชุมคณะรัฐมนตรี นำข้อมูลทั้งหมด เช่น ทุนจีนสีเทา ข้าราชการทุจริตคอร์รัปชันไปมอบให้ดำเนินการต่อไป

ต่อมานายวิธาร สุขการ ผู้อำนวยการส่วนรักษาความสงบเรียบร้อย 2 สำนักการสอบสวนและพฤติการณ์ กรมการปกครอง เข้าพบ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล แจ้งความดำเนินคดีนายหยู ซิน ฉี กรณีลักลอบเปิดสมาคมโดยไม่ได้รับอนุญาต และนำไปแสวงหาผลประโยชน์โดยไม่ชอบ นายวิธารเผยว่า รับมอบหมายจากอธิบดีกรมการปกครองมาร้องทุกข์กล่าวโทษนายหยู 3 ข้อหา ฐานใช้สมาคมนำหน้าโดยที่ไม่ได้จดทะเบียนเป็นสมาคมตามกฎหมาย ดำเนินกิจการให้ผู้อื่นหลงเชื่อว่าเป็นสมาคม โดยไม่ได้เป็นสมาคมตามกฎหมาย ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของหุ้นส่วนบริษัท มูลนิธิ และสมาคม และฐานนำเข้าข้อมูลเท็จสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ปลัดกระทรวงมีหนังสือกำชับผู้ว่าราชการแต่ละจังหวัด ฐานะนายทะเบียนสมาคมของจังหวัด ให้ตรวจตราสมาคมและมูลนิธิที่มีอยู่แล้ว หากพบสมาคมเถื่อนหรือสมาคมผิดกฎหมายให้แจ้งศูนย์ดำรงธรรมทั้งส่วนอำเภอ จังหวัด และกระทรวง

“จากการตรวจสอบพบว่า สมาคมของนายหยูไม่มีข้อมูลในระบบ เชื่อว่ายังมีสมาคมลักษณะนี้อีกหลายแห่งทั่วประเทศ หากพบการกระทำผิดจะดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมาย ทำมาตลอด เช่น มูลนิธิที่ จ.เชียงใหม่ และ จ.เชียงราย ยื่นคำร้องต่อพนักงานอัยการให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนไปแล้ว หากเป็นรูปแบบสมาคมนายทะเบียนสามารถเพิกถอนได้เอง” นายวิธารกล่าว

ด้าน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล กล่าวว่า ขณะนี้นายหยูถูกแจ้งข้อหาตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ความผิดตาม พ.ร.บ.เรี่ยไร และความผิดเกี่ยวกับการตั้งสมาคมโดยไม่ได้รับอนุญาต พร้อมขึ้นบัญชีแบล็กลิสต์ถาวรก่อนผลักดันออกนอกประเทศต่อไป เบื้องต้นพบว่าลักษณะของสมาคมเถื่อนมีทั้งการตั้งโดยไม่ได้รับอนุญาต หรือไม่ได้ดำเนินการตามวัตถุประสงค์ของสมาคม ส่วนข้อหาตามกฎหมายอาญา ม.112 นั้น ต้องมีผู้กล่าวหา นายชูวิทย์ทำหน้าที่เป็นพลเมืองดีปกป้องสถาบัน ตนนำเรียนให้ ผบ.ตร.รับทราบแล้ว จากนี้ตำรวจจะรับเรื่องดำเนินการต่อไป และทยอยตรวจสอบพร้อมเพิกถอนสมาคมเถื่อนร่วมกับกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย

...

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. กล่าวว่า ได้รับรายงานจาก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ว่ามีตัวแทนจากกระทรวงมหาดไทยไปแจ้งความที่ สน.นางเลิ้ง ข้อหาเปิดสมาคม โดยไม่ได้รับอนุญาตและเรื่อง พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ เอาข้อมูลอันเป็นเท็จไปหลอกลวงคนจีนในประเทศไทย ส่วนกรณีนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ กล่าวโทษให้ดำเนินคดีอาญามาตรา 112 กับนายหยู ซิน ฉี ซึ่งคดี 112 เป็นคดีอาญาแผ่นดินไม่ว่าประชาชน หรือเจ้าหน้าที่สามารถร้องทุกข์กล่าวโทษได้ หลังรับเรื่องแล้วจะรวบรวมพยานหลักฐานต่อไป สำหรับสมาคมเถื่อนรายใหม่ที่นายชูวิทย์ออกมาเปิดโปงจะต้องประสานกับมหาดไทยแต่ละพื้นที่ เพื่อตรวจสอบหากกระทำความผิดจะให้กระทรวงมหาดไทยร้องทุกข์กล่าวโทษที่สถานีตำรวจท้องที่ต่อไป