“Heal the world Thailand 2022”... เยียวยาโลก เยียวยาใจ รวมพลังอันยิ่งใหญ่ด้วยหัวใจดวงเล็กๆเพื่อ “โลกของเรา” ที่โอบอุ้มทุกสรรพชีวิตบนโลกใบนี้มานานแสนนาน

หากแต่ในระยะเวลา 40 ปีที่ผ่านมา มนุษย์พัฒนาเทคโนโลยีก้าวล้ำ อย่างรวดเร็ว จากยุคเครื่องจักรกล สู่ยุคดิจิทัล ควอนตัม ขณะเดียวกันการพัฒนานั้นก็สร้างการเปลี่ยนแปลงในทางลบ
“น้ำฝน”...ไม่สามารถดื่มกินได้ “ผืนดิน”...ปนเปื้อนสารพิษ สารเคมี ไมโครพลาสติก “อากาศ”...ที่เราหายใจและชั้นบรรยากาศถูกทำลาย เกิดฝุ่นอนุภาค pm2.5 รังสีจากดวงอาทิตย์รุนแรงจนแสงแดดแสบผิว
มหาสมุทรเกิด Dead Zone...เขตมรณะ สภาพพื้นที่ไร้ออกซิเจนในน้ำ ไร้สิ่งมีชีวิตขยายตัวอย่างรวดเร็วใหญ่เท่ารัฐเท็กซัส ขนาด 1 ตารางกิโลเมตร และจากจุดเดียวก็กลายเป็นสามร้อยกว่าจุดทุกมหาสมุทรทั่วโลก
ทั้งหมดนี้คือสัญญาณจาก “โลก”... แม่พระธรณีหรือ...ไกอา (Gaia) ตามแต่ความเข้าใจของแต่ละความเชื่อและการเรียกขาน หลายคนที่เชื่อมโยงสื่อสารกับโลกหรือไกอาได้ก็ต่างตระหนักรู้จากข้อความที่ตรงกันว่า...“โลกไม่ไหวแล้ว”...ชีพจรของโลก หรือ earth resonance กำลังแผ่วลงไปเรื่อยๆ
...
“คนฟอกจิต” ด้วยพลังงานแห่งรัก มุมมองจาก ธนิษฐา นาคามดี ผู้หญิงหัวใจพิเศษ บอกว่า แค่เรารู้ว่าทุกข์ ยอมรับว่าทุกข์นั้นเกิดจากความคิดของเราเอง...โทษคนรอบตัว แต่ไม่ได้กลับมองตัวเองว่าที่จริงแล้วเกิดจากตัวเราเอง ความคิดของเราเอง...ให้เข้าใจว่า ตัวตนของเราเหมือนผ้าสกปรกที่เราต้องฟอก

“เมื่อฟอกจิตแล้วความผ่องใส...ความสงบในจิตใจก็เกิดขึ้น ปัญญาก็จะเกิดในสภาพแวดล้อมที่วุ่นวาย แล้วเราก็จะเห็นทางออกที่รอเราอยู่หรือสิ่งที่เราควรจะเลือกดำเนินต่อไป ทุกคนก็ทุกข์เหมือนกันทุกข์เพราะอยาก...โยนความสุขไปข้างหน้าแล้วก็วิ่งตามมัน ยิ่งตามก็ยิ่งเหนื่อย จนทำให้ไม่เห็นทางออก”
ถ้าเราเลือกมอง เลือกทางออกอย่างมีปัญญา ก็จะขจัดทุกข์ได้ แล้วพอมีความยอมรับสิ่งรอบตัวเราได้ ความทุกข์ก็จะหายไปเองทดแทนด้วยความสุขที่เกิดจากตัวเราเอง สั้นง่ายๆก็คือ...“ไม่เอาอีกแล้วความทุกข์ๆๆ” ฟอกไปเรื่อยๆ...แล้วทุกอย่างก็จะง่ายขึ้น จะทุกข์จะสุขก็อยู่ที่ตัวเราทั้งสิ้น จงพอใจ... ภูมิใจในตัวเอง
อาจารย์จารุวัตร จันทร์โพธิ์ศรี (ทิพยจักร) เสริมว่า สังคมเราทุกวันนี้มีการทะเลาะเบาะแว้งกันสูงมาก ทั้งหมดปฏิเสธไม่ได้ว่ามาจากอุปนิสัยของมนุษย์เป็นตัวเริ่มต้น ถ้าเปรียบโลกเหมือนกับสิ่งมีชีวิตก็ถือว่าอ่อนพลังลงมาก สิ่งที่จะมาแก้ไขไม่ใช่ว่ามีผู้วิเศษสักคนมาช่วย แต่ต้องมาแก้ไขที่จิตใจของแต่ละคน
“การทำสมาธิจึงเป็นเรื่องสำคัญ เกี่ยวโยงกับการปลูกฝังคุณธรรม”
นับรวมไปถึงเรื่องจักระ ปราณ ศาสตร์โบราณ ซึ่งจักระแต่ละจักระเป็นตัวพัฒนากาย วาจา ใจของมนุษย์ ยกตัวอย่างเช่น จักระที่หัวใจนั้นเป็นศูนย์รวมความรู้สึก ถ้าเราพัฒนาได้เท่ากับว่าเราจะสามารถพัฒนาความรัก คิดแต่เรื่องบวก ไม่รู้สึกโกรธโมโหง่าย แน่นอนถ้าหากว่าจิตใจเราไม่ดีคับแคบก็เรียกว่าจักระหัวใจมีปัญหา
ทำให้...ความนึกคิดของเราทั้งหมดเป็นไปในทางคับแคบ ในทางลบ อยากไปเบียดเบียนคนอื่น ทะเลาะเบาะแว้ง ไม่เข้าใจกัน
ส่วนจักระเบื้องบนขึ้นไป เช่น จักระคอ วิสุทธิจักร ถ้าพัฒนา...เราจะอยากพูด ฟังในสิ่งที่ดี มีคุณธรรม หรือจักระตาที่สามพัฒนาขึ้นมาจะเข้าใจในธรรมชาติ จนถึงความเข้าใจในจิตใจมนุษย์ได้เป็นอย่างดี

