"สภามหาวิทยาลัยรามคำแหง" มีมติถอด "สืบพงษ์ ปราบใหญ่" พ้นอธิการบดีรอบ 2 พร้อมแจงยิบ รายละเอียดความผิด 3 ข้อหาหนัก
เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 8 พ.ย. 2565 มีรายงานว่า สภามหาวิทยาลัยรามคำแหง ได้มีการประชุมนัดสำคัญเกี่ยวกับการพิจารณาผลการสอบสวนเรื่องที่ ผู้ช่วยศาสตราจารย์สืบพงษ์ ปราบใหญ่ อธิการบดี ถูกร้องเรียนว่าอาจเข้าข่ายกระทำความผิดและมีคุณสมบัติต้องห้ามในการดำรงตำแหน่งอธิการบดี ซึ่งที่ประชุมได้ใช้เวลาในการพิจารณาถึงประเด็นต่างๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างรอบด้าน จึงมีมติที่เห็นควรแจ้งให้ประชาคมมหาวิทยาลัยรามคำแหงทุกภาคส่วน ได้รับทราบข้อเท็จจริงตรงกัน
ด้วยเหตุที่ตำแหน่งอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง เป็นตำแหน่งผู้บริหารสูงสุดของมหาวิทยาลัย ซึ่งผู้ที่ดำรงตำแหน่งดังกล่าวสมควรที่จะต้องยึดถือคุณลักษณะของผู้บริหารที่พึงประสงค์ตามข้อบังคับมหาวิทยาลัยรามคำแหง ว่าด้วยคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้บริหาร พ.ศ. 2562 อย่างเคร่งครัด เพื่อเป็นแบบอย่างของผู้นำที่ดีให้แก่ผู้บริหาร คณาจารย์ เจ้าหน้าที่ บุคลากร ตลอดจนนักศึกษา ทั้งศิษย์เก่าและศิษย์ปัจจุบัน อันเป็นการธำรงไว้ซึ่งเกียรติยศ ชื่อเสียง และหลักธรรมาภิบาลของมหาวิทยาลัยรามคำแหง แต่ผู้ช่วยศาสตราจารย์สืบพงษ์ ปราบใหญ่ กลับกระทำการฝ่าฝืนกฎหมาย ระเบียบแบบแผนของทางราชการ มติคณะรัฐมนตรี และข้อบังคับและระเบียบของมหาวิทยาลัยรามคำแหง โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อบังคับมหาวิทยาลัยรามคำแหง ว่าด้วยคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้บริหาร พ.ศ.2562 ด้วยพฤติการณ์ ดังต่อไปนี้
1. ผู้ช่วยศาสตราจารย์สืบพงษ์ ปราบใหญ่ อธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง ได้ใช้วุฒิการศึกษาปริญญาเอกที่ไม่ได้รับการรับรองจากสำนักงาน ก.พ. ในการสมัครเข้าบรรจุเป็นพนักงานมหาวิทยาลัย ตำแหน่งอาจารย์ คณะศึกษาศาสตร์ โดยสำนักงาน ก.พ. ได้รายงานให้สภามหาวิทยาลัยรามคำแหงทราบว่า จากการตรวจสอบวุฒิการศึกษาระดับปริญญาเอกของผู้ช่วยศาสตราจารย์สืบพงษ์ ปราบใหญ่ ปรากฏว่า "ไม่พบข้อมูลระดับปริญญาเอก" รายละเอียดปรากฏตามหนังสือลับจากสำนักงาน ก.พ. ลงวันที่ 10 ส.ค. 2565
...
