ชูวิทย์เปิดแผลสีกากี ซัด 3 นายพล สตม.มีส่วนเกี่ยวข้องแปลงวีซ่าให้ทุนจีนสีเทาเข้ามาทำธุรกิจในไทย แฉ 2 ใน 3 เป็นเพื่อน นรต.47 ร่วมรุ่น “บิ๊กโจ๊ก” ขณะที่ “สันธนะ” แถลงเห็นใจ “ตู้ห่าว” ไม่ได้ชี้แจงข้อเท็จจริงเพราะไม่ได้ประกันตัว ด้าน “วัชระ” ร้อง “อสส.” รื้อคดี “ตู้ห่าว” จ้างวานฆ่า-เผาสวนงู ภูเก็ต พ่วงตั้ง กก.สอบอัยการภูเก็ต

ความคืบหน้ากรณี คณะทำงานชุดคลี่คลายคดี ธุรกิจทุนจีนสีเทา เรียกตำรวจตรวจคนเข้าเมือง 27 แห่ง เข้าให้ปากคำ กรณีเกี่ยวข้องกับการออกวีซ่ากลุ่มธุรกิจ ทุนจีนสีเทาว่าดำเนินการถูกต้องหรือไม่ มีรายงานเมื่อวันที่ 7 ธ.ค. ว่า คณะพนักงานสอบสวนในคดีทลาย ผับจินหลิง มีนายตู้ห่าว หรือนายชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ เป็นเจ้าของ พนักงานสอบสวนได้ออกหมายเรียกกลุ่ม กรรมการบริษัทและคนใกล้ชิดนายตู้ห่าว รวม 4 คน ก่อนหน้านี้ น.ส.พัชรินทร์ อิทธิวัฒนา กรรมการผู้จัดการ ดีวาลักซ์ รีสอร์ทแอนด์สปา ซึ่งมีข้อมูลเป็นนอมินีนายชัยณัฐร์ และ น.ส.หลิน ได้เข้าพบพนักงานสอบสวนแล้ว ในฐานะพยาน เน้นสอบสวนเกี่ยวกับรายละเอียดธุรกรรม การเงินของบริษัท ส่วน 2 คน คือ อดีตตำรวจนายหนึ่ง และนางสุชาดา มาศมิส นัดหมายเข้าให้ปากคำที่สโมสร ตำรวจ ถนนวิภาวดีรังสิต วันที่ 8 ธ.ค.นี้ คาดว่า พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.จะมาร่วมสอบปากคำในครั้งนี้ด้วย

อีกด้านหนึ่ง เมื่อเวลา 14.00 น. วันเดียวกัน ที่โรงแรม เดอะ เดวิส สุขุมวิท 24 นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมืองชื่อดัง นัดสื่อแถลงปฏิบัติการทลายภูเขาน้ำแข็งใต้น้ำ กรณีมีตำรวจสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) อำนวยความสะดวกให้กลุ่มทุนจีน สีเทา พร้อมเปิดหลักฐานการจัดตั้งมูลนิธิรับจดทะเบียนให้คนจีนพักอาศัยในไทยโดยผิดกฎหมาย

...

นายชูวิทย์กล่าวว่า สิ่งที่จะพูดไม่ได้เป็นประเด็น การเมือง แต่เป็นการตั้งคำถามไปยังผู้มีอำนาจที่อยู่ ในรัฐสภาและทำเนียบรัฐบาล เพราะเรื่องที่เปิดเผยเป็นเพียงยอดภูเขาน้ำแข็ง วันนี้จะเน้นไปที่ สตม. เป็นด่านแรก มีผู้เกี่ยวข้องบางคนส่งเสริมให้ทุนจีนสีเทาเข้าสู่ประเทศรูปแบบขบวนการแปลงวีซ่าชาวจีน ที่ประกอบธุรกิจผิดกฎหมาย เมื่อเข้ามาในไทยจะได้ วีซ่านักท่องเที่ยวอยู่ในประเทศได้ 30 วัน ดังนั้นเพื่อเปลี่ยนประเภทวีซ่าเป็นวีซ่าสำหรับประกอบธุรกิจ (non b visa) หรืออาสาสมัครมูลนิธิ (non o visa) ติดต่อผ่านคนกลางที่มีทั้งรูปแบบสำนักงานกฎหมายชาวจีนที่ว่าจ้างคนไทย และรูปแบบบุคคล เพื่อไปสมัคร เป็นเจ้าหน้าที่อาสาสมัครของมูลนิธิปรานต์ ฮั่นอวี ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนการศึกษาภาษาจีนของ เด็กและเยาวชน การเปลี่ยนวีซ่าดังกล่าวมีค่าใช้จ่ายกับ ตม. รายละ 1-3 แสนบาท