...
“ความเชื่อแต่โบราณมีว่าการพัฒนาจักระให้ครบทั้ง 7 จะนำไปสู่ความรู้แจ้ง การพัฒนาคุณธรรมในใจมนุษย์ ให้เราเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ จนกระทั่งเราเขยิบขึ้นไปเป็นเทวดาในร่างมนุษย์ ถ้าหากคนเราแต่ละคนสามารถยกพื้นฐานจิตใจของเราเองได้...เราเป็นมนุษย์แต่จิตใจภายในเราเป็นเทวดา สิ่งศักดิ์สิทธิ์”
เท่ากับว่าเราจะทำให้สังคมเรามีความสุขตามไปด้วย เพราะฉะนั้นโลกของเราจะดีไม่ดีก็อยู่ที่ตัวเราแต่ละคน...สำหรับคนทั่วไปถ้าไม่ได้ศึกษาจักระ หากศึกษาในเรื่องพระพุทธศาสนา ศีล สมาธิ ปัญญา คือ...ต้องรู้จักควบคุมความต้องการของตัวเรา ต้องมาละเมียดกับความรู้สึกนึกคิด อารมณ์ยามที่เจอกับสิ่งที่เราไม่ชอบ
หรือสิ่งที่แตกต่างกับเรา ทุกวันนี้ที่ทะเลาะกันเรื่องสังคม การเมืองก็เพราะความเห็นต่าง...ต่างแล้วก็ไม่รู้จักควบคุมจิตใจ อะไรที่เราเห็นต่างก็รู้สึกว่าอยากจะเสียดสี แซะ ตามอารมณ์ที่ถูกกิเลสบัญชา
ปัจจุบันจะเห็นว่าความต่างนั้นทั้งมากแล้วแรงกว่าอดีต ก็มาจากสังคมออนไลน์ที่พัฒนารวดเร็วฉับไวก็ยิ่งเพิ่มดีกรีไม่หยุดง่ายๆ สุดท้ายยิ่งเทคโนโลยีพัฒนาไวเท่าไหร่ เรา (มนุษย์) ก็ต้องกลับมาพัฒนาใจด้วย

