เกือบปีคดีไม่คืบ "คุณพ่อน้องเปรม" ยังทำใจไม่ได้ เปิดปากเล่าทั้งน้ำตา "ลูกชายคนโต" โดนรุ่นพี่รับน้องโหดเสียชีวิต รับไม่ได้ โดนต่อรองชดเชยเยียวยาเหลือ 5 แสนบาท
เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2566 ในรายการ "เปิดปากกับภาคภูมิ" ทางไทยรัฐทีวี ช่อง 32 ดำเนินรายการโดย นายภาคภูมิ พันธุ์สถิตย์ ได้พูดคุยกับ "คุณพ่อน้องเปรม" หลังเกิดเหตุรุ่นพี่ ปวส. ชั้นปีที่ 2 ม.ดังเมืองโคราช รับน้องโหด โดยร่วมกันทำร้ายจนทำให้ "น้องเปรม" นายพัสยศ ชลภักดี นักศึกษา ปวส. ชั้นปีที่ 1 เสียชีวิต เมื่อวันที่ 13 มี.ค. 2565 แต่คดียังไม่มีความคืบหน้า
คุณพ่อผู้เสียชีวิต เล่าว่า น้องเปรมเป็นลูกชายคนโต ไม่ได้เป็นแค่ความหวังของครอบครัว แต่ยังเป็นพ่อของลูก วัย 4 เดือนอีกด้วย เพราะตอนน้องเปรมเสียชีวิต แฟนกำลังตั้งท้องได้ 3 เดือน เหตุการณ์วันนั้นประมาณเที่ยงคืนกำลังจะไปกรีดยาง มีโทรศัพท์โทรเข้ามา บอกให้ตนทำใจดีๆ ตอนนั้นคิดแล้วว่าจะเกิดเรื่องไม่ดี โดยคุณหมอบอกว่า ลูกอยู่โรงพยาบาล ช่วยแล้วแต่เขาไม่ตอบสนอง ซึ่งตนก็ขอให้คุณหมอช่วยปั๊มหัวใจอีกรอบ ซึ่งคุณหมอก็รับปากแล้ววางไป แล้วโทรกลับมาบอกว่าลูกชายเราไม่ตอบสนองแล้ว ยื้อชีวิตไม่ได้ ตอนนั้นคุณหมอบอกลูกชายไปเล่นฟุตบอลมาแล้ววูบ ซึ่งตอนนั้นงง เพราะปกติลูกเป็นนักฟุตบอล แข็งแรง ซึ่งไม่น่าเล่นฟุตบอลจนถึงเที่ยงคืน ตอนนั้นก็ทำอะไรไม่ถูก
...
ทางด้าน น้าของผู้เสียชีวิต เล่าว่า ตอนนั้นประมาณตี 1 ยายโทรมาร้องไห้ บอกว่าหลานชายตายแล้ว ตอนนั้นก็ไม่รู้รายละเอียด บอกแค่ว่าไปเตะฟุตบอล ต่อมา แม่ของหลานชายโทรมาบอกให้ไปเซ็นเอกสารเรื่องรับศพ เพราะพ่อกับแม่อยู่ใต้ ขึ้นมาไม่ทันแน่นอน
จากนั้น พอไปถึงโรงพยาบาลเวลาประมาณตี 3 พยาบาลบอกให้รอคุณหมอก่อน เพราะตอนนั้นมีคนไข้ฉุกเฉินเข้ามาพอดี หลังจากคุณหมอเคลียร์คนไข้ฉุกเฉินตรงนั้นแล้ว จึงได้สอบถามว่าหลานเป็นอะไรมา ซึ่งคุณหมอบอกไม่ทราบสาเหตุ ทราบเพียงว่าไปเตะฟุตบอลแล้ววูบ ซึ่งตอนนั้นไม่เชื่อ เพราะหลานเป็นนักฟุตบอลตั้งแต่เด็ก ในใจคิดว่าต้องมีอะไรมากกว่านั้น
ต่อมา ได้เจอเพื่อนกับแฟนของหลานชาย ตนก็พูดว่าไม่เชื่อว่าเตะฟุตบอลแล้ววูบ มันมีอะไรมากกว่านั้นใช่ไหม ซึ่งเพื่อนหลานก็บอกว่ามีครับ กลุ่มรุ่นพี่พาไปรับน้องกันมาในป่า ซึ่งเปรมโดนรุ่นพี่ต่อยที่หน้าอก มีรุ่นน้องโดนต่อยกันหลายคน แต่เปรมโดนต่อยหนักสุดจนล้มลงไป ซึ่งปั๊มหัวใจกันจนฟื้นขึ้นมา แล้วพาขึ้นรถกระบะมาโรงพยาบาล
จากนั้น ทางมหาวิทยาลัยได้ออกมาสืบเรื่องดังกล่าว จนพบว่าเป็นการไปรับน้องนอกมหาวิทยาลัย โดยมีรุ่นพี่เกี่ยวข้องทั้งหมด 25 คน ต่อมาจึงมีการแจ้งข้อหาดำเนินคดี