2. ผู้ช่วยศาสตราจารย์สืบพงษ์ ปราบใหญ่ อธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง ได้ทำการรับโอนทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดฐานร่ำรวยผิดปกติ ซึ่งถือเป็นความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ จากนายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม โดยการรับโอนทรัพย์สินดังกล่าวเป็นการรับโอนที่ดินจำนวน 2 แปลง อันได้แก่ ที่ดินโฉนดเลขที่ 52022 ตำบลบางปลากด อำเภอองครักษ์ จังหวัดนครนายก และที่ดินโฉนดเลขที่ 52023 ตำบลบางปลากด อำเภอองครักษ์ จังหวัดนครนายก เมื่อวันที่ 15 ธ.ค. 2554 ซึ่งผู้ช่วยศาสตราจารย์สืบพงษ์ ปราบใหญ่ ได้รับการบรรจุเป็นพนักงานมหาวิทยาลัยแล้ว และการรับโอนทรัพย์สินดังกล่าวเกิดขึ้นภายหลังจากการที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้ดำเนินการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนนายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม กรณีมีเหตุควรเชื่อว่านายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ร่ำรวยผิดปกติแล้ว และในท้ายที่สุด ผู้ช่วยศาสตราจารย์สืบพงษ์ ปราบใหญ่ ก็ได้ถูกศาลฎีกาพิพากษายึดที่ดินดังกล่าวทั้งสองแปลงตกเป็นของแผ่นดินตามคำพิพากษาฎีกา ที่ 469/2561
นอกจากนี้ คณะกรรมการเพื่อพิจารณาและเสนอความเห็นฯ ที่แต่งตั้งโดยสภามหาวิทยาลัยรามคำแหง ยังได้ตรวจสอบพบข้อเท็จจริงเพิ่มเติมอีกว่า หลังจากที่ศาลฎีกาได้มีคำพิพากษาแล้ว ผู้ช่วยศาสตราจารย์สืบพงษ์ ปราบใหญ่ ก็ไม่ได้นำส่งมอบโฉนดที่ดินทั้งสองแปลงตามคำพิพากษาศาลฎีกา จนล่วงเลยระยะเวลามาประมาณ 2 ปีเศษ กระทั่งกระทรวงการคลังได้ยื่นคำขอโอนตามกฎหมายโดยขอออกโฉนดใบแทน และได้มีการจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงทางทะเบียนโอนให้กระทรวงการคลัง เมื่อวันที่ 27 ก.พ. 2563
3. ผู้ช่วยศาสตราจารย์สืบพงษ์ ปราบใหญ่ อธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง ทูลเกล้าฯ ถวายฎีการ้องขอความเป็นธรรมจากพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ด้วยข้อความอันเป็นเท็จ จงใจบิดเบือนข้อมูล ใส่ร้ายป้ายสีกรรมการสภามหาวิทยาลัยรามคำแหงด้วยการตัดแต่งข้อมูลอย่างปราศจากมโนสำนึก ขาดความรับผิดชอบ และเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนเป็นสำคัญ เพื่อสกัดกั้นไม่ให้สภามหาวิทยาลัยรามคำแหงดำเนินการตรวจสอบหรือสอบสวนเรื่องต่างๆ ที่ผู้ช่วยศาสตราจารย์สืบพงษ์ ปราบใหญ่ ถูกร้องเรียน
กรณีการทูลเกล้าฯ ถวายฎีกานั้น สืบเนื่องจากผู้ช่วยศาสตราจารย์สืบพงษ์ ปราบใหญ่ ได้เคยถูกสภามหาวิทยาลัยรามคำแหงถอดถอนออกจากตำแหน่งอธิการบดีมาครั้งหนึ่งแล้วด้วยข้อหาจงใจฝ่าฝืนข้อบังคับมหาวิทยาลัยรามคำแหง ว่าด้วยการประชุมสภามหาวิทยาลัย พ.ศ. 2541 แต่ได้กลับมาปฏิบัติหน้าที่ดังเดิมด้วยคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวของศาลปกครองสูงสุด แต่ผู้ช่วยศาสตราจารย์สืบพงษ์ ปราบใหญ่ ยังจงใจใช้สิทธิซ้ำซ้อนในการทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาขอความเป็นธรรม ทั้งที่เรื่องดังกล่าวยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลปกครองกลาง
อย่างไรก็ตาม สภามหาวิทยาลัยรามคำแหง ได้มีการทำหนังสือชี้แจงเกี่ยวกับการทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาของผู้ช่วยศาสตราจารย์สืบพงษ์ ปราบใหญ่ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับทราบแล้ว ส่วนรายละเอียดของการทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาด้วยข้อความอันเป็นเท็จและไม่เหมาะสมอย่างยิ่งเป็นเช่นไรนั้น สภามหาวิทยาลัยรามคำแหงไม่อยู่ในฐานะที่จะให้รายละเอียดด้วยประการใดๆ ในขณะนี้ได้
ดังนั้น พฤติการณ์ทั้งหมดข้างต้นของผู้ช่วยศาสตราจารย์สืบพงษ์ ปราบใหญ่ อธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง ประกอบกับข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานที่ปรากฏ ย่อมเพียงพอต่อการที่สภามหาวิทยาลัยรามคำแหงจะไม่ไว้วางใจให้ผู้ช่วยศาสตราจารย์สืบพงษ์ ปราบใหญ่ ดำรงตำแหน่งอธิการบดีอีกต่อไป และสมควรที่สภามหาวิทยาลัยรามคำแหงจะมีมติให้ถอดถอนให้พ้นจากตำแหน่งอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง ตั้งแต่วันลงมติเป็นต้นไป.