"เปิดปากกับภาคภูมิ" พูดคุย พ่อแม่ ของ "น้องกอหญ้า" สาวประเภทสองถูกไรเดอร์ฆ่าถ่วงน้ำ คาใจเป็นการฆ่าชิงทรัพย์ หรือแค้นส่วนตัว เผยลูกเป็นเสาหลักของครอบครัว
เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 25 พฤศจิกายน 2565 ในรายการ "เปิดปากกับภาคภูมิ" ทางไทยรัฐทีวีช่อง 32 ดำเนินรายการโดย นายภาคภูมิ พันธุ์สถิตย์ ได้พูดคุยถึงกรณีหนุ่มไรเดอร์ อายุ 36 ปี ผู้ต้องหาในคดีฆ่า น้องกอหญ้า สาวประเภทสอง อายุ 29 ปี ใช้ดัมเบลกับโซ่พันคอทิ้งศพไว้ในคลองส่งน้ำ หมู่ 1 ต.คลองสอง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ซึ่งทางพ่อแม่ของผู้เสียชีวิตคาใจว่าเรื่องดังกล่าวเป็นการชิงทรัพย์ หรือมีความแค้นส่วนตัว
ทั้งนี้ ว่าที่ร้อยตรี ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยว่า ได้ประสานไปยัง พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร ผบช.ภ.1 ท่านก็ได้เร่งรัดคดี หลังจากได้ตัวผู้ต้องหามาแล้ว ได้ให้ทางยุติธรรมจังหวัดประสานไปยังครอบครัวผู้เสียหายเพื่อแจ้งสิทธิว่าเงินเยียวยาของผู้เสียชีวิตในส่วนของการตรวจพิสูจน์ทราบว่า เป็นของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ไม่ใช่นิติวิทยาศาสตร์เป็นผู้ตรวจ
...
หากญาติยังสงสัยการเสียชีวิตหรือเรื่องใดก็ตาม เมื่อผลการตรวจของเจ้าหน้าที่ตำรวจออกเรียบร้อยแล้ว ญาติสามารถยื่นให้กระทรวงยุติธรรมตรวจพิสูจน์ในครั้งต่อไปได้ สำหรับในส่วนของคดีความ คดีนี้อย่างไรก็ตามโทษสูงสุดถึงประหารชีวิตอยู่แล้ว เพราะเป็นเรื่องของคดีฆาตกรรม และจะให้ยุติธรรมจังหวัดตรวจสอบรายละเอียดข้อสงสัยต่างๆ ว่า ก่อเหตุคนเดียวหรือไม่ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องทำให้ญาติผู้เสียหายได้รับความกระจ่าง นี่คือแนวทางที่กระทรวงยุติธรรมจะยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือ
ด้านแม่ของผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า ตนมีลูก 2 คน โดยน้องกอหญ้าเป็นลูกคนเล็ก เป็นเสาหลักของครอบครัว ปกติลูกจะออกไปทำงานเวลาประมาณ 21.00 น. และจะกลับบ้านประมาณตี 4-5
แต่ในวันเกิดเหตุ เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2565 ลูกออกไปทำงานแล้วยังไม่กลับบ้าน ตนจึงแชตไปหาแต่ลูกไม่อ่าน โทรไปก็ปิดเครื่อง ซึ่งผิดปกติ แต่ตนไม่มีเบอร์เพื่อนของลูกเลย จึงเข้าไปในเฟซบุ๊กของลูกแล้วพยายามทักหาเพื่อนในเฟซบุ๊ก ทราบว่าเพื่อนๆ ติดต่อกอหญ้าไม่ได้ตั้งแต่ 5 ทุ่ม ตนฟังแล้วก็ใจไม่ดี อยากแจ้งความ เพื่อขอดูกล้องวงจรปิด จึงไปที่ สน. กับเพื่อนของลูก 3 คน
