ไม่มีการบังคับ "ทนายเสี่ยโลจิสติกส์" แถลงโต้ "สาวหล่อ" บอกทุกฝ่ายสมัครใจหลับนอนด้วยกัน โดยไม่มีการกักขังหน่วงเหนี่ยว สุดท้ายเชื่อว่าคดีจะจบลงด้วยดี เพราะถือว่าเป็นคนในครอบครัว

จากกรณี "ทนายไพศาล" พา "สาวหล่อ" เดินทางเข้าร้องทุกข์กองปราบ ถูกนายจ้าง บ.โลจิสติกส์ แห่งหนึ่งบังคับขืนใจให้ร่วมหลับนอนแบบ 3 คนผัวเมีย แถมบีบให้เซ็นสัญญาทาส ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น (แฉยับ เจ้าของบริษัทโลจิสติกส์ดัง บังคับสาวหล่อ ร่วมหลับนอนสามผัวเมีย ล้างหนี้)

ล่าสุด วันที่ 11 พ.ย. 2565 นายเอกสิทธิ์ ศรีสังข์ ทนายความของ 2 สามีภรรยา ที่ถูกสาวหล่อเข้าแจ้งความดำเนินคดีอ้างว่าถูกข่มขืน-บังคับขู่เข็ญให้ใช้ชีวิตอยู่กันแบบ 3 คนผัวเมีย แถลงข่าวที่สำนักงานพิศิษฐ์ ศรีสังข์ ทนายความ ต.บางปลาสร้อย อ.เมือง จ.ชลบุรี โดยระบุว่า เรื่องนี้ถือว่าสาวหล่อเป็นชู้กับเมียเจ้าของบริษัท ระหว่างที่คบหากันได้มีการพูดจาขอความเห็นใจ และได้เงินจากภรรยาของผู้เสียหายไปไม่น้อยกว่า 500,000 บาท พร้อมทรัพย์สินต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์มือถือ แหวนแบรนด์เนม แต่พฤติกรรมของสาวหล่อก็ยังไม่ยอมหยุด จนเวลาเนิ่นนานกว่า 5-6 ปี กระทั่งมาถูกเจ้าของบริษัท ซึ่งเป็นสามีจับได้เมื่อช่วงต้นปี 2565 ที่ผ่านมา

หลังจากนั้น ผู้เสียหายฝ่ายชายได้เสนอทางเลือก 2 ทางคือ ต้องคืนเงินรวมทั้งทรัพย์สินที่ได้ไป หรือหากรักภรรยาของผู้เสียหายมากเมื่ออยู่กันมา 5-6 ปี จึงเสนอให้มาอยู่เป็นครอบครัวเดียวกัน หลังจากนั้นจึงได้ตกลงมาอยู่เป็นครอบครัวเดียวกัน ในลักษณะชาย 1 หญิง 2 โดยมาอาศัยอยู่บ้านเดียวกัน มีสัมพันธ์ในเชิงชู้สาว ซึ่งเป็นการมีเพศสัมพันธ์กันโดยความสมัครใจยินยอมกันทุกฝ่าย

...

รวมทั้งมีการไปเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ ด้วยกันอย่างเปิดเผย ทั้งในประเทศและต่างประเทศ อาทิ ประเทศสิงคโปร์, นอนโรงแรมหรูในพัทยา รวมทั้งโรงแรมในกรุงเทพฯ โดยไปร้านอาหารก็ถ่ายรูปร่วมกันทั้ง 3 คนกันอย่างเปิดเผย หลับนอนด้วยกันโดยไม่มีการกักขังหน่วงเหนี่ยว

ต่อมา ฝ่ายสาวหล่อได้มีการร้องขอให้มีการทำสัญญาเป็นหลักฐาน ในการอยู่ลักษณะชาย 1 หญิง 2 เพราะกลัวว่าหากไม่มีการพอใจกันขึ้นมาอาจจะมีการฟ้องร้องเรื่องของการเป็นชู้ เพราะผู้เสียหายทั้งสองมีทะเบียนสมรสกันอยู่ จึงทำข้อตกลงเพื่อป้องกันตัวเอง โดยมีข้อห้ามเรื่องการทำร้าย ทำให้เสียชื่อเสียง แต่ข่าวที่ออกไปกลับกลายเป็นสัญญาทาส ทั้งที่เป็นการทำสัญญาที่มีข้อตกลงกันเอง โดยไม่การบังคับหรือขู่เข็ญ

อย่างไรก็ตาม ทั้ง 3 คนคบกันมาสักระยะหนึ่งแล้ว คาดว่าคงมีเรื่องไม่เข้าใจกัน ระหว่าง 2 เมีย 1 ผัว ทะเลาะกัน จึงไปกล่าวหาว่าเป็นเรื่องข่มขืนกระทำชำเรา พยายามออกข่าวเพื่อเอากระแสสังคมมากดดันพนักงานสอบสวน ที่ฝ่ายตนออกมาชี้แจงในครั้งนี้ เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจและพร้อมจะต่อสู้คดีในชั้นศาล สุดท้ายเชื่อว่าคดีจะจบลงด้วยดี เพราะถือว่าเป็นคนในครอบครัว แต่มีปัญหาไม่เข้าใจกันเท่านั้นเอง สุดท้ายหากมานั่งคุยและปรับความเข้าใจกันเชื่อทุกฝ่ายคงจบลงไปด้วยดี.