ทางด้าน ทนายวีระพันธุ์ บำขุนทด เผยว่า เข้ามาช่วยคดีได้ 3-4 เดือนหลังจากเกิดเหตุ เนื่องจากคุณพ่อน้องเปรมมาบอกว่าคดีทางโรงพักเงียบไป ขอให้มาช่วยติดตามหน่อย เพราะพ่ออยู่จังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นคนต่างจังหวัด ไม่ค่อยรู้เรื่อง ฝากช่วยมาติดตามท้องที่เกิดเหตุที่ สภ.มะเริง จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งตอนเข้ามาติดตาม ตำรวจก็แจ้งว่ามีการสรุปสำนวนเรียบร้อยแล้ว เหลือเพียงส่งลายนิ้วมือของผู้ต้องหาไปให้ส่วนกลางตรวจสอบ
ในระหว่างที่รอ เราทำอะไรไม่ได้ จึงติดต่อไปทางมหาวิทยาลัย เพื่อเรียกไกล่เกลี่ยเรื่องค่าเสียหาย เพราะถ้าเรื่องค่าเสียหายมันจบ ไม่ว่าจะทางคดีอาญาหรือทางแพ่ง มันจะเป็นประโยชน์ต่อทั้ง 2 ฝ่าย ซึ่งตอนแรกกลุ่มรุ่นพี่มา 7 คน เป็นกลุ่มคนที่ชกน้องเปรม ซึ่งทางคุณพ่อเรียกไปหลักล้าน แต่เขาต่อรองมา 5 แสนบาท ซึ่งจะไปรวบรวมเงินกัน ซึ่งทางคุณพ่อรับไม่ได้ เพราะน้องเปรมเป็นลูกชายคนโตของครอบครัว มีอนาคต มีลูกน้อยที่เพิ่งเกิด
"วันนั้นที่ได้ยินคือรับไม่ได้ เลยพูดไปว่า ถ้าเป็นลูกของพวกท่าน ท่านจะเสียใจเหมือนพ่อ ท่านจะเอาไหม เอาชีวิตลูกผมคืนมาได้ไหม แล้วผมจะไม่เอาอะไรสักอย่าง" คุณพ่อของผู้เสียชีวิต กล่าว
...
"เหมือนพวกเขาจะไม่เข้าใจ วันนั้นผู้ปกครองพูดประมาณว่า ลูกเขาถูกไล่ออกจากโรงเรียนแล้ว ยังต้องมาชดใช้ค่าเสียหายอีก และต้องติดคุกอีก" น้าของผู้เสียชีวิต กล่าว
ขณะที่ คุณพ่อเผยต่อว่า เกือบ 1 ปีที่ผ่านมา ต้องเดินทางไปกลับนครศรีธรรมราช-นครราชสีมา หลายเที่ยว บางครั้งไปกลับต้องขับรถคนเดียวพันกว่าโล ขับไปพักไป บางทีขับรถไม่ไหวก็นอน บางครั้งต้องไปอีกแต่ขับรถไม่ไหวก็นั่งรถทัวร์มา ช่วงที่ต้องเดินทางก็เสียรายได้ ใช้เงินหลายบาท ถ้ารอบไหนต้องมาหลายวันก็ไปทำงานรับจ้างก่อสร้าง เพราะไม่มีรายได้ สุดท้ายนี้ฝากถึงทุกท่านที่ตามข่าวอยู่ ถ้ามีลูกหลานขอให้ดูสถาบันให้ดี ไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์เหมือนคุณพ่อ เสียแล้วมันเอาคืนไม่ได้ ต้องมานั่งเสียใจเหมือนคุณพ่อตอนนี้
น้าของผู้เสียชีวิต เผยว่า อยากให้เลิกรับน้องไปเลย มีตั้งหลายวิธีที่จะประสานความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้อง การเคารพกันระหว่างรุ่นพี่รุ่นน้อง มันมีตั้งหลายวิธีที่มันสร้างสรรค์กว่านี้ อย่างน้องคนที่ก่อเหตุก็โดนไล่ออก พ่อแม่ก็ต้องมาเสียทรัพย์สินอีก
อย่างไรก็ตาม สามารถติดตามรายการ "เปิดปากกับภาคภูมิ" พร้อมกันได้ ทุกวันจันทร์ถึงวันศุกร์ ตั้งแต่เวลา 15.30 น. เป็นต้นไป ได้ทางไทยรัฐทีวี ช่อง 32.