ในตอนแรกไปที่สำนักงานเขตในพื้นที่เพื่อขอดูกล้องวงจรปิด แต่ดูแล้วมืดมากและจุดที่ลูกยืนอยู่กล้องส่องไปไม่ถึง จากนั้นจึงไปหาเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อขอดูกล้องวงจรปิดเพิ่มเติม
แม่ของผู้เสียชีวิต กล่าวอีกว่า ตนพยายามตามร่องรอยของลูก จนมานั่งดูข่าวแล้วเห็นพวงกุญแจรถยนต์พอจำได้แต่ยังไม่ชัด จนไปเห็นแหวนกับกำไลข้อมือจึงรู้ว่า ผู้เสียชีวิตเป็นลูก ตอนนั้นใจสลายเลย เราไม่อยากให้เป็นแบบนี้ โหดร้าย ฆ่าเขาแล้วเอาดัมเบล เอาโซ่รัดคอเพื่อไม่ให้ศพขึ้นมาให้อยู่ข้างล่าง แต่น้องก็ขึ้นมาให้ทุกคนได้รู้ ซึ่งตนสงสัยว่า คนร้ายฆ่าเพื่อเงิน 1,400 บาทจริงหรือไม่ แหวนเพชรราคา 2.7 หมื่นแต่คนร้ายไม่เอาไปด้วย ตนอยากให้มีการชันสูตรอีกครั้ง
แม่ของผู้เสียชีวิต กล่าวอีกว่า น้องกอหญ้าเป็นเสาหลักของครอบครัว ในบ้านมีตนกับสามี ลูกชายคนโต สะใภ้ หลานอีก 2 คน ยายอายุ 85 ปี และลุงที่เป็นผู้ป่วยนอนติดเตียง ตนกับสามีทำงาน แต่รายได้หลักมาจากน้องกอหญ้า ตอนนี้ใจสลาย สงสารลูก โดนทุบขนาดนั้น เขาจะเจ็บปวดแค่ไหน
"หลังไปเจอร่างลูกได้บอกกับเขาว่าไม่ต้องห่วงแม่ ให้ลูกไปสบายไปเป็นนางฟ้า แต่ก็คิดถึงลูกตลอด เราเคยอยู่ด้วยกัน คุย หัวเราะ กินข้าวด้วยกันตลอดเวลา เขาไปทำงานจะมาขอพร เราก็ให้พรมาตลอด เราก็บอกให้เขารวยๆ เฮงๆ ปังๆ ขับรถปลอดภัยนะลูก จากนั้นเขาก็ไปขอพรกับหลานสาว เป็นแบบนี้มาทุกวัน ต่อไปนี้ก็ไม่มีเขาแล้ว"
...
ด้านพ่อของผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า ในส่วนการเสียชีวิตของลูก ทางโรงพยาบาลบอกว่า ลูกเสียชีวิตจากการจมน้ำ
ว่าที่ร้อยตรี ธนกฤต กล่าวเพิ่มเติมว่า หากเป็นการเสียชีวิตก่อนจะโยนลงน้ำ พวกเศษดินต่างๆ จะไม่สามารถเข้าไปในร่างกายได้ แต่พบว่าในหลอดลม ในกระเพาะมีสิ่งที่เกี่ยวข้องกับน้ำ นี่จะเป็นหลักฐานที่สำคัญ น้องกอหญ้าเสียชีวิตในลักษณะนี้แสดงว่า ไม่เสียชีวิตในทันที หากเป็นข้อหาฆ่าผู้อื่นจนถึงแก่ความตาย ในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 อาจจะมีโทษประหารชีวิต หรือจำคุกตลอดชีวิต หรือจำคุกตั้งแต่ 10-20 ปี แต่ในกรณีนี้อาจจะเข้าตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289 (5) ฆ่าผู้อื่นโดยทรมานหรือโดยกระทำทารุณโหดร้าย โทษสูงสุดคือประหารชีวิต และแนะนำครอบครัวฟ้องคดีแพ่งไปด้วย.
...