...
“Heal the world Thailand 2022”...เยียวยาโลก เยียวยาใจ ไม่ว่าจะศึกษามาจากศาสตร์ใดสายไหนก็มาร่วมได้เพราะสุดท้ายก็อยู่ที่การพัฒนา “คุณธรรม” ในตัวคุณ...ด้วยมุ่งให้สังคมมีความรัก เข้าใจกัน
ศาสตร์ในเรื่องสมาธิสำคัญข้อหนึ่ง...อย่าให้ใจตัวเองเป็นแผล “สิ่งดีๆขอให้ฝังรากอยู่ในใจเรา สิ่งอะไรที่ไม่ดีก็ขอให้เหมือนเอามีดกรีดลงไปในอากาศ ไม่เป็นรอย”
อ.คณานันท์ ทวีโภค ผู้ปลุกพลังแห่งความโชคดี ย้ำว่า เงื่อนปมทั้งจากธรรมชาติและจากมือมนุษย์ทำให้เกิดสิ่งเหล่านี้และช่วงเวลานี้ก็กำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านยุค หลายคนบอกว่าจะเกิดภัยพิบัติ แต่ในขณะเดียวกันผมเชื่อว่า “จักรวาล” อาจจะมีแผนที่ดีให้
“เราอาจจะวาร์ปข้ามยุค ข้ามเหตุการณ์ผ่านพ้นภัยพิบัติเข้าไปสู่ยุคชาววิไลได้”

จุดสำคัญที่สุดก่อนที่จะถึงจุดนั้น...ความเชื่อในเรื่อง “ยุคชาววิไล” มีมาในหลายยุคสมัย คำทำนาย คำบอกกล่าวก็มี...ชาววิไล คือผู้มีใจสูง ความหมายคือ จิตสำนึกมวลรวมของเราอยู่ในระดับไหน ไม่มีความอยากได้ใคร่ดี กิเลสน้อย...ยกระดับเข้าสู่ความเมตตา การแบ่งปัน การรู้ตื่น รู้ว่าเราไม่ใช่แค่ร่างกาย
...
แต่ที่จริงเราคือ...จิตใจที่ผ่านชาติภพ ผ่านการเดินทาง ผ่านการเรียนรู้สั่งสมประสบการณ์จนมาเป็นเราทุกวันนี้
วันนี้เราไม่ใช่แค่บำบัดรักษาเยียวยาจิตใจร่างกายเราเท่านั้น หากแต่โลกใบนี้ต้องการมากกว่า เราจะมาส่งพลังให้โลกของเรา สิ่งสำคัญก็คือการยิ่งให้ยิ่งได้ “คนที่ส่งพลังให้ส่วนรวมมากเท่าไหร่ มีกำลังใจที่จะช่วยเหลือให้โลกดีงามมากเท่าไหร่ หรือการที่รับพลังงานลงมาและส่งผ่านเราลงมาสู่โลกเท่าไหร่...
หรือ...ปกติเราขอพลังมาเพื่อตัวเราเอง จักรวาลส่งพลังมาให้เราหนึ่งส่วน แต่ถ้าเมื่อไหร่เราขอให้ทุกสรรพชีวิตในโลก ให้ต้นไม้ทุกต้น ก็จะได้พลังมามากมายมหาศาล ดังนั้นยิ่งให้เราเอากลับยิ่งได้ ผลลัพธ์คือกระแสพลังงานที่ผ่านเรามาด้วยไปในตัว กลายเป็นว่า...เราไม่ได้เสียพลังในการส่งพลังกับโลก”

ตรงกันข้ามในการตั้งจิต อธิษฐานจิต หรือการโปรแกรมจิต การตั้งเงื่อนไขในการอธิษฐาน...ขณะที่ส่งพลังเราก็เป็นสิ่งมีชีวิตหนึ่งในโลกพลังก็ส่งมาให้เราด้วย
มีการทดลองในต่างประเทศสนับสนุนด้วยว่า...เมื่อใดก็ตามที่คนมีจิตสำนึกร่วมในสิ่งที่ดี มีจิตเจตนาร่วมกันพลังงานจะเพิ่มขึ้นเป็นยกกำลัง อย่างเช่น เราทำสมาธิ 1 คน มีพลังงาน 1 ส่วน แต่พอเรามาทำร่วมกัน 100 คน ก็เท่ากับยกกำลัง 100 ไม่ใช่ 100 เท่าหรือ 100 ส่วน...พลังงานมากมายมหาศาล
งานนี้จึงมีความสำคัญมาก พลังงานที่เกิดขึ้นมีสิ่งที่เรียกว่าการสั่นสะเทือน เหนี่ยวนำให้จิตดวงอื่นเกิดคลื่นความถี่ เกิดกระแสจิตเดียวกันได้ สิ่งสำคัญก็คือการทำอภิจิต...อธิษฐานจิตครั้งนี้ เราตั้งใจส่งต่อไปยังโลก ถึงเวลาแล้วที่ต้องการความช่วยเหลือ...ช่วยกันทำ เข้าถึง ดึงพลังงานลงมาให้โลก.