นายชูวิทย์กล่าวต่อว่า มูลนิธินี้ก่อตั้งเมื่อปี 61 อยู่ในหมู่บ้านพิมานชื่น จ.ขอนแก่น ปี 2563 มูลนิธินี้มีสมาชิก 2,747 ราย ใน จ.ขอนแก่น และใน จ.กาฬสินธุ์ อีก 907 ราย ผู้ที่มีอำนาจขออนุมัติเปลี่ยน วีซ่า ต้องเป็นระดับผู้บังคับการขึ้นไปของ สตม. ระหว่าง ปี 63- 64 มีการอนุมัติให้ผู้เปลี่ยนประเภทวีซ่าแล้วกว่า 3,325 ราย นายตำรวจดังกล่าวมียศ พล.ต.ต.ถึง 3 นาย เป็น อดีต ผบก.ตม.4 และ ตม.5 ในนี้มี 2 นาย เป็นเพื่อนร่วมรุ่นนักเรียนนายร้อยตำรวจ (นรต.) 47 กับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. นอกจากมูลนิธินี้ และมูลนิธิอื่นรวม 6 แห่ง และมีสมาคมเถื่อน และการอุ้มท้องซื้อพ่อ ฉะนั้น ผบ.ตร.จะต้องจัดการ ไม่เช่นนั้นเมื่อเรื่องเงียบก็จะกลับเข้ามาอีก

ก่อนหน้านี้เมื่อเวลา 10.00 น.วันเดียวกัน ที่ โรงแรมแกรนด์ เซ็นเตอร์พอยต์ นายสันธนะ ประยูรรัตน์ คู่กัดนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ แถลงข่าวสื่อมวลชนถึง การรวบรวมพยานการประกอบธุรกิจบริษัทในเครือของนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ให้กรมสรรพากรตรวจสอบการเสียภาษีย้อนหลัง พร้อมนำเอกสารข้อมูลการทำ ธุรกิจบริษัทในเครือของนายชูวิทย์ เพื่อตรวจสอบว่า การทำธุรกิจอาบ อบ นวด ของนายชูวิทย์ เสียภาษี ให้กับรัฐมากน้อยอย่างไร ส่วนกรณีที่นายชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ หรือตู้ห่าว ขณะนี้ยังไม่มีการยื่นประกันตัว เห็นใจนายตู้ห่าวไม่ได้รับความเป็นธรรม ไม่มีโอกาส ได้ชี้แจงข้อเท็จจริง

วันเดียวกัน ที่สำนักงานอัยการสูงสุด นายวัชระ เพชรทองอดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ เข้ายื่นหนังสือผ่านนายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ถึง น.ส.นารี ตัณฑเสถียร อัยการสูงสุด (อสส.) ขอให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงกรณีอัยการจังหวัดภูเก็ต กรณีที่มีคำสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาในคดีนายชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ หรือนายตู้ห่าว กับพวก ว่าการสั่งคดีเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยชอบหรือไม่ กรณีเมื่อวันที่ 30 พ.ย.65 ที่สำนักงานอัยการสูงสุด โฆษกอัยการสูงสุดและรองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุดในขณะนั้นร่วมแถลงข่าวถึงกรณีนายชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ หรือ ตู้ห่าว เคยตกเป็นผู้ถูกกล่าวหาในคดีจ้างวานพยายามฆ่าผู้อื่นและจ้างวานวางเพลิงเผาสวนงูหรือทรัพย์สินผู้อื่น เมื่อวันที่ 23 เม.ย.55 กลุ่มคนร้ายได้บุกเข้าไปเผาสวนงูที่ จ.ภูเก็ต และทำร้าย รปภ.บาดเจ็บสาหัส จนพิการ เป็นบริษัทธุรกิจคู่แข่ง แต่สุดท้ายอัยการจังหวัดภูเก็ตมีคำสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาในคดีทั้งหมด สำนวนคดีมี 800 หน้า แต่ใช้เวลาพิจารณาเพียง 1 วัน และต่อมาเมื่อปี 63 นายวงศ์สกุล กิตติพรหมวงศ์ อัยการสูงสุด ได้มีคำสั่งชี้ขาดแล้วนั้น

“เนื่องจากคดีนี้เป็นที่สนใจและเคลือบแคลงสงสัยของประชาชน ด้วยความเคารพต่อองค์กรของอัยการซึ่งเป็นทนายของแผ่นดิน ขอสอบถามอัยการสูงสุดดังนี้ 1.อัยการจังหวัดภูเก็ต (ขณะนั้น) มีคำสั่งไม่ฟ้องนั้นเป็นตามหลักนิติรัฐและหลักนิติธรรมหรือไม่ 2.การที่อัยการสูงสุด (ขณะนั้น) มีคำสั่งชี้ขาดไม่ฟ้องคดี สำนักงานอัยการสูงสุดสามารถทบทวนคำสั่งตามกฎหมายอื่นใดเพื่อให้เกิดความยุติธรรมกับผู้ที่ได้รับบาดเจ็บหรือผู้เสียหายได้หรือไม่อย่างไร 3.ขอให้พิจารณาตั้งคณะกรรมการสอบสวนอัยการจังหวัดภูเก็ตกับพวก (ขณะนั้น) กรณีคดีนายชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ หรือตู้ห่าวกับพวก ข้อหาจ้างวานพยายามฆ่าผู้อื่นและจ้างวานวางเพลิงเผาทรัพย์สินผู้อื่น ว่าการสั่งคดีเป็นไปตามข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย ปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยชอบหรือไม่” นายวัชระกล่